ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 981 เผ่าเกล็ดผลึก

“ยังมีอีก พวกนี้คือดอกแมวเพลิง ดูระดับแล้วคงเป็นระดับสุดยอด”

“หญ้าเสียงหงส์!”

“ผลมังกรตระหง่าน!”

จินเทียนชื่อดูเหมือนคุ้นเคยกับหญ้าจิตวิญญาณและสมุนไพรจิตวิญญาณอย่างยิ่ง เขาเอ่ยชื่อและอายุของสมุนไพรแต่ละชนิดออกมาราวกับนับสมบัติในบ้าน แต่ไม่เอื้อมมือออกไปเด็ด

ครึ่งหนึ่งของหญ้าจิตวิญญาณกับสมุนไพรจิตวิญญาณในสวนอายุเกินหนึ่งหมื่นปี แต่นี่ก็ไม่แปลก เศษซากโลกบนเปิดออกสามหมื่นปีหน อีกทั้งที่นี่ยังค่อนข้างเร้นลับ อาจไม่มีใครมาถึงที่แห่งนี้หลายหมื่นปีแล้ว

“หญ้าจิตวิญญาณเหล่านี้มีค่ากับนิกายยิ่งนัก ศิษย์น้องหลัว หลังเจ้าออกจากเศษซากโลกบนหากมอบหญ้าจิตวิญญาณกับสมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านี้ทั้งหมดให้แก่นิกาย เชื่อว่านิกายจะต้องไม่เอาเปรียบเจ้าแน่” จินเทียนชื่อสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยกับหลัวเทียนเฉิง

หลัวเทียนเฉิงฟังแล้วแววตาร้อนแรง รีบประสานมือเอ่ยว่า

“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว ขอบคุณศิษย์พี่จินยิ่งนักที่ชี้แนะ”

“เอาล่ะ ทุกคนเก็บหญ้าจิตวิญญาณกับสมุนไพรจิตวิญญาณที่โตเต็มที่ตรงนี้ไปให้หมดแล้วรีบไปจากที่นี่ ข้ารู้สึกว่าที่แห่งนี้พิกลอยู่บ้าง” จินเทียนชื่อเอ่ยกับคนที่เหลือรอบด้าน

หนึ่งเค่อหลังจากนั้นหญ้าจิตวิญญาณกับสมุนไพรจิตวิญญาณทั้งสวนสมุนไพรก็ถูกเด็ดมาหมดสิ้น ครึ่งหนึ่งมอบให้หลัวเทียนเฉิง ส่วนสมุนไพรจิตวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งแบ่งให้ศิษย์ห้าคนที่เหลือเท่าๆ กัน จินเทียนชื่อเก็บไว้เพียงไม่กี่ชนิดในนั้นเท่านั้น

“ไปเถอะ” จินเทียนชื่อกล่าว จากนั้นแสงดาวก็หุ้มรอบร่างแล้วเหาะนำไปยังทางที่เข้ามาก่อนหน้านี้

ทุกคนเห็นเช่นนี้ย่อมไม่รั้งอยู่ต่อ พวกเขาพากันกลายเป็นลำแสงตามไปติดๆ

เพราะยามมากังวลว่าในทางเดินนี้จะมีอันตราย ทุกคนจึงเดินช้าอย่างยิ่ง เวลานี้ยามกลับพวกเขากลายเป็นลำแสงเหาะไปตลอดทาง เพียงครู่เดียวก็เหาะออกมาจากตำหนักศิลาสีน้ำเงินแล้ว

ทุกคนมองสภาพรอบประตูตำหนักศิลาก็เห็นเพียงรอบด้านเงียบสงบ ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติแม้แต่น้อย สีหน้าจึงผ่อนคลาย

“ฮ่าๆ รอบนี้เสียแรงไม่เท่าไรก็ได้สมุนไพรล้ำค่ามาไม่น้อย ต้องขอบคุณศิษย์น้องหลัวมาก” ศิษย์หนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งยิ้มแย้มเอ่ยขึ้นมา

สามคนที่เหลือรวมทั้งเวินเจิงได้ยินก็พยักหน้าแล้วเอ่ยตามอีกหลายประโยค

หลัวเทียนเฉิงหัวเราะแผ่วเบา ขณะที่กำลังจะเอ่ยถ้อยคำถ่อมตนสักสองสามประโยค ทันใดนั้นจินเทียนชื่อที่ยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนสีหน้า สายตากวาดมองรอบด้านอย่างเร็วไวแล้วเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นว่า

“ระวัง พวกเราถูกล้อมแล้ว”

คนที่เหลือได้ยินต่างตกตะลึงทันที แต่ยังไม่ทันที่จะทำสิ่งใด จู่ๆ บึงน้ำรอบแอ่งกระทะก็พลันมีแสงสีฟ้าสิบกว่าสายส่องสว่าง พร้อมกับที่ไอเย็นยะเยือกสีขาวโถมไปทั่วทุกสารทิศ พริบตาเดียวปกคลุมพื้นที่หลายร้อยจั้ง อากาศหนาวขึ้นจนเกล็ดหิมะสีขาวลอยละล่องลงมา

ชายหนุ่มร่างกำยำสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ร่างกายขยับคิดจะเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า

“อย่าขึ้นไป ด้านบนก็มีคน!” จินเทียนชื่อดึงเขาไว้พร้อมกับเอ่ยเสียงเย็นชา

เมื่อคำนี้เอ่ยออกมา พวกหลัวเทียนเฉิง เวินเจิงและคนอื่นๆ ล้วนเปลี่ยนสีหน้าไปในทันใด เดิมพวกเขาก็คิดจะเหาะขึ้นไปข้างบนเช่นกัน แต่เวลานี้ได้ยินคำพูดของจินเทียนชื่อจึงรีบหยุดร่างกายไว้

ผลปรากฏว่าสิ้นเสียงจินเทียนชื่อไม่นาน รอบด้านและบนท้องฟ้าพลันเกิดคลื่นไหวสะเทือน เงาคนสีฟ้ากลุ่มหนึ่งปรากฏตัวออกมาอย่างเชื่องช้า

พวกหลัวเทียนเฉิงปฏิกิริยาว่องไวที่สุด เวลานี้บนร่างมีเกราะป้องกันหลากสีส่องสว่าง มีเพียงจินเทียนชื่อที่ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เขายังคงยืนเอามือไพล่หลัง ดวงตากวาดมองเงาคนสีฟ้าที่อยู่รอบด้าน สุดท้ายก็หยุดสายตาอยู่บนร่างคนสีฟ้าสองร่างกลางท้องนภาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“พวกเจ้าเป็นผู้ใด เหตุใดต้องซุ่มโจมตีพวกเราที่นี่”

เวลานี้แสงสว่างบนร่างเงาคนสีฟ้ารอบด้านค่อยๆ จางลงจนเผยโฉมหน้าที่แท้จริง พวกเขาก็คือพวกต่างเผ่าร่างสีฟ้าที่ลอบมองคนของนิกายยอดบริสุทธิ์ก่อนหน้านี้นั่นเอง บนร่างพวกเขามีเกล็ดใสแวววาวสีฟ้าอ่อนงอกอยู่เต็มไปหมด

“จิ๊ๆ พวกเจ้าเผ่ามนุษย์ช่างน่าขันเสียจริง กำลังจะตายอยู่แล้วยังจะเปลืองคำพูดมากมายอะไรปานนั้น!” ปราณที่แผ่ออกมาจากร่างพวกต่างเผ่าสองคนกลางท้องฟ้ามหาศาลอย่างยิ่ง กลางหว่างคิ้วของแต่ละตนมีตราสัญลักษณ์สีม่วงคล้ายกลีบดอกไม้ดวงหนึ่ง พวกต่างเผ่าตนหนึ่งในนั้นที่สะพายหอกยาวสีฟ้าอยู่ข้างหลังได้ยินคำถามของจินเทียนชื่อก็หัวเราะหยันอย่างอดไม่ไหว

“ศิษย์พี่จิน เจ้าพวกนี้ก็คือพวกต่างเผ่าที่ลอบจู่โจมฐานที่มั่นชั่วคราวของพวกเราเมื่อหลายวันก่อน!” เมื่อชายหนุ่มกำยำเห็นร่างจริงของเงาคนสีฟ้ารอบด้านก็เอ่ยขึ้นอย่างโกรธแค้นยิ่งนัก

คนที่เหลือต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสี!

“เผ่าเกล็ดผลึกจากสุดยอดเผ่าทั้งสาม แล้วยังมีสายเลือดราชวงศ์อีกด้วย!”

เมื่อจินเทียนชื่อเห็นหน้าตาของพวกต่างเผ่าสีฟ้าสองตนกลางท้องฟ้าชัดก็สูดลมหายใจลึก สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นครั้งแรก

“ค่ายกลผลึกเกลียวคลื่น ตั้ง!”

พวกต่างเผ่าระดับแก่นแท้อีกตนหนึ่งเป็นสตรี หน้าตาคล้ายกับสหายที่สะพายหอกยาวบนหลังอยู่บ้าง นางเหมือนคร้านจะเปลืองคำพูดแล้วจึงโบกมือ แสงสีฟ้าอ่อนสว่างขึ้นบนร่างในทันใด

ครืน!

เผ่าเกล็ดผลึกระดับผลึกสิบกว่าตนที่ล้อมพวกจินเทียนชื่ออยู่ด้านล่างมีสามง่ามเพิ่มขึ้นมาในมือตนละเล่มตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พวกเขาชูมันขึ้นด้านหน้า หลังจากนั้นเสียงท่องมนตร์ทุ้มต่ำแผ่วเบาพลันดังขึ้น ประกายน้ำสีฟ้าผืนแล้วผืนเล่าผุดออกมาจากตัวสามง่ามแล้วเชื่อมต่อกันเป็นผืนกลางท้องฟ้าอย่างรวดเร็วก่อตัวเป็นเกราะสีฟ้ามหึมาชั้นหนึ่ง บนผิวมีประกายน้ำไหลวนเวียนล้อมพวกจินเทียนชื่อไว้ด้านในทั้งหมด

หลัวเทียนเฉิงตวาดเบาๆ นำเป็นคนแรก บนร่างส่องแสงสีเงินสว่างจ้าก่อนจะโจมตีหนึ่งหมัดออกไป

เสียงเปรี้ยงดังก้องกลางอากาศ หัวพยัคฆ์สีเงินที่ก่อตัวขึ้นจนเหมือนร่างจริงพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วแล้วชนเกราะสีฟ้าอย่างหนักหน่วงท่ามกลางเสียงพยัคฆ์คำราม

เวลานี้บนร่างของเวินเจิงผู้สงวนถ้อยคำมาตลอดทางก็เปล่งแสงสีเทาสว่างจ้าเช่นกัน เขาอ้าปากพ่นแสงสีเทาสายหนึ่งกรีดบนนิ้วมือของมือขวา ประกายโลหิตปรากฏในทันที เลือดที่หลั่งรินออกมาลอยค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะก่อตัวเป็นอีกาพิบัติสีเลือดขนาดเล็กตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ปราณสีเทาบนร่างเขาผสานเข้าไปในร่างอีกาพิบัติสีเลือดอย่างเร็วไว เพียงพริบตาอีกาพิบัติสีเลือดก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดสิบกว่าจั้ง พวกมันส่งเสียงร้องกาๆ บินว่องไวพุ่งเข้าใส่เกราะสีฟ้าอย่างดุดัน

สิ่งที่ทำให้คนตกใจก็คือเมื่อเสียงคล้ายกระแสคลื่นดังขึ้น เกราะแสงสีฟ้าเพียงเปล่งแสงสีฟ้าวูบหนึ่งสร้างประกายน้ำสีฟ้าอ่อนวงแล้ววงเล่าออกมา จุดที่ประกายน้ำเคลื่อนผ่าน ไม่ว่าเงาหมัดสีเงินหรืออีกาพิบัติสีเทาล้วนถูกกลืนหายเข้าไปด้านในอย่างเงียบเชียบ

หลัวเทียนเฉิงกับเวินเจิงเห็นเช่นนี้ต่างสีหน้าตกตะลึง เมื่อครู่พวกเขาเร่งพลังของตัวเองโจมตีสุดกำลังแล้ว แต่กลับไม่สะเทือนค่ายกลแม้แต่น้อย

“ฮ่าๆ ค่ายกลผลึกเกลียวคลื่นนี่ขังได้กระทั่งผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ ในเมื่อเข้ามาในค่ายกลนี้แล้วก็อย่าเพ้อฝันว่าจะมีชีวิตรอด! ทำตัวดีๆ จะได้ทรมานน้อยลงหน่อย!” พวกต่างเผ่าระดับแก่นแท้ที่ถือหอกสีฟ้าเห็นเช่นนี้พลันหัวเราะหยันอย่างดูแคลน

ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์นอกจากจินเทียนชื่อได้ยินคำนี้ล้วนหน้าถอดสีอย่างห้ามไม่ได้

จินเทียนชื่อมองเกราะแสงสีฟ้ารอบด้าน แล้วมองพวกต่างเผ่าระดับแก่นแท้สองตนบนท้องฟ้า รูม่านตาหดเล็กลงเล็กน้อยแต่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ทำสิ่งใด

เวลานี้เองเกราะแสงสีฟ้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เผ่าเกล็ดผลึกรอบด้านสะบัดสามง่ามในมือ ทันใดนั้นฟองอากาศมหึมาฟองแล้วฟองเล่าก็ผุดออกมาบนเกราะแสงสีฟ้า พวกมันเดือดพล่านและส่งเสียงดังปุดๆ ขณะที่บนฟองอากาศมีสีฟ้าไหลวนไม่หยุด

“แย่แล้ว พวกเขาจะทำอะไร!” หลัวเทียนเฉิงตะโกนเสียงดังทันที

เขาเพิ่งเอ่ยจบ ฟองอากาศสีฟ้ารอบด้านก็สั่นแล้วแตกออก ผลึกใสสีฟ้ามากมายนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากฟองอากาศแล้วพุ่งรวดเร็วเข้าใส่ผู้คนของนิกายยอดบริสุทธิ์จากทั่วทุกสารทิศ พลังดุดันอย่างที่สุด

เหล่าศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ที่อยู่ตรงกลางหลบไม่ได้แม้แต่น้อย

“พวกต่างเผ่าเหล่านี้ถนัดการโจมตีธาตุน้ำแข็ง ผลึกน้ำแข็งนี่พลังมากยิ่งนัก รีบหลบเร็ว!” ชายหนุ่มร่างกำยำเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงร้อนรน แสงสีน้ำเงินส่องสว่างออกมาจากร่างเรียกโล่น้อยสีน้ำเงินชิ้นหนึ่งออกมาป้องกันพื้นที่หลายจั้งเบื้องหน้าไว้

ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์อีกสองคนที่ได้เห็นความร้ายกาจของเผ่าเกล็ดผลึกเหล่านี้แล้วเรียกอาวุธจิตวิญญาณคุ้มครองกายออกมาทันทีที่เห็นค่ายกลเปลี่ยน พวกเขาต่ออาวุธให้ติดกับแสงสว่างจากโล่น้อยของบุรุษชุดน้ำเงินทันที

หลัวเทียนเฉิงกับเวินเจิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่พูดสักคำ แสงสีเงินกับแสงสีเทาส่องสว่างออกมาจากร่างก่อตัวเป็นเกราะป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่าดุจเดียวกัน

พวกเขาสมกับที่เป็นศิษย์แกนนำระดับผลึกของนิกายยอดบริสุทธิ์ แม้สถานการณ์ตกเป็นรอง แต่ไม่สับสนแม้แต่น้อย พวกเขายืนหันหลังชนกัน สร้างม่านแสงทรงกลมหลากสีชั้นหนึ่งขึ้นมาคุ้มครองกายในชั่วลมหายใจ ปกป้องทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าไว้อย่างแน่นหนา

บึ๊ม!

ผลึกน้ำแข็งสีฟ้านับไม่ถ้วนโจมตีบนม่านแสงหลากสีอย่างรุนแรง พลังมหาศาลไหลผ่านจากม่านแสงไปยังร่างของเหล่าศิษย์แห่งนิกายยอดบริสุทธิ์

พวกหลัวเทียนเฉิงร่างกายสะท้าน สีหน้าซีดเผือดในพริบตา ม่านแสงทรงกลมที่ปกป้องร่างอยู่สั่นไหวแทบจะพังทลายในทันที

หนึ่งบุรุษ หนึ่งสตรียอดฝีมือจากต่างเผ่าที่อยู่บนท้องฟ้าลอยอยู่ที่เดิมไม่ขยับคล้ายกับว่าคร้านจะลงมือเอง

ในเวลานี้เองจินเทียนชื่อที่ยืนอยู่ตรงกลางหมู่คนพลันสีหน้าเปลี่ยนไป เขาถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ทันใดนั้นแสงดาวสีขาวเรืองๆ ก็ฉายออกมาจากร่างพร้อมกับที่เขาพึมพำแผ่วเบาขึ้นมาหนึ่งประโยค

“ช่างเถิด ในเมื่อพบสายเลือดราชวงศ์ของสุดยอดเผ่าทั้งสามเข้า วิธีธรรมดาย่อมไม่ช่วยอะไร ได้แต่ทำเช่นนี้แล้ว” สิ้นเสียง แสงดาวสีขาวหลายสายก็พุ่งออกจากร่างของเขาผสานลงบนม่านแสงป้องกันของพวกหลัวเทียนเฉิงอย่างรวดเร็ว ม่านแสงที่เดิมทีจวนเจียนจะพังทลายฉับพลันมีแสงดาวฉาบอยู่บนผิวและกลับมามั่นคง

หลังจากนั้นผลึกน้ำแข็งสีฟ้าระลอกแล้วระลอกเล่าก็โจมตีลงบนม่านแสงอีก แต่ม่านแสงหลากสีกลับตั้งตระหง่านไม่ขยับ ทนรับการโจมตีของผลึกน้ำแข็งทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

คนต่างเผ่าระดับแก่นแท้ผู้ครองหอกสีฟ้ากับสตรีระดับแก่นแท้อีกคนหนึ่งเห็นสถานการณ์เช่นนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในทันใด

พวกหลัวเทียนเฉิงศิษย์ของนิกายยอดบริสุทธิ์ทั้งหลายเวลานี้ทั้งตกตะลึงทั้งยินดี พวกเขาหันไปมองจินเทียนชื่อ ทว่าทันใดนั้นพวกเขาก็ตกตะลึง

จินเทียนชื่อในเวลานี้มีลวดลายจิตวิญญาณห้าสีเส้นแล้วเส้นเล่าพันธนาการทุกแห่งบนร่างเขาอย่างหนาแน่นราวกับสายโซ่ แต่ผิวของเขากลับเปล่งแสงสีทองแสบตาเหมือนกำลังพุ่งโจมตีลวดลายจิตวิญญาณสายโซ่ไม่หยุด

“เปรี๊ยะ” เสียงดังกังวาน ลวดลายจิตวิญญาณสายโซ่เกิดรอยร้าว ผิวของจินเทียนชื่อยิ่งส่องแสงสีทองระยิบระยับ แต่ในดวงตากลับเผยแววตาจนปัญญา ทันใดนั้นสองมือเขาก็ประสานสัญลักษณ์ประหลาดท่าหนึ่งเบื้องหน้า

แสงสีทองบนผิวของเขาฉับพลันสว่างขึ้นอีกหนึ่งเท่า ลวดลายจิตวิญญาณสายโซ่ห้าสีไม่อาจทนได้อีกต่อไป เพียงครู่เดียวมันก็แตกกระจายพร้อมเสียงดังกึกก้องกลายเป็นละอองแสงแวววาวหลากสี

ลำแสงสีทองหนาอย่างยิ่งสายหนึ่งพุ่งจากร่างจินเทียนชื่อตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้นลำแสงสีทองก็แยกจากหนึ่งเป็นสิบสองสายซัดออกไปทั่วทุกสารทิศ แรงกดดันจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งแผ่ออกไปทั่วทุกทิศในพริบตา

“ผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์!” เมื่อบุรุษต่างเผ่าผู้สะพายหอกยาวสีฟ้าบนหลังประจักษ์ภาพนี้ก็หลุดปากออกมาในทันใด

เขาเพิ่งเอ่ยจบ ลำแสงสีทองทั้งสิบสองสายก็ชนเข้ากับค่ายกลผลึกเกลียวคลื่นที่อยู่รอบด้านดังเปรี้ยง เกราะแสงสีฟ้าของค่ายกลสั่นไหว เผ่าเกล็ดผลึกระดับผลึกด้านล่างใบหน้าแดงก่ำกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งในพริบตา

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ
Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset