ตำนานเทพกู้จักรวาล – ตอนที่ 618 พุทธเจ้าพรหม

วัดอมิตาภะมีลมหวีดหวิว และพุทธเจ้าทั้งหลายบนยอดเขาก็มองไปยังหน้าผาขาดและผนังหินสูงชันนั้นที่ถูกเป่ากระจุยไป

ธรรมราชหมายที่จะยกมือขึ้นยับยั้งเขา แต่การต่อสู้ได้จบสิ้นไปแล้ว ความเร็วที่ฉินมู่พลิกฝ่ามือนั้นรวดเร็วเกินไป และขณะที่เขากำลังจะเข้าไปขัดขวางนั้นเอง ฉินมู่ก็โจมตีเสร็จแล้ว เขาจึงได้แต่ลดมือลง

พุทธเจ้าแห่งสวรรค์อื่นๆ เผยสีหน้าตื่นตระหนก พวกเขาถอนสายตากลับมา และหันไปมองฉินมู่

มือหยินหยางพลิกสวรรค์ของกษัตริย์มนุษย์บรรพชนสามนั้นเป็นทักษะเทวะอันท้าทายสวรรค์ ความเร็วของทักษะเทวะนั้นระเบิดออกมาได้อย่างรวดเร็วขนาดที่ว่าไม่มีใครตั้งตัวติด

เมื่อฉินมู่ขับเคลื่อนวิชามุทราเช่นนี้ มันก็รวดเร็วเสียยิ่งกว่าพลิกเปิดหน้าหนังสือเสียอีก!

ทันใดนั้น หน้าผาที่อยู่ห่างไปหลายสิบลี้ก็พังถล่มลงมา พวกมันแตกร้าว และหินใหญ่ก็ร่วงกราว หลังจากผ่านไปสักพัก ก้อนหินนั้นก็ร่วงลงกับพื้นด้วยเสียงตึงทึบแน่น ฉินมู่เร็วและดุจนเกินไป เดิมทีมันเป็นยอดเขา แต่ตอนนี้มันเหลือเพียงหน้าผาจากการทำลายล้าง หน้าผาถล่มตามลงมาก็เพราะว่าหินภูเขาได้เปราะร้าวจากมือหยินหยางพลิกสวรรค์ของฉินมู่

แต่ถึงอย่างไร แม้ว่าหน้าผาจะถล่มลงมา แต่รัชทายาทเยว่กวงก็ไม่ปรากฏตัว

หลวงจีนหมิงซิ่นกระสับกระส่าย และเขากระซิบถาม “ศิษย์พี่ฉิน เจ้าทุบตีเขาจนตายแล้วหรือ”

“ยังหรอก”

ฉินมู่กล่าวด้วยเสียงเบา “ข้าออมมือให้เขา เพราะว่าข้ากลัวว่าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมา วรยุทธของเขาแข็งแกร่งอย่างสุดขั้ว ไม่ด้อยไปกว่าผู้สูงศักดิ์เลย เพียงแต่เขาไม่ฉลาดเท่าผู้สูงศักดิ์ ดังนั้นข้าจึงใช้กำลังเพียงแปดส่วนและไม่สังหารเขา แต่ทว่า กระดูกของเขาคงจะหักเกือบทั้งตัว รัชทายาทเยว่กวงผู้นี้มีกำลังฝีมือแข็งแกร่งอย่างแท้จริง และข้าก็ไม่กล้าดูเบาวีรบุรุษทั้งหลายในโลกหล้าแห่งนี้”

เขาเผยสีหน้ายกย่องชื่นชม

หลวงจีนหมิงซิ่นจ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง ใช้กำลังเพียงแปดส่วน? ไม่กล้าดูเบาวีรบุรุษทั้งหลายในโลกหล้า? จ้าวลัทธิฉินสามารถทำให้ผู้คนคลั่งใจจนตายได้จริงๆ ด้วยความถ่อมตนของเขา โชคยังดีว่า รัชทายาทเยว่กวงหมดสติไปแล้ว ไม่งั้นเขาคงโกรธจนดวงวิญญาณแตกกระจาย

เขาไม่รู้ว่าฉินมู่ถ่อมตนจริงๆ หรือแสร้งทำไปเช่นนั้น เพราะถึงอย่างไร ฉินมู่ก็ยโสโอหังอย่างถึงที่สุดด้วยเพราะว่าเขาครอบครองกายาจ้าวแดนดิน หากว่าคู่ต่อสู้สามารถทัดเทียมเขาได้ พวกเขาก็คงจะต้องทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายและเวลานับไม่ถ้วนเพื่อฝึกปรือมาจนถึงขั้นนี้

สำหรับคู่ต่อสู้เช่นนั้น ก็ย่อมควรแก่การนับถือ

ส่วนคนอื่นจะคิดว่าอย่างไร เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

ธรรมราชโบกมือของเขา และหน้าผาห่างออกไปหลายสิบลี้นั้นก็ระเบิดออก รัชทายาทเยว่กวงนอนแผ่อยู่ท่ามกลางหน้าผากด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส เขาได้หมดสติไปและค่อยเข้ามาอย่างแช่มช้าด้วยถูกพลังวัตรยกมา

รัชทายาทเยว่กวงนอนลงกับพื้น และธรรมราชโม่หลุนตรวจดูอาหารบาดเจ็บของเขา สีหน้าของเขาเข้มขึง “ไม่ใช่ว่าฆราวาสฉินจะแข่งขันกันด้วยเพลงกระบี่หรอกหรือ ทำไมเจ้าถึงใช้วิชามุทรา ข้าอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเจ้าหมายจะลอบโจมตีเขาโดยไม่ให้ตั้งตัว! และวิธีการอันอำมหิตเช่นนี้ มันจะเป็นวิถีแห่งเมตตากรุณาของลัทธิพุทธเราได้อย่างไร”

ฉินมู่มองไปที่หมิงซิ่น และหลวงจีนหมิงซิ่นก็รีบกล่าว “เมื่อศิษย์พี่ฉินใช้ไจกระบี่เมื่อครู่ เขาถูกเรียกว่าชั่วร้ายและฝึกปรือมรรคานอกลู่นอกทาง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าใช้ไจกระบี่ของเขา และได้แต่ใช้วิชามุทรา พุทธเจ้า วิชามุทรานี้ก็ชั่วร้ายและนอกลู่นอกทางด้วยหรือ”

ธรรมราชโม่หลุนไม่ตอบ เขาคือคนที่กล่าวว่าการใช้ไจกระบี่ของฉินมู่เมื่อครู่นี้เป็นมรรคาอันนอกลู่นอกทาง และกระนั้นรัชทายาทเยว่กวงก็อยากจะมาแข่งขันกับฉินมู่ในเชิงกระบี่

คราวนี้ ฉินมู่ใช้วิชามุทราอันถูกต้องเหมาะสม มือหยินหยางพลิกสวรรค์ หากว่าเขากล่าวว่ามันชั่วร้ายและนอกลู่นอกทาง ก็คงกลายเป็นเรื่องน่าตลกไป

แต่ถึงอย่างไร เขาก็เก็บความแค้นนี้ใส่ใจเอาไว้ รัชทายาทเยว่กวงเป็นทายาทของเขา และเป็นตัวตนที่โดดเด่นท่ามกลางรุ่นเยาว์ เขาไม่ทันจะได้ใช้วิชาฝีมือของเขาและถูกฉินมู่จู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัว เขาถูกถล่มเสียยับเยินและทำให้สภาสวรรค์เสียหน้า

กำลังฝีมือของเยว่กวงไม่ได้ต่ำต้อย นี่เพราะว่าเขามีความคาดหมายที่คลาดเคลื่อน และคิดว่าฉินมู่กำลังคารวะทักทาย จึงไม่พยายามป้องกัน

หากว่ารัชทายาทเยว่กวงมีความระวังป้องกันตั้งแต่แรก และผนวกกับกำลังฝีมือของฉินมู่ในตอนนี้ ก็คงยากที่จะกล่าวว่าใครจะพ่ายแพ้ให้แก่ใคร

ธรรมราชโม่หลุนมองไปยังพุทธเจ้าตนอื่นๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แดนต่ำใต้มิได้ละเลยทักษะเทวะเลย แม้ว่าลัทธิพุทธจะถูกบีบให้จับเจ่าอยู่ที่มุมเล็กๆ น่าชื่นชมจริงๆ ศิษย์พี่ ในเมื่อพวกเขามาที่นี่เพื่อแสวงหาความรู้ ทำไมพวกเราไม่แค่มอบให้แก่พวกเขาเสียล่ะ”

พุทธเจ้าตนอื่นๆ ผงกหัวอย่างเห็นชอบ

ธรรมราชโม่หลุนแย้มยิ้มให้แก่ฉินมู่และคนอื่นๆ “สวรรค์ชั้นจันทราของพวกเรานี้มีปิฎกจันทรา วิชาฝึกปรือแห่งพุทธเจ้าเที่ยงแท้ ในปิฎกจันทรามีพระสูตรทั้งหมดสามพันพระสูตร และในเมื่อพวกเจ้าไม่อาจเอามันกลับไปได้ ก็สามารถอยู่ในวัดอมิตาภะของข้าได้เป็นเวลาหนึ่งร้อยปีเพื่อตรึกตรองเข้าใจมันทั้งหมด เมื่อเจ้าทำได้แล้ว ก็สามารถถ่ายทอดมันให้แก่แดนต่ำใต้ และนั่นก็จะเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ของข้า”

หลวงจีนหมิงซิ่นสีหน้าแปรเปลี่ยน พระสูตรสามพันพระสูตร ตรึกตรองหนึ่งร้อยปี ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นวิชาฝึกปรือของพุทธเจ้าเที่ยงแท้ นี่คือพยายามที่จะกักขังพวกเขาเอาไว้หนึ่งร้อยปีชัดๆ!

ฉินมู่ร้องตะโกนไปด้วยเสียงอันดัง “พุทธเจ้ามีพระสูตรระดับบัลลังก์จักรพรรดิไหม หากว่าท่านต้องการถ่ายทอดคำสอน ก็ถ่ายทอดคำสอนที่แท้จริงสิ หากว่าต้องการถ่ายทอดคัมภีร์ ก็ถ่ายทอดคัมภีร์ที่แท้จริง วัดใหญ่ฟ้าคำรามของพวกเราก็มีแค่วิชาฝึกปรือเท่านั้น”

ธรรมราชสีหน้าคล้ำลง และเขากล่าวด้วยรอยยิ้มหยัน “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงดูถูกปิฎกจันทราของข้า สามหาว! ข้ายินดีมอบธรรมะให้เจ้าโดยไม่ร้องขออามิสบูชาเลยสักนิด ข้าเมตตากับเจ้าขนาดนี้ เจ้ายังเรื่องมากอีก!”

หลวงจีนหมิงซิ่นยืนอยู่ตรงนั้นและจิ้มไปยังลิงยักษ์อสูรที่นิ่งอยู่ ลิงยักษ์อสูรจ้านคงก้าวออกไปข้างหน้า และไม้เท้าขักขระของเขาก็สั่นกรุ๋งกริ๋ง “ยิ่ง ปลอม จริง น้อย!”

ธรรมราชโม่หลุนตกตะลึง เขาขบคิดความหมายของสี่คำนี้อย่างระมัดระวัง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดศีรษะ

พุทธเจ้าหฤทธิกระแอมไอแล้วกล่าว “ธรรมราช พวกเขามาเพื่อเสาะคัมภีร์อันแท้จริง ดังนั้นก็แค่ให้พวกเขาไปเถอะ”

ธรรมราชยิ้มหยันและกล่าว “พวกเขามาที่นี่เพื่อแสวงหาคัมภีร์เที่ยงแท้ระดับบัลลังก์จักรพรรดิ ข้ามีเสียที่ไหนล่ะ ต่อให้พุทธเจ้าสักกะเทวราชก็ไม่มีเลยสักอัน มีก็แต่พุทธเจ้าพรหมเท่านั้นที่มีคัมภีร์หนึ่ง พุทธเจ้าพรหมไม่เคยไต่ถามเรื่องทางโลก และยากนักที่จะปรากฏตัวในรอบหมื่นปี ข้ามายังพุทธเกษตรก็นานโข แต่ก็ยังไม่เคยเห็นตัวจริงของพุทธเจ้าพรหม อย่าว่าแต่วิชาฝึกปรือบัลลังก์จักรพรรดิ พวกเขานับว่าได้ประโยชน์ใหญ่หลวงที่จะได้ปิฎกจันทราไปโดยไม่ต้องจ่ายสักแดงเดียวแล้ว”

ที่เขาพูดนั้นเป็นข้อเท็จจริง และไม่มีใครโต้แย้งได้

สภาสวรรค์ได้เฝ้ามองพุทธเกษตรมาหลายปี และแม้ว่าพุทธเกษตรจะอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของสภาสวรรค์โดยนาม แต่สุดยอดคัมภีร์แห่งพุทธเกษตร–ปิฎกพุทธเจ้าพรหม–ก็ไม่เคยตกไปถึงมือของสภาสวรรค์

สภาสวรรค์นั้นมีคัมภีร์ของสวรรค์ชั้นอื่นๆ ในครอบครองไม่มากก็น้อย พวกเขาได้ฝังศิษย์เข้าไปในทุกดินแดนเพื่อให้กลายเป็นพุทธบุตร และสวรรค์เหล่านั้นก็มิใช่สิ่งลึกลับปริศนาสำหรับสภาสวรรค์อีกต่อไป มีก็แต่สวรรค์ชั้นพรหมเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น

พุทธเจ้าพรหมแทบจะไม่ปรากฏโฉมออกมา และไม่ถ่ายทอดคำสอนของเขา

เมื่อลิงยักษ์อสูรจ้านคงโต้วาที พุทธบุตรจากสวรรค์ชั้นพรหมนั้นก็เป็นพุทธเจ้าโบราณที่อยู่ใต้พุทธเจ้าพรหม พุทธบุตรผู้นี้ก็ไม่ได้รับคำสั่งสอนอันเที่ยงแท้มาด้วยเช่นกัน

ในตอนนั้นเอง พวกเขาก้ได้ยินเสียงสรรเสริญนามพุทธองค์ และหลวงจีนคนหนึ่งก็รีบรุดมาด้วยความเร่งรีบ เขาเหาะลงมาที่วัดอมิตาภะและคารวะทักทายพุทธเจ้าทั้งหลาย “พุทธเจ้าทั้งหลาย พุทธเจ้าพรหมได้ถ่ายทอดความมาว่าให้พุทธบุตรของทุกดินแดนและแดนต่ำใต้เข้าไปยังสวรรค์ชั้นพรหม พุทธเจ้าเฒ่านั้นพร้อมที่จะคัดเลือกศิษย์อันโดดเด่นเพื่อถ่ายทอดคำสอนที่แท้จริงให้แล้ว”

ธรรมราชโม่หลุนตื่นตระหนก และสีหน้าปีติยินดีก็เบ่งบานบนใบหน้า สภาสวรรค์ได้มองปิฎกพุทธเจ้าพรหมตาเป็นมันมาตั้งนานแล้ว และไม่มีโอกาสที่จะได้มันมาเสียที

การที่ฉินมู่ หมิงซิ่น และลิงยักษ์อสูรมาแสวงหาความรู้ ก็เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่สภาสวรรค์จะได้รับวิชาฝึกปรือบัลลังก์จักรพรรดินี้!

สภาสวรรค์ได้ฝังอิทธิพลอำนาจไว้ในพุทธเกษตรอย่างมากมาย และไม่ได้มีแต่เขา ท่ามกลางพุทธบุตรทั้งหลาย มากกว่าครึ่งนั้นเป็นยอดฝีมือเยาว์ที่ลงมาจากสภาสวรรค์ พวกเขาได้เข้ามาในพุทธเกษตรเพื่อแสวงหาความรู้!

รัชทายาทเยว่กวงเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของเขา กระนั้นจำนวนของพุทธบุตรในพุทธเกษตรนั้นก็มีมากมายนับไม่ถ้วน ตราบเท่าที่พุทธเจ้าพรหมหมายจะถ่ายทอดคำสอน โอกาสก็ไม่มีทางตกอยู่ในมือของพวกบ้านนอกและฆราวาส มันจะต้องตกอยู่ในมือของสภาสวรรค์อย่างแน่นอน!

ธรรมราชโม่หลุนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ก็สั่งให้พุทธบุตรทุกคนมุ่งหน้าไปยังสวรรค์ชั้นพรหมเพื่อฟังธรรม ศิษย์พี่ทั้งหลายคิดว่าอย่างไรล่ะ”

พุทธเจ้าทั้งหมดผงกศีรษะ การที่พุทธเจ้าพรหมถ่ายทอดวิชานั้น นับเป็นโอกาสหายากในรอบหลายหมื่นปี!

ศิษย์มากมายมุ่งหน้าไปแสวงหาความรู้ และก็จะทำให้พุทธเจ้าทั้งหลายได้ประจักษ์แก่ตาถึงสุดยอดวิชาแห่งลัทธิพุทธ!

ธรรมราชโม่หลุนม้วนเอารัชทายาทเยว่กวงขึ้นมา และร่างเขาก็เลือนหายไปในอากาศธาตุ เขารีบตะบึงไปยังสวรรค์ชั้นพรหม อันพุทธเจ้าตนอื่นๆ ก็ทำเช่นนั้นด้วย และกลับไปยังสวรรค์ของตนเองเพื่อนำพุทธบุตรของตนไปยังสวรรค์ชั้นพรหม ไม่นานนัก วัดอมิตาภะก็ว่างเปล่า

“แล้วพวกเราควรจะไปยังสวรรค์ชั้นพรหมอย่างไร”

ฉินมู่ยังคงยุ่งยากกับเรื่องนี้ แต่ทันใดนั้น พุทธเจ้าท้าวสักกะก็เดินลงมาจากอาสนะและก้าวยาวๆ มายังพวกเขา พุทธเจ้าตนนี้เดินเท้าเปล่า แต่ฝ่าเท้าเขาไม่เปื้อนธุลีละอองใดๆ แสงสว่างสาดส่องมาจากหลังศีรษะของเขา และเขาดูเหมือนกับหลวงจีนหนุ่มที่มีเครื่องหน้าอันประณีต เขามองไปที่พวกเขาอย่างอบอุ่นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าทั้งหมดได้ฝึกเพลงหมัดของข้า”

ฉินมู่และคณะรีบคารวะเขา เพลงหมัดที่พุทธเจ้าท้าวสักกะกล่าวถึงนั้นคือฟ้าคำรามแปดจู่โจม หลังจากที่ฉินมู่ร่ำเรียนฟ้าคำรามแปดจู่โจมจากเฒ่าหม่า เขาก็สอนให้แก่ลิงยักษ์อสูรจ้านคง หลังจากที่จ้านคงเรียนรู้มัน เขาก็ได้พบกับยูไลเฒ่าผู้ซึ่งรู้สึกว่าตนกับลิงยักษ์มีวาสนาต่อกัน ดังนั้นเขาจึงถ่ายทอดพระสูตรมหายานยูไลทั้งฉบับให้แก่เขา

หลวงจีนหมิงซิ่นเรียนฟ้าคำรามแปดจู่โจมจากหลวงจีนเฒ่าจิ่งหมิง แต่ว่ามันมีช่องโหว่เหลืออยู่ ก็ในเมื่อหลวงจีนจิ่งหมิงไม่ได้เรียนมันมาอย่างตลอดรอดฝั่ง

ในภายหลัง ลิงยักษ์อสูรจ้านคงก็ได้นำหลวงจีนปีศาจมากมายแห่งวัดน้อยฟ้าคำรามไปยังวัดใหญ่ฟ้าคำรามเพื่อโต้วาทีธรรมะ ไม่มีใครต้านทานเขาได้ และหลวงจีนหมิงซิ่นก็รีบรุดกลับมา แม้ว่าหมิงซิ่นจะยังพ่ายแพ้อยู่ดี แต่ก็เป็นการพ่ายแพ้อย่างทรงเกียรติ

เฒ่าหม่าถ่ายทอดพระสูตรมหายานยูไลอันครบสมบูรณ์ให้แก่หมิงซิ่น ดังนั้นเขาจึงได้รับมรดกอันครบสมบูรณ์มาด้วยเช่นกัน

พุทธเจ้าท้าวสักกะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองก็มาจากแดนต่ำใต้ และข้าได้บรรลุเป็นพุทธเจ้าในวัดใหญ่ฟ้าคำราม โชคชะตาได้ผูกพันพวกเราไว้ด้วยกัน ให้ข้าพาพวกเจ้าไปยังสวรรค์ชั้นพรหมเถอะ”

เมฆดอกบัวผุดขึ้นมาใต้เท้าของเขา และยกทั้งสามคนลอยขึ้นไป พวกเขาค่อยๆ เหินขึ้นไปบนนภากาศ และทะลวงผ่านชั้นเมฆและสายฟ้า พวกเขาเหาะสูงขึ้นและสูงขึ้น ลอยผ่านชั้นมิติของโลกต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ฉินมู่เดาะลิ้นด้วยความทึ่งเมื่อเขาพบว่า สรวงสวรรค์ทั้งยี่สิบชั้นของพุทธเกษตรได้ก่อสร้างอยู่รอบๆ ขุนเขาอันยิ่งใหญ่สุดจะประมาณ

ขุนเขานั้นลอยอยู่ท่ามกลางนภาประดับดาวของจักรวาล และมีภูเขาซ้อนอยู่ในภูเขาล้อมกันเป็นชั้นๆ มีทั้งดวงตะวัน ดวงจันทร์ และดวงดาว ที่ก่อขึ้นมาเป็นโลก อันมีม่านคุ้มกันระหว่างโลกของมันเอง

และโลกนั้นก็ได้แบ่งแยกออกเป็นโลกมิติอีกยี่สิบโลกมิติ ยี่สิบสรวงสวรรค์ ชั้นหนึ่งซ้อนกันไปเรื่อยๆ แต่ละชั้นก็จะมีดวงตะวัน ดวงจันทร์ และดวงดาวโคจรไปรอบๆ เช่นเดียวกับผืนปฐพีที่มีพุทธประเทศมากมายตั้งอยู่ในนั้น

หากว่าพุทธเจ้าท้าวสักกะไม่ได้พาพวกเขาไปด้วย พวกเขาก็คงจะต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะไปถึงยอดเขา ต่อให้เหาะไปด้วยความเร็วสูงสุดก็ตาม!

พุทธเจ้าท้าวสักกะพาพวกเขาไปยังยอดสุดของสวรรค์ชั้นพรหม ที่ก่อตั้งบนยอดเขาอันวิเศษตระการนั้นคือสวรรค์ชั้นพรหม อันถูกเรียกว่ายอดเขาทองคำ ที่นั่นมีรัศมีแสงนับหมื่น และมันสว่างไสวดุจกลางวันตลอดเวลา ทำให้แยกไม่ออกว่าตอนไหนคือทิวาและราตรี

ในชั้นเมฆทองคำ ปลายยอดเขานั้นยื่นโผล่ออกมา และสาดแสงทองอร่าม มันศักดิ์สิทธิ์และเคร่งขรึม แสงทองได้ก่อขึ้นมาเป็นอักษรสันสกฤตแห่งธรรมะมากมาย และพวกมันไหลลอยไปในอากาศอย่างไม่หยุดนิ่ง ล้อมรอบยอดเขา และสร้างสรรค์ภาพปรากฏการณ์อันมหัศจรรย์

เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็ถึงกับได้ยินเสียงอันก้องกังวานไปไกล มันสะท้อนไปมาราวกับเสียงเหง่งหง่างของระฆังใหญ่ พวกเขาไม่รู้ว่านั่นเป็นเสียงสันสกฤตหรือว่ามันเป็นเสียงสวดภาวนาของส่ำสัตว์ที่ดังมาถึงพวกเขา!

ลิงยักษ์อสูรจ้านคงอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม “หม้อ หมั่นโถว!”

ฉินมู่ผงกหัวและชมเปาะ “นี่มันเหมือนกับข้าวโพดและหมั่นโถวหลังจากที่เจ้าเปิดหม้อนึ่งขึ้นมาจริงๆ แสงทองพวกนี้เหมือนกับควันที่กรุ่นออกมาจากหมั่นโถว”

พุทธเจ้าท้าวสักกะไม่รู้จะหัวเราะหรือร่ำไห้ “ตัวอย่างเปรียบเทียบที่พุทธบุตรผู้นี้ยกขึ้นมาค่อนข้างเหมาะเหม็ง ป่าผืนนี้เป็นสถานที่อันพุทธเจ้าพรหมเก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ พุทธบุตรมากมายไปถึงที่นั่นกันหมดแล้ว ดังนั้นเดี๋ยวข้าจะส่งพวกเจ้าไป”

เขาพาฉินมู่และคณะผ่านชั้นอักษรรูนสันสกฤต และพวกเขาก็เหาะไปยังใจกลางทะเลทองคำ พวกเขาลงไปเหยียบที่ป่าผืนหนึ่งอันสงบเงียบเป็นอย่างยิ่ง ถนนเรียบจำนวนมากเข้ามาบรรจบกัน และที่ใจกลางนั้นคือวัดหลังหนึ่งอันไม่ใหญ่ไม่โต

พุทธบุตรมากมายอยู่ที่นั่นแล้ว และพุทธเจ้าที่นำพวกเขามาได้สลายรูปเงาพุทธเจ้าของตนเอง พวกเขาดูเหมือนหลวงจีนหนุ่มและหลวงจีนเฒ่าธรรมดา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเคารพนับถือพุทธเจ้าพรหมเป็นอย่างยิ่ง

“มีพุทธบุตรมากมายขนาดนี้เชียว?”

ฉินมู่หัวใจโลดเต้น และเขาก็พึมพำ “พวกเราจะต้องต่อสู้กันนานแค่ไหนถึงจะได้เข้าพบพุทธเจ้าพรหม พวกเราสามารถใช้กติกาของแดนโบราณวินาศได้ไหมน่ะ”

หลวงจีนหมิงซิ่นและลิงยักษ์อสูรตัวสั่นเทิ้ม พวกเขาหวนนึกถึงพฤติการณ์ของฉินมู่ในอดีต และส่ายหัวรัวๆ ด้วยความแตกตื่น

หมิงซิ่นรีบกล่าว “ศิษย์พี่ฉิน เจ้ายึดตามกติกาแดนโบราณวินาศไม่ได้นะ มันนองเลือดและรุนแรงเกินไป! ที่นี่เป็นบรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิพุทธ พวกเราห้ามมุทะลุเด็ดขาด!”

“น่าเสียดาย…”

ฉินมู่บ่นพึม “หากว่าพวกเรายึดตามกติกาแดนโบราณวินาศ เรื่องก็จะง่ายดายกว่านี้ หลังจากที่พวกเราสู้กันเสร็จ ก็จะสามารถไปเรียนรู้คัมภีร์อันเที่ยงแท้แห่งบัลลังก์จักรพรรดิได้ แต่ตอนนี้ดูจะยุ่งยากอยู่สักหน่อยแล้ว”

พุทธเจ้าท้าวสักกะถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ “กติกาแดนโบราณวินาศคืออะไร”

ลิงยักษ์อสูรยกมือขึ้นทำท่าปาดคอ จากนั้นก็ทำท่าบิดหักคอตัวเองให้ดู

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ตำนานเทพกู้จักรวาล

Status: Ongoing
ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่ ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ! ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่ ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา… เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่ นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก! ‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset