การเดินทางจากพุทธเกษตรไปยังสวรรค์ไท่หวงนั้นยาวไกลกว่าที่ฉินมู่คิดคำนวณ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้สึกถึงการผ่านผันของเวลาในสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ แต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนอย่างกะทันหันที่มาจากแสงไหลของสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ นี่ทำให้ทั้งคู่มีสังหรณ์ไม่ดี
นี่หมายความว่าพวกเขาได้อยู่ที่นี่นานกว่าสามชั่วก้านธูปในสะพาน ทักษะเทวะที่พุทธเจ้าท้าวสักกะฝังเอาไว้ได้ระเบิดออกมาและทำลายสะพานไปแล้ว!
นี่ก็ยังหมายความอีกว่า ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงสวรรค์ไท่หวง สะพานจิตวิญญาณดั้งเดิมก็ถูกทำลายไปแล้ว ฉินมู่ไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน และเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
“หากว่าสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณถูกทำลายก่อนเวลา มันจะเกิดอะไรขึ้น” ในแสงไหล พุทธเจ้าท้าวสักกะถามฉินมู่ด้วยเสียงอันดัง
ฉินมู่เองก็เร่งเสียงขึ้น “เดี๋ยวพวกเราก็รู้!”
พุทธเจ้าท้าวสักกะเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร และสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปอย่างระงับไว้ไม่อยู่
แสงไหลแห่งสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณเริ่มจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มันเป็นผลมาจากพลังงานย้ายสลับมากระแทกซึ่งกันและกัน
สะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณสร้างการเชื่อมต่อระหว่างพุทธเกษตรกับสวรรค์ไท่หวง เมื่อฉินมู่และพุทธเจ้าท้าวสักกะมุ่งหน้าไปยังสวรรค์ไท่หวง มันก็จะมีพลังงานจำนวนหนึ่งจากสวรรค์ไท่หวงที่จะต้องถูกเคลื่อนย้ายไปยังพุทธเกษตรเพื่อสร้างสมดุลแห่งพลังงานทั้งหมด พลังงานที่ถูกย้ายสลับไปนั้นจะต้องมีจำนวนเท่ากับที่มีบรรจุในฉินมู่และพุทธเจ้าท้าวสักกะ
ขณะที่ในพุทธเกษตร สะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณดั้งเดิมถูกทำลายไปก่อนเวลาอันควร ผลที่ตามมา แสงไหลของสะพานจึงเข้าไปกระแทกกับพลังงานที่ถูกย้ายสลับมา ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรง
การกระแทกเข้าด้วยกันของพลังงาน ทำให้ร่างเนื้อของฉินมู่รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง
สีสันต่างๆ ยืดยาวออกไปราวกับเส้นไหมแสง สีสันเหล่านั้นนับหมื่นๆ เข้ารวมตัวกันราวกับน้ำหลาก
“พวกมันจะทำลายล้างซึ่งกันและกันหรือเปล่า” พุทธเจ้าท้าวสักกะพึมพำด้วยใจเต้นตูมตาม
ในแสงไหลหลากสี ฉินมู่นำเอาอาวุธวิญญาณการคำนวณของเขาออกมาและเริ่มคำนวณ เขาส่ายหัวและกล่าว “พวกมันจะไม่ถูกทำลายล้าง ทั้งสวรรค์ไท่หวงและพุทธเกษตรต่างก็สูญเสียพลังงานไปส่วนหนึ่ง ดังนั้นพวกมันก็จะยังนำพาพวกเราไปยังโลกมิติเป้าหมาย นี่คือหนทางเดียวที่จะรักษาสมดุลพลังงานระหว่างสองโลก พลังงานของสวรรค์ไท่หวงอยู่ในเส้นทางเดียวกับเราอย่างแม่นยำ และพวกเราก็พุ่งไปปะทะกับมันอย่างเหมาะเหม็ง การกระแทกชนของพลังงานเช่นนี้ไม่อาจป้องกันจากทักษะเทวะได้ หากว่ามีทักษะเทวะที่ใช้โจมตีใส่พลังงานนี้ แรงส่งของพวกเราและแรงส่งของก้อนพลังงานดังกล่าวที่จะมุ่งหน้าไปยังพุทธเกษตร ก็จะถูกยกเลิกไปทั้งคู่”
“เกิดอะไรขึ้นหากว่ามันถูกยกเลิก” พุทธเจ้าท้าวสักกะถาม
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็จะติดแหง็กอยู่ระหว่างสองโลกมิติกับพลังงานก้อนนี้”
ฉินมู่กล่าวเสริม “พวกเราไม่อาจเดินต่อไปข้างหน้า และก็ไม่อาจถอยกลับ”
พุทธเจ้าท้าวสักกะถามอย่างฉงนฉงาย “ใครสอนพีชคณิตให้กับเจ้า ฝีมือของเจ้าไม่เลวเลย”
ฉินมู่ถูกพลังงานเข้ากระแทก กายเนื้อของเขาเจ็บปวดมากขึ้นทุกที เขากัดฟันข่มความเจ็บปวดและกล่าว “ข้าได้เรียนตำราคำนวณบรมปริศนา และตำราคำนวณสตรีพื้นถิ่น”
“มิน่าล่ะ เจ้าพวกลาหัวรั้นแห่งสำนักเต๋าล้วนแต่เป็นผู้คนที่โดดเด่น และมักจะมีจมูกชี้ชันขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขามักจะมองว่าลัทธิพุทธของพวกเราไม่มีราคาอะไร พวกเขาคิดว่าพวกเราเรียนเรื่องหัวใจและทำตามทุกสิ่งในหัวใจ พวกเขาคิดว่าสำนักเต๋าของพวกเขาคือผู้ที่ควบเต๋าอันเที่ยงแท้และยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล”
พุทธเจ้าท้าวสักกะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ทว่า พีชคณิตของพวกเขาก็ลึกล้ำอย่างแท้จริง ข้าเคยได้พบกับยอดฝีมือสำนักเต๋าจำนวนหนึ่งในสมัยปีแรกๆ ของข้า และพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าข้าเลย”
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น การกระแทกชนกันของพลังงานก็ยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกที ฉินมู่ไม่อาจทานทนไหวอีกต่อไป กายเนื้อของเขาอาจจะปริทำลายไปได้ทุกเมื่อ แสงพุทธธรรมอันอ่อนโยนพลันฉายโชนรอบๆ กายของพุทธเจ้าท้าวสักกะ และช่วยเขาป้องกันแรงกระแทกไปบางส่วน “อันที่จริง ตอนนี้คือเวลาที่ดีที่สุดที่เจ้าจะฝึกวิชาของข้า”
เขาไม่ปกป้องฉินมู่โดยสิ้นเชิง เขาปล่อยให้พลังงานส่วนนี้เข้าชนกับร่างของฉินมู่ แทบจะฉีกหนังของเขาออกไป!
ฉินมู่ได้ยินคำพูดของเขา และหัวใจก็เคลื่อนขยับ เขารีบทดลองคัมภีร์สักกะทันที
เขาสวมประคำปัญญาไว้ที่คอ และขับเคลื่อนวิชาฝึกปรือนี้ แสงพุทธธรรมอันเลือนรางพลันปรากฏข้างหลังศีรษะของเขาและแกว่งไปมาอย่างอ่อนโยน เสียงพุทธทุกชนิดแปรเปลี่ยนเป็นอักษรรูนประหลาดและหลอมรวมเข้ากับกายเนื้อและจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขา พวกมันถึงกับเสริมแกร่งให้แก่สมบัติเทวะอีกด้วย ทำให้สมบัติเทวะทั้งหลายมั่นคงมากขึ้นทุกที
พุทธเจ้าท้าวสักกะมองไปยังฉินมู่ และมีสีหน้าปลื้มใจ เจ้าหมอนี่กะล่อนเจ้าเล่ห์ แต่ปฏิภาณของเขาไม่เลวเลยทีเดียว เขาสามารถเรียนรู้วิธีฝึกปรือวิชาของข้าได้อย่างรวดเร็ว
เขาเห็นได้ว่ากายเนื้อของฉินมู่กำลังรุดหน้าไปอย่างชัดเจน จิตวิญญาณดั้งเดิมและทักษะเทวะของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น นี่หมายความว่าฉินมู่มีสันดานพุทธอยู่ไม่น้อย
หากว่าเขาไม่ใช่บุตรแห่งฉิน ข้าก็คงอยากจะรับเขาไว้เป็นศิษย์ เขาไม่เคยรับศิษย์เข้าสังกัดมาก่อน และเมื่อเขาเห็นพรสวรรค์และปฏิภาณของฉินมู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมผู้มีความสามารถ
ทันใดนั้น สีหน้าของพุทธเจ้าท้าวสักกะก็มืดคล้ำ เขาโยนความชื่นชมทั้งหมดไว้หลังหัวทันที
ฉินมู่นั้นกำลังเปลี่ยนแปลงคัมภีร์สักกะ และปรับวิชาฝึกปรือของเขาใหม่!
อาจารย์จะชื่นชมศิษย์ที่ทำลายผลงานของตนได้อย่างไร ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิชาฝึกปรือเสียตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเรียนมัน
วงรัศมีพุทธข้างหลังศีรษะของฉินมู่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนจากพุทธเจ้าเล็กๆ ที่ท่องไปในกงล้อแสงเป็นมังกรตัวเล็กละเอียด เสียงพุทธเจ้าก็มีสุรเสียงของมังกรเจือปน
ในไม่ช้า คัมภีร์สักกะก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสะเปะสะปะโดยฉินมู่ จนมองไม่ออกว่านี่คือวิชาฝึกปรือของลัทธิพุทธ!
ที่ทำให้พุทธเจ้าท้าวสักกะยิ่งเดือดดาลก็คือ วิชาของเขาสารรูปจดจำไม่ได้มากขึ้นไปทุกที ด้วยเวลาที่ผ่านไป วิชาของเขาก็ยิ่งมีความสลักสำคัญต่อร่างกายของฉินมู่น้อยลงทุกที ในที่สุด วิชาของเขาก็กลายเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ในวิชาฝึกปรือของฉินมู่!
โชคดีที่ข้าไม่รับเขาไว้เป็นศิษย์ หากว่าทำแบบนั้น ข้าคงข่มใจไม่อยู่ที่จะฟาดเขาให้เละ! พุทธเจ้าท้าวสักกะระบายลมหายใจขาดเป็นห้วงพลางครุ่นคิดในใจ
พลังงานเช่นนี้พุ่งชนเข้ามาคลื่นแล้วคลื่นเล่า เมื่อมันมาถึงข้างหลัง แรงปะทะของพลังงานก็มหาศาลถึงขนาดว่าพุทธเจ้าท้าวสักกะก็พบว่ายากจะยืนให้มั่น
การปะทะกันของพลังงานไม่อาจป้องกันได้ด้วยทักษะเทวะ หากว่าพลังงานของสะพานย้ายสลับพลังงานจิตวิญญาณหยุดไหล พวกเขาก็จะไม่สามารถเข้าไปในสวรรค์ไท่หวงได้ เขาได้แต่กัดฟันทนมันด้วยกายเนื้อ ดังนั้นจึงค่อนข้างตกในสภาพตั้งรับ
การปะทะครั้งสุดท้ายถึงกับทำให้กายเนื้อของพุทธเจ้าท้าวสักกะปริแยกออกจากกัน หนังของเขาปริแตกอย่างต่อเนื่องราวกับว่ามันถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่าน พวกมันถูกลบไปและผิวหนังใหม่ก็จะงอกเงยออกมาทันที เห็นได้ชัดว่าการควบคุมกายเนื้อของเขาสูงส่งถึงระดับที่จินตนาการไปไม่ถึง!
แม้กระนั้น เขาก็พยายามปกป้องฉินมู่ไว้อย่างเต็มที่และไม่ปล่อยให้เขาได้รับความเสียหายจากคลื่นพลังงานอันเกรี้ยวกราด ในเวลาเดียวกัน เขาก็จะปล่อยพลังงานบางส่วนผ่านไปชนกับร่างของฉินมู่ ให้แรงกดดันแก่ฉินมู่และเร่งรัดให้เขาเติบโตขึ้นจากแรงกดดันนั้น
ในท้ายที่สุด คลื่นสุดท้ายก็ผ่านพ้นไป และพุทธเจ้าท้าวสักกะก็ระบายลมหายใจโล่งอก เขาหยุดปกป้องฉินมู่
แต่ในจังหวะนั้นเอง เสียงอันรางเลือนของขิมก็แว่วมา และพุทธเจ้าท้าวสักกะสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขารีบหันกลับไปมองและเห็นว่าพลังงานที่ผ่านไปแล้วจู่ๆ ก็ปริแยกออกจากกัน ปริแตกออกเป็นพื้นผิวอันละเอียดบางนับไม่ถ้วน
เสียงขิมค่อยๆ ชัดเจนขึ้นและห้วงอวกาศก็สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง พลังงานที่กำลังย้ายสลับนั้นเปล่งแสงออกมาทุกสีสัน กลายเป็นจัดเรียงตัวใหม่ พลังงานสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดและดูเหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นตัวโน้ตที่โลดเต้น!
แผ่นอวกาศบางเฉียบเหล่านั้นที่กำลังกระโดดไปมา แปรเปลี่ยนเป็นหงส์เพลิงเก้าหัวที่ยิ่งเข้าใกล้พวกเขาเข้ามาทุกที
จังหวะถัดไป หงส์เพลิงเก้าหัวพลันผ่านการเกิดใหม่ด้วยไฟและแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงอันร้อนแรง ลบล้างพลังงานที่อยู่ในห้วงอวกาศ!
“จักรพรรดิแดงแห่งสวรรค์ทักษิณ ฉีเสียอวี๋!”
พุทธเจ้าท้าวสักกะสีหน้าแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยวและร้องออกมา “คนที่ไล่ล่าพวกเรามาคือหญิงอำมหิตผู้นี้! พวกเราจบเห่แล้ว!”
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาม้วนเอาฉินมู่ไปด้วยและรีบพุ่งกายหนีไปข้างหน้า
ฉินมู่ตื่นขึ้นจากการฝึกปรือและเขารีบกล่าว “พุทธเจ้า อย่าเหาะออกไปด้วยตนเอง พวกเราจะหลุดออกนอกเส้นทางไปสวรรค์ไท่หวง!”
พุทธเจ้าท้าวสักกะตะโกน “ทักษะเทวะของยอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิอยู่ข้างหลังพวกเราในตอนนี้ มันกำลังจะมาถึงตัวพวกเราในไม่ช้า และหากว่าพวกเราไม่วิ่งหนี ก็จะต้องตายอย่างน่าสังเวช!”
“ยอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิ?”
ฉินมู่สะดุ้งโหยงและในหัวก็ว่างเปล่าไปหมด “คนที่ไล่ล่าข้ามาแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ ข้าเป็นบทบาทเล็กๆ ที่อยู่ในขั้นเจ็ดดาวเท่านั้นเอง มีความจำเป็นอะไรต้องใช้คนที่แข็งแกร่งขนาดนั้น…”
“นางไม่ได้ไล่ตามเจ้า นางไล่ตามข้า!”
พุทธเจ้าท้าวสักกะกัดฟันกรอด และแสงพุทธธรรมของเขาก็ม้วนกวาดฉินมู่และพาเขาวิ่งตะบึงไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นรอยแสงพุทธที่พวยพุ่งไปอย่างรวดเร็ว “ข้ามีความบาดหมางกับนางในช่วงสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง นางจะต้องได้ข่าวว่าข้าก่อเรื่อง เลยฉวยโอกาสนี้มาล่าตัวข้าเพื่อล้างแค้น!”
เสียงขิมดังมาจากข้างหลัง และนี่คือบริเวณอวกาศระหว่างสวรรค์ไท่หวงกับพุทธเกษตร ไม่มีเสียงใดที่เดินทางผ่านอวกาศได้ แต่กระนั้นทักษะเทวะของจักรพรรดิแดงฉีเสียอวี๋ก็ยังเดินทางมาได้ด้วยการเฉือนตัดอวกาศ ความเร็วนั้นเร็วอย่างยิ่งยวด เร็วถึงขนาดที่ว่าไม่อยากจะเชื่อสายตา!
ฉินมู่หันกลับไปมองและเห็นห้วงมิติข้างหลังเขาแปรเปลี่ยนและกระเพื่อมขึ้นๆ ลงๆ อวกาศจะถูกเฉือนตัดเป็นพักๆ ซ้อนทับกันและกันเป็นพักๆ และถึงกับกลายเป็นรูปทรงต้นเสาเป็นพักๆ ด้วย ความยาวของเสาที่แปรเปลี่ยนมาจากอวกาศนั้นก็จะเปลี่ยนความสูงของมันอย่างไม่หยุดยั้ง อวกาศก็จะกลายเป็นวงกลมด้วยวงใหญ่ซ้อนด้วยวงเล็ก และวงเล็กก็ก่อกำเนิดจากความว่างเปล่า วงกลมเล็กจะแผ่ขยายออกไปเป็นวงใหญ่ในไม่ช้า ทำให้คลื่นอวกาศแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดยั้งและวนซ้ำวงจรนี้ไปเรื่อยๆ
ทักษะเทวะเสียงนี้เกินจินตนาการของฉินมู่ และทำให้เขาอ้าปากค้าง เขาไม่เข้าใจทักษะเทวะเสียงของฉีเสียอวี๋เลยสักนิด และยากที่จะประเมินว่าทักษะเทวะเสียงของยอดฝีมือระดับบัลลังก์จักรพรรดินี้จะมีพลานุภาพร้ายกาจปานใด
แต่ทว่า ดูจากที่พุทธเจ้าท้าวสักกะหนีอย่างไม่คิดชีวิต ทักษะเทวะนี้คงไม่ใช่อะไรที่เขาป้องกันต้านรับไหว หากว่าถูกทักษะเทวะไล่ตามทัน ก็คงมีแต่ตายสถานเดียว!
“พุทธเจ้า ท่านได้ออกนอกเส้นทางไปสวรรค์ไท่หวงแล้วนะ!” ฉินมู่คิดคำนวณในใจและขมวดคิ้ว
“ชีวิตพวกเราสำคัญกว่า!” พุทธเจ้าท้าวสักกะตะโกน
ฉินมู่ไม่พูดอะไรอีก และปล่อยให้พุทธเจ้าท้าวสักกะพาตัวเขาไปด้วย เขาอดไม่ได้ที่จะกังวลในใจ พุทธเจ้าได้ออกไปจากเส้นทางแล้ว หากว่าพวกเรายังวิ่งต่อไป พวกเราก็จะยิ่งออกห่างจากสวรรค์ไท่หวงมากขึ้นทุกทีๆ พวกเรายังจะกลับไปยังสวรรค์ไท่หวงและแดนโบราณวินาศได้หรือเปล่า…
เสียงขิมชัดเจนขึ้นทุกขณะๆ ฉินมู่พลันเห็นร่างที่กำลังวิ่งตะบึงของพุทธเจ้าท้าวสักกะถูกทำให้ถ่วงช้าและอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งแตกตื่น
เขาไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ ทักษะเทวะของฉีเสียอวี๋ไม่ทำให้เขารู้สึกถึงจิตสังหาร กระนั้นทักษะเทวะนี้ก็ได้เข้ามาใกล้พวกเขาเข้าทุกที!
“ระวัง!”
พุทธเจ้าท้าวสักกะคำรามเสียงกึกก้อง และเขาพลันพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างดุเดือด แสงพุทธธรรมของเขาฉายโชนเจิดจ้า และเขาฟาดทักษะเทวะมากมายออกไปเผชิญกับเสียงขิมที่พุ่งออกมาจากห้วงลึกของอวกาศ!
ตูม
ฉินมู่หลับตาลง ในเสี้ยวพริบตานี้ แสงเจิดจ้ามากมายหลายชนิดแยงเข้ามาแสบตาเขาจนน้ำตาไหลพรากอย่างกลั้นไม่อยู่
“หญิงหงำเหงือกผู้นี้บ้าดีเดือดจริงๆ!”
เสียงของพุทธเจ้าท้าวสักกะดังมาข้างๆ หูของเขา และฉินมู่รู้สึกได้ถึงโลหิตที่หลั่งไหลอยู่บนคอของตนเอง เขาสะดุ้ง
พุทธเจ้าท้าวสักกะถึงกับพูดคำหยาบคาย คนที่ดูประณีตเพียบพร้อมเช่นนี้ถึงกับทนไม่ได้ที่จะเปล่งคำสบถออกมา นั่นแปลว่าอาการบาดเจ็บของเขาไม่เบาเลยทีเดียว และในขณะนั้นเอง การปะทะกันรัวเป็นตับก็ดังมา ฉินมู่ลืมตาขึ้นและไม่อาจมองเห็นอะไรสักอย่าง เขารู้สึกแต่ว่าเขาถูกพุทธเจ้าท้าวสักกะแบกไปและพวกเขาก็กำลังกลิ้งกระเด็นไปหลายตลบ พวกเขาชนเข้ากับอะไรบางอย่าง และยังคงกลิ้งไปอีกหลายยกจนกระทั่งหยุดลงได้ในที่สุด
ฉินมู่ลอบเปิดใบหลิวทองคำออกมามองดูรอบๆ เขาตะลึงไปเล็กน้อย “สถานที่นี้คือ…”
ข้างหลังเขา พุทธเจ้าท้าวสักกะผู้ซึ่งคอยปกป้องเขาอยู่ตลอด ได้หงายหลังตึงไป ลมหายใจเขารวยรินและเขาก็กล่าวด้วยเสียงอันแหบพร่า “โลกสวรรค์ที่สองแห่งสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้ง…ขี้กองนี้ดูจะเหม็นหึ่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้…”
“อุแหวะ–”
เขาอาเจียนโลหิตออกมากำใหญ่