ลิงยักษ์อสูรถูกแห่และโยนไปบนท้องฟ้า สีหน้าเขาทั้งว่างเปล่าและจนปัญญา
ฉินมู่เห็นและอดไม่ได้ที่จะสงสัย ดูเหมือนว่าเจ้าตัวใหญ่จะยังไม่ตระหนักดี เขายังไม่รู้ว่าเขาชนะแล้ว และชนะไปได้อย่างไร
เขาหันศีรษะกลับไปมองเฒ่าหม่าพลางครุ่นคิดในใจ เฒ่าหม่ารู้กันดีว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์ที่สุดในหมู่บ้าน การเลือกเจ้าตัวใหญ่ไปแข่งขันและเอาชนะพุทธบุตรพวกนั้นแห่งสวรรค์ยี่สิบชั้นให้แตกพ่ายในคราวนี้ นับว่าเป็นความคิดอันปราดเปรื่องอย่างสุดขีดขั้ว นี่มันเป็นความคิดของเฒ่าหม่า หรือว่าธรรมะของเจ้าตัวใหญ่นั้นลึกล้ำจริงๆ ทำไมข้ารู้สึกว่ามีผู้คนจากหมู่บ้านของเราลับๆ ล่อๆ ป้อนความคิดร้ายๆ ให้กับเฒ่าหม่าจากเงามืด
เฒ่าหม่าได้กล่าวว่าความคิดที่จะก่อกวนพุทธเจ้าทั้งหลายแห่งสวรรค์ยี่สิบชั้นมาจากเฒ่าใบ้ ก็คงมีแต่เฒ่าใบ้ที่จะร้ายกาจขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น แบบแผนของการก่อกวนผู้คนให้คลั่งใจตายด้วยการส่งลิงยักษ์อสูรออกไป นั่นน่าจะความคิดของเฒ่าบอดที่ชอบทำเป็นเท่
เนตรจิตเทวะของเฒ่าบอดนั้นเชี่ยวชาญในการหาช่องโหว่ เพลงทวนของเขาไม่มีการพลิกแพลงอะไรมากมาย และกล่าวได้ว่าไม่มีกระบวนท่าเลยสักท่า แต่เขากลับสามารถจู่โจมจุดอ่อนของศัตรูได้เสมอ สาเหตุนั้นก็คือเขาสามารถมองทะลุความจริงและความลวงของกระบวนท่าทั้งหมด
ลิงยักษ์อสูรเป็นลิงยักษ์ที่พูดน้อย เขามักจะพูดออกมาทีละคำสองคำ บรรลุแก่นแท้ของการโต้วาทีโดยไม่โต้วาที
หากว่านี่เป็นการโต้วาทีจริงๆ หลวงจีนแห่งวัดใหญ่ฟ้าคำรามทั้งหลายก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะพุทธบุตรพวกนั้นได้ ดังนั้นการโต้วาทีโดยไม่โต้วาทีจึงกลายเป็นจุดสำคัญในการกำชัยชนะ
ไม่ว่าจะพูดน้อยแค่ไหน แต่เจ้าตัวใหญ่ก็มีรากเหง้าปัญญาจริงๆ เขานั้นมีความสำเร็จอันน่าแตกตื่นในการฝึกบำเพ็ญธรรมะ
หัวใจของฉินมู่เต็มไปด้วยความชื่นชม ขณะที่มองไปยังลิงยักษ์อสูร เขาไม่รู้ว่าเขาชนะแล้วและชนะได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะไปแข่งขันต่อสู้ แต่จิตใจของเขาบริสุทธิ์ เขาไม่รู้จักความพ่ายแพ้และชัยชนะ เขาจึงเป็นพุทธบุตรจ้านคง มิน่าล่ะ พุทธเจ้าแห่งสวรรค์ยี่สิบชั้นทั้งหลายจึงเปลี่ยนคำเรียกหาเขา เรียกเขาว่าศิษย์น้องเล็ก เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว ในเมื่อท่านปู่บอดและท่านปู่ใบ้ต่างก็มาช่วยเหลือท่านปู่หม่า แล้วพวกเขาไปไหนเสียล่ะ
ยายเฒ่าซีและเสือเทพยดาขนดำที่เพิ่งจะกลับมาจากสวรรค์หลัวฝู ก็สาบสูญไปโดยไร้ร่องรอยเช่นกัน และนี่ทำให้เขาฉงนฉงายเป็นอย่างยิ่ง
…
“กิน แข็งแกร่ง!”
ฉินมู่กำลังกินอาหารเจ และลิงยักษ์อสูรก็คะยั้นคะยอให้เขากินมากขึ้นอีก เขาคอยพูดเสริมส่งตลอดเวลา และมักจะกำหมัดเบ่งกล้ามเป็นระยะ แสดงให้ฉินมู่เห็นว่าร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้นมาจากการกินมากๆ ได้อย่างไร
อาหารเจของวัดใหญ่ฟ้าคำรามส่วนใหญ่จะเป็นผัก เต้าหู้ และหมั่นโถว ตรงหน้าลิงยักษ์อสูร มีชามเหล็กมหึมาที่ใหญ่กว่าหม้อธรรมดาถึงสี่ห้าเท่า และมันเต็มไปด้วยลูกสนเข็มและลูกสนกรวยที่เขาชอบกิน
ฉินมู่ทานหมั่นโถวเจจำนวนหนึ่งจนกระทั่งเขาอิ่ม
เฒ่าหม่าห่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง และกลับคืนสู่สถานะยูไลหม่า เขากล่าวแก่พวกหลวงจีน “พุทธเจ้าทั้งหลายได้อนุญาตให้ส่งคนไปได้ยังพุทธเกษตรได้สามคนเพื่อแสวงหาความรู้ ในบรรดาสามตำแหน่งนี้ จ้านคงนับเป็นหนึ่ง และหมิงซิ่นก็นับอีกหนึ่ง ข้ากำลังลังเลว่าจะให้ใครไปในตำแหน่งที่สาม”
หลวงจีนจิ่งหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำไมยูไลถึงลังเลล่ะ”
ยูไลหม่าตอบ “ศิษย์พี่ จ้านคงมีรากเหง้าปัญญา และหมิงซิ่นก็ชาญฉลาดในทางโลก ส่งพวกเขาทั้งสองไปเรียนรู้นั้นดีเลิศเป็นอย่างยิ่ง แต่การเรียนรู้ธรรมะไม่ได้ทดสอบรากเหง้าปัญญา แต่ทดสอบปฏิภาณความเข้าใจ พวกเราจะต้องตรึกตรองธรรมะและแปรเปลี่ยนพวกมันให้เป็นทักษะเทวะ เป็นกำลังการต่อสู้ของตนเอง มีก็แต่แบบนั้นจึงจะสามารถสยบมารกำราบปีศาจ และรับมือกับภัยพิบัติได้ในอนาคต มีกมลสันดานพุทธนั้นไม่ได้หมายความว่ากำลังการต่อสู้ของเขาจะเหนือล้ำกว่าคนรุ่นเดียวกัน และนี่คือสิ่งที่ข้ากำลังกังวล จ้านคงและหมิงซิ่นต่างก็มีกมลสันดานแห่งพุทธเจ้า แต่พวกเขาขาดปฏิภาณไปเล็กน้อย”
หลวงจีนเฒ่าผู้หนึ่งกล่าว “ถ้าอย่างนั้น ทำไมยูไลไม่ไปด้วยตนเองล่ะ”
ยูไลหม่าส่ายหัว “ข้าบรรลุเป็นพุทธเจ้าเรียบร้อยแล้ว ข้าไม่อาจข้ามม่านคุ้มกันระหว่างโลกนี้เพื่อไปยังพุทธเกษตรได้ ดังนั้นข้าจึงได้แต่ค้นหาบุคคลที่มีปฏิภาณความเข้าใจเหนือธรรมดาจากรุ่นเยาว์เพื่อไปแทนข้า เขาจะตรึกตรองเข้าใจบรมวิชาอันอัศจรรย์และถ่ายทอดมันให้แก่พวกเรา”
หลวงจีนทั้งหลายแห่งวัดใหญ่ฟ้าคำรามขมวดคิ้ว แม้ว่ายูไลหม่าจะกล่าวว่าปฏิภาณความเข้าใจของลิงยักษ์อสูรและหมิงซิ่นยังไม่ดีพอ แต่มาตรฐานของยูไลหม่านั้นสูงจนเกินไป พรสวรรค์และปฏิภาณของลิงยักษ์อสูรและหมิงซิ่นนั้นยอดเยี่ยมที่สุดท่ามกลางรุ่นเยาว์ในวัดใหญ่ฟ้าคำรามแล้ว
การค้นหาหลวงจีนหนุ่มที่เหนือล้ำกว่าพวกเขาในวัดใหญ่ฟ้าคำราม เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
ยูไลหม่ามองไปที่ฉินมู่ซึ่งกำลังกินอาหารอยู่ในตอนนี้ ลิงยักษ์อสูรข้างๆ เขากำลังกำเม็ดสนเข็มและยื่นไปชิดหน้าฉินมู่ คะยั้นคะยอให้เขากิน
หลวงจีนคนอื่นๆ ก็มองไป และเห็นฉินมู่รับลูกสนเข็มมา เขาบดมันให้เป็นชิ้นเล็กๆ กรุบๆ ก่อนที่จะกินมันกับหมั่นโถว
“เป็นอย่างไร” ยูไลหม่าถามหลวงจีนทั้งหลาย
ทั้งหมดกล่าวเป็นเสียงเดียว “ตัวเลือกอันยอดเยี่ยม วิจารณญาณของยูไลหม่าช่างไร้ผู้ใดเสมอ”
…
“ท่านอยากจะให้ข้าไปที่พุทธเกษตรหรือ”
หลังจากฉินมู่ทานเสร็จ เขาก็ถูกยูไลหม่าเรียกตัวมา เมื่อได้ยินคำพูด ดวงตาเขาก็เบิกกว้างอย่างระงับไม่อยู่ และร่ำร้อง “ข้าเป็นจ้าวลัทธิมารฟ้า และมีความบาดหมางกับวัดใหญ่ฟ้าคำรามนะ หากว่าข้าไปแสวงหาความรู้ที่พุทธเกษตร จะไม่ถูกพุทธเจ้าทั้งหลายทุบตีจนตายเอาหรอกหรือ”
ยูไลหม่าแย้มยิ้ม “พุทธเกษตรและพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มีความบาดหมางกับเจ้าหรือกับลัทธินักบุญสวรรค์ พุทธเจ้าเหล่านั้นได้บรรลุเป็นพุทธเจ้าก่อนที่ยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งจะล่มสลาย และพวกเขาก็ได้ก่อสร้างพุทธเกษตรขึ้นมา ในขณะที่ความบาดหมางระหว่างวัดใหญ่ฟ้าคำรามกับลัทธินักบุญสวรรค์ได้เกิดขึ้นในภายหลังที่ยุคจักรพรรดิก่อตั้งสิ้นสูญไป พุทธเจ้าทั้งหลายเป็นผู้คนที่พูดจากันได้ไม่ไร้เหตุผล ดังนั้นพวกเขาคงไม่จงใจขัดขวางให้เจ้าต้องเดือดร้อน”
ฉินมู่ยังคงลังเล “นี่เป็นโอกาสที่หลวงจีนทั้งหลายแห่งวัดใหญ่ฟ้าคำรามต่อสู้เพื่อให้ได้มา หากว่าคนนอกอย่างข้าได้ไปแสวงหาความรู้ นี่จะไม่เป็นการทำลายความหวังของหลวงจีนทั้งหลายหรอกหรือ”
ยูไลหม่าส่ายหัว “ให้เจ้าไปต่างหากถึงจะมีความหวัง ไปยังพุทธเกษตรเพื่อแสวงหาความรู้นั้นคือการเรียนบรมธรรมแห่งวัดใหญ่ฟ้าคำราม วิชาฝึกปรือพุทธที่ไปถึงบัลลังก์จักรพรรดิได้ ข้าเกรงว่าจ้านคงและหมิงซิ่นจะไม่อาจเข้าใจแก่นแท้ของมัน ดังนั้นให้เจ้าไปจะเหมาะสมกว่า”
ฉินมู่ไม่บ่ายเบี่ยงอีกต่อไป เขาถาม “เมื่อข้าไปยังพุทธเกษตร มีสิ่งใดที่ต้องระวังไหม”
“ธรรมเนียมและกติกาของท้องถิ่น ทำอย่างที่คนที่นั่นกระทำ เจ้าไม่ต้องให้ข้าขยายความหรอก เจ้ารู้เรื่องพวกนี้กระจ่างดี”
ยูไลหม่ากล่าวเสริมอย่างมีนัย “พุทธเกษตรไม่ได้ช่วยเหลือวัดใหญ่ฟ้าคำราม ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่อยากช่วย แต่เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถ สำหรับเหตุผลนี้ เจ้าต้องระมัดระวังต่อการโจมตีซึ่งๆ หน้าและการแทงข้างหลัง”
ฉินมู่อึ้งไป เขาเข้าใจโดยทันทีว่ายูไลหม่าหมายถึงอะไร!
นอกจากเหตุลที่ว่าพุทธเกษตรกริ่งเกรงสภาสวรรค์ที่ว่าๆ กัน อีกข้อก็คงเป็นเพราะว่าสภาสวรรค์ได้ฝังหูตาและอิทธิพลอำนาจไว้ในพุทธเกษตรอย่างมากมาย!
เมื่อไปแสวงหาความรู้ที่พุทธเกษตร หูตาและอิทธิพลอำนาจเหล่านั้นก็จะยื่นมือเข้ามาแตะต้องกับหลวงจีนที่มาจากแดนต่ำใต้เป็นแน่!
คงนึกได้ไม่ยากว่าเรื่องนี้น่าสะพรึงกลัวสักแค่ไหน นี่คงจะเป็นสาเหตุที่ยูไลหม่าต้องการให้เขาไปโดยไม่มีข้อแม้!
แม้ว่าลิงยักษ์อสูรจ้านคงจะมีรากเหง้าปัญญาอันลึกล้ำ แต่ประสบการณ์ของเขาก็ยังไม่เพียงพอ หลวงจีนน้อยหมิงซิ่นมีประสบการณ์มากพอ แต่เมื่อเขาเข้าสู่โลกฆราวาส เขาได้เพียงแต่เข้าร่วมกองทัพและฝึกฝนข้างในนั้น ในด้านกลอุบายอันชั่วร้าย และการรับมือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปร เขานั้นด้อยกว่าฉินมู่หลายขุม
ฉินมู่ได้ผ่านประสบการณ์อันตรายมามากกว่า ทั้งถึงกับเคยเผชิญหน้ากับมารเทวะอย่างฟู่ยื่อลัว เขาสามารถกล่าวได้ว่าเป็นโดดเด่นล้ำเลิศในหมู่รุ่นเยาว์ในด้านความสามารถปรับตัวตามสถานการณ์
นอกจากตรึกตรองทำความเข้าใจบรมธรรมแล้ว เป้าหมายถึงของยูไลหม่าก็คือรับประกันความปลอดภัยของลิงยักษ์อสูรและหมิงซิ่น
“ข้าต้องโกนหัวไหม” ฉินมู่ถาม
ยูไลหม่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเห็นข้าโกนหัวไหมล่ะ”
ฉินมู่มองไปที่ศีรษะของเขาและพบว่าเส้นผมของเขาทั้งหมดได้ม้วนขดเป็นเกลียววนก้นหอยเล็กๆ เต็มไปหมดทั้งศีรษะ มันเรียกว่ามุกแห่งปัญญาที่ขัดเกลามาจากเกศากังวลสามพันประการของเขา
ยูไลหม่ากล่าว “บางคนถือว่าความกังวลของพวกเขาคืออุปสรรคขัดขวางการฝึกบำเพ็ญ นั้นจึงทำให้พวกเขาโกนศีรษะ แต่ทว่า พุทธองค์ได้ขัดเกลาความกังวลของตนให้กลายเป็นปัญญา ยิ่งมีบ่วงกังวลก่อนตรัสรู้มากเท่าไร ก็ยิ่งมีปัญญามากเท่านั้นหลังจากที่บรรลุเป็นพุทธเจ้า หากว่ายูไลยังไม่จำเป็นต้องโกนหัว ทำไมเจ้าถึงต้องโกนด้วยล่ะ”
ฉินมู่เผยยิ้ม “ข้าได้เรียนรู้แล้ว”
…
สรวงสวรรค์หลายชั้นสาดแสงสว่างอยู่สูงลิ่วเหนือเมืองหลี
สวรรค์เหล่านั้นดูเบาบางดุจมายาภาพ แต่เมื่อผู้ใดมองเข้าไปให้ดีแล้ว ก็จะพบว่าสวรรค์เหล่านั้น ทั้งลึกล้ำจนสุดกู่ มีพื้นที่อันกว้างใหญ่ไร้ประมาณ ในสวรรค์ทั้งยี่สิบชั้น มีพุทธเจ้ามหึมาปรากฏ และเสียงพุทธธรรมก็ห้อมล้อมพวกเขา หนึ่งในพุทธเจ้าสาดแสงส่องลงมาจากสวรรค์ยี่สิบชั้น พุทธเจ้าตนอื่นๆ ก็ชี้ไปยังวัดในเมืองหลีแห่งนี้ และแสงพุทธธรรมก็เข้ามารวมด้วยกันประดุจเสาแสง
ยูไลเฒ่านำหลวงจีนทั้งหลายไปที่หน้าเสาแสง เขาผงกหัวให้แก่ฉินมู่และคณะ “เดินทางไป รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”
ฉินมู่ผงกหัวเช่นกัน ก่อนที่จะย่างเท้าเข้าไปในเสาแสงพร้อมกับลิงยักษ์อสูรและหมิงซิ่น เสาแห่งแสงพุทธธรรมขนาดมหึมาค่อยๆ ลอยขึ้นไป และไม่นานก็เข้าไปสู่สวรรค์ยี่สิบชั้น จากนั้นพวกเขาก็ถูกนำพาไปยังสวรรค์ยี่สิบชั้นแห่งพุทธเกษตร
เมื่อฉินมู่ หมิงซิ่น และลิงยักษ์อสูรเหยียบลงบนพื้นแข็ง ฉินมู่ก็เงยหน้าขึ้นไปและมองดูรอบๆ เขาเห็นหมู่วัดวาอาราม เจดีย์ พุทธเจ้า และหลวงจีนมากมาย
ข้างใต้เท้าของพวกเขาคือขุนเขาอันกุก่องพิสดาร และเมื่อพวกเขามองลงไปก็เห็นประเทศพุทธทุกแห่งหน ประเทศพุทธเหล่านี้ปกคลุมไปด้วยทองและหยกอย่างวิจิตรตระการ
เพียงแค่สวรรค์ชั้นเดียว ก็มีอาณาเขตกว้างใหญ่เทียบเท่ากับสันตินิรันดร์ ประเทศพุทธเหล่านี้มีจำนวนมากมาย และพวกเขาก็อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
หลวงจีนจำนวนหนึ่งก้าวเข้ามต้อนรับพวกเขา “ศิษย์พี่ทั้งสามจากแดนต่ำใต้ วัดอมิตาภะอยู่ข้างหน้านี่เอง โปรดตามข้ามา!”
ฉินมู่และคนอื่นๆ คารวะทักทายกลับไป และเขากล่าว “ขอศิษย์พี่ท่านนี้ได้โปรดนำทาง”
หลวงจีนผู้นี้นำทางตรงหน้าพวกเขา และเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความสำเร็จเชิงธรรมะของศิษย์พี่จ้านคงนั้นลึกล้ำอย่างแท้จริง ข้าเองก็รับฟังอยู่ด้วย และข้าเลื่อมใสท่านเป็นอย่างยิ่ง ศิษย์พี่น้อยทั้งสองผู้นี้คือใครหรือ” หมิงซิ่นบอกนามของเขาไป จากนั้นเขาก็ชี้ไปฉินมู่พลางกล่าว “ฆราวาสฉินแห่งวัดใหญ่ฟ้าคำราม”
สายตาของหลวงจีนตกไปยังร่างของฉินมู่ “ฆราวาสฉิน? มิน่าล่ะเจ้าถึงฝึกบำเพ็ญโดยไม่โกนหัว”
ฉินมู่ยิ้มและถาม “เรียนถามได้หรือไม่ว่า พุทธเจ้ายิ่งใหญ่ตนใดที่สร้างวัดอมิตาภะแห่งนี้”
หลวงจีนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฆราวาสฉินอาจจะไม่รู้ แต่ธรรมราชโม่หลุนเป็นผู้ก่อตั้งวัดอมิตาภะ เขาเป็นพุทธเจ้าแห่งสภาสวรรค์ซึ่งได้บรรลุธรรม เขามีศิษย์มากมายและธรรมะของเขาก็ลึกล้ำ หลังจากศิษย์พี่ทั้งหลายได้ลิ้มลองความสำเร็จเชิงธรรมะของศิษย์พี่จ้านคง พวกเราก็อยากจะลิ้มลองความสำเร็จเชิงทักษะเทวะของศิษย์พี่จ้านคงด้วย”
ฉินมู่หัวใจตกวูบ วัดอมิตาภะน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอำนาจของสภาสวรรค์ นั่นเป็นอิทธิพลอำนาจที่ถูกฝังเอาไว้ในพุทธเกษตรด้วยฝีมือของสภาสวรรค์!
เฒ่าหม่าช่างสรรหางานมาให้ข้าจริงๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะปวดหัวตุบๆ ตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่พวกเขามาถึงพุทธเกษตร สภาสวรรค์ก็พลันต้องการอวดเบ่งอำนาจแก่พวกเขา และก็ไม่ได้มีเจตนาอันดีเลยสักนิด!
หลวงจีนหมิงซิ่นกล่าว “ศิษย์พี่ท่านนี้ พวกเรามาที่นี่เพื่อแสวงหาความรู้ มิได้มาเพื่อแข่งขันทักษะเทวะ หลังจากที่พวกเราเรียนรู้บรมธรรมแล้ว พวกเราก็จะกลับไปยังแดนต่ำใต้ ไม่ต้องการล่วงเกินศิษย์พี่ทั้งหลาย”
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงประตูภูเขาของวัดอามิตาภะ และหลวงจีนนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มีก็แต่แข่งขันการฝึกปรือเท่านั้น พวกเราจึงรู้ข้อดีและข้อเสียของตน มีอะไรเป็นการล่วงเกินกันล่ะ เข้าไปเถอะ!” หลังจากกล่าวเช่นนั้น เขาก็ผลักทั้งสามคนเข้าไป ก่อนที่จะปิดประตู
ฉินมู่ หมิงซิ่น และลิงยักษ์อสูรมองไปข้างหน้า และพวกเขาเห็นเส้นทางภูเขาอยู่ตรงหน้า สองข้างเส้นทางภูเขา มีหลวงจีนคู่หนึ่งในทุกๆ บันไดสิบขั้น พวกเขายืนอยู่ซ้ายและขวา และถือไม้เท้าพระอยู่ด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม
ที่ยอดวัดอมิตาภะ หลวงจีนหนุ่มสวมใส่จีวรเหลืองตะโกน “น้อมสักการะพุทธเจ้า จงคุกเข่าคลานขึ้นมาบนภูเขา!”
ลิงยักษ์อสูรและหมิงซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย หมิงซิ่นกระซิบ “จ้าวลัทธิฉิน พวกเราจะทำอย่างไร พวกเราจะคุกเข่าและโขกศีรษะไปตลอดทางถึงข้างบนนั่นไหม ทางถอยของพวกเราถูกสกัดกั้นเอาไว้แล้ว”
ที่ประตูภูเขาข้างหลังพวกเขา หลวงจีนจำนวนมากพยายามจะหาเรื่องกันกลางวันแสกๆ โดยขัดขวางอยู่ตรงนั้น
“ไม่ต้องห่วง”
ฉินมู่ยิ้มอย่างมั่นใจ “พวกเจ้าไม่ต้องลงมือ เพียงแค่เดินขึ้นไปบนภูเขาก็พอ”
ลิงยักษ์อสูรและหมิงซิ่นทำตามคำแนะนำของฉินมู่ และเดินขึ้นไปบนภูเขา หลวงจีนหนุ่มหรี่ตาและตะโกน “ต่อสู้!”
ที่สองข้างทางภูเขา หลวงจีนทั้งหลายหวดฟาดไม้เท้าพระใส่พวกเขา
ไจกระบี่ของฉินมู่พลันโบยบินออกไป และแปรเปลี่ยนเป็นลูกกลมใหญ่ที่มีรัศมีห้าวา มันสาดแสงเจิดจ้าและแสงกระบี่ก็หมุนวนไปรอบๆ จีวรของหลวงจีนที่กวัดแกว่งไม้เท้าพระ เพียงอึดใจหนึ่ง หลวงจีนนั้นก็ยืนเปล่าเปลือยอยู่กับที่ด้วยความงงงัน
“ศิษย์พี่ทั้งหลายแห่งวัดอมิตาภะ!”
ฉินมู่ดีดนิ้ว และลูกกลมกระบี่ก็พุ่งหวือขึ้นไปบนภูเขา มันผ่านหลวงจีนทั้งหมด และพวกเขาก็ถูกปลดเสื้อผ้าในพริบตา พวกเขารีบโยนไม้เท้าพระทิ้ง และกุมปิดเป้าของตนทันที
ฉินมู่ถามด้วยเสียงอันดัง “เจ้าเคยเห็นสารีริกธาตุขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อนไหมล่ะ”