“ข้าจินตนาการว่าจักรพรรดิก่อตั้งจะเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ บุคคลที่ช่วยกอบกู้ผู้คนจากภัยพิบัติได้ ข้าจินตนาการว่าบรรพชนเฒ่าผู้นี้จะสามารถติดตามผู้คนที่เชื่อมั่นในตัวเขาอย่างสุดใจไปเผชิญความตายด้วยกันได้ ข้าคิดว่าเขาจะเป็นบุคคลที่ข้าคิดฝันเอาไว้ แต่เขาไม่ใช่”
ข้างในหมู่บ้านพิการชราแห่งแดนโบราณวินาศ ฉินมู่นั่งข้างกองไฟและมองไปยังน้ำอันเดือดพล่านในหม้อ สีหน้าของเขาเยือกเย็นขณะที่กล่าว “ยิ่งข้าขุดคุ้ยประวัติศาสตร์มากเท่าไร ข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรจะเป็นจักรพรรดิก่อตั้ง เขาไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้นำของวีรชนนับหมื่น บางทีเขาอาจจะเป็นแค่ชายชราที่กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ และเอาแต่คิดว่าจะมีชีวิตสงบสุขอย่างไร เขาไม่มีจิตวิญญาณอันคู่ควรให้วีรชนทั้งหลายยึดถือเป็นแบบอย่าง”
“ก๊อก!” แม่ไก่มังกรข้างๆ เขากล่าวพลางผงกหัวอย่างจริงจัง
“เจ้าพูดถูก”
ฉินมู่เติมฟืนเข้าไป สีหน้าของเขากลายเป็นเศร้าโศกลง “หากว่าเขามีปณิธานและความห้าวหาญเช่นนั้น ทำไมจู่ๆ เขาก็ถอยหนีในการศึกสุดท้าย ทำไมเขาถึงละทิ้งพี่น้องและสหายทั้งหลายโดยไม่ไยดี ทิ้งให้ผู้คนต้องทนทุกข์จากภัยพิบัติ หากว่าเขาเป็นวีรบุรุษแท้ที่ข้าคิดฝัน แล้วเขาทำอะไรอยู่ในช่วงสองหมื่นปีที่ผ่านมานี้ ไม่ทำอะไรเลย!”
แม่ไก่มังกรผงกหัวของมันและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ก๊อก ก๊อก!”
“ฮี่ๆ เขาไม่ทำอะไรเลย มิน่าล่ะ พวกคนที่ติดตามเขาถึงรู้สึกผิดหวัง”
ฉินมู่ระเบิดหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็ส่ายหัว “ข้าอยากจะกลับไปที่หมู่บ้านไร้กังวลเสียจริง ไปพลิกรังอันสบายของเขาให้คว่ำฟ้าคว่ำดิน ไปสอบสวนเขาด้วยตนเอง บางทีข้าอาจจะซ่อมมหานาวาปารมิตา และขับเรือนี้ไปหาเขาที่นั่น ข้ายังคงมีกระจกที่ผู้ใหญ่ได้ค้นพบจากมหานาวาปารมิตา เส้นทางไปยังหมู่บ้านไร้กังวลถูกบันทึกเอาไว้ในนั้น ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า ข้าจะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านไร้กังวลได้ก็ต่อเมื่อข้าสามารถทำลายเวทปิดผนึกที่วางไว้บนกระจก…”
“ก๊อก?” แม่ไก่มังกรถามอย่างฉงน
“เจ้านี่แสนดีเหลือเกิน อุตส่าห์รับฟังข้าพูดไร้สาระมากมาย”
ฉินมู่ค่อยๆ หันหัวไปมองมัน ค่อยๆ ดึงกระบี่ออกมา เขากล่าวอย่างนุ่มนวล “แต่ทว่า เจ้ารู้ความลับของข้ามากเกินไป…อย่าดิ้นรน มีก็แต่แม่ไก่มังกรที่สุกแล้ว ที่จะไม่พล่ามความลับกับใคร ชาติหน้าเกิดใหม่ ก็อย่าเกิดมาเป็นแม่ไก่มังกรอีกเลย”
หมู่บ้านพิการชราตกอยู่ในความหวาดผวา เมื่อแม่ไก่มังกรทั้งหลายเข้าไปซุกตัวสั่นงันงกเป็นกองเดียวกัน พวกมันมองไปยังฉินมู่ที่กำลังต้มไก่ด้วยความสยองขวัญ
ไม่นานนัก ฉินมู่ก็ทานจนอิ่ม เขาดื่มน้ำต้มไก่ และกินเนื้อไก่ที่ปรุงสุกอย่างไร้ที่ติ ท่านปู่บอดและคนอื่นๆ ยังไม่กลับมาที่นี่ งั้นพวกเขาน่าจะไปที่ยมโลกเพื่อเยี่ยมเยียนผู้ใหญ่บ้าน สถานที่นี้อยู่ไม่ห่างไกลจากเมืองเขตมังกร ข้าสามารถเข้าไปในข้างในระหว่างเป็นตาย เพื่อเยี่ยมเยียนยมโลกได้…แต่ก่อนอื่นนั้น ข้าจะต้องไปเซ่นไหว้บูชาผู้ใหญ่บ้านเสียก่อน เพื่อให้เขารู้ว่าข้ากำลังจะไปเยี่ยมเยียนเขา
เขาลุกขึ้นและจากไป ไม่นานนัก เขาก็มาถึงหมู่บ้านภูเขาเล็กๆ ในความทรงจำ เดิมทีมันมีครอบครัวสองสามครอบครัวในหมู่บ้านภูเขา และพวกเขาก็อาศัยพึ่งใบบุญรูปสลักหินผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อฉินมู่มาถึง เขาก็ตะลึงไปเล็กน้อย ที่นี่มีรูปสลักหินเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง และรูปสลักหินของผู้ใหญ่บ้านก็ได้หายไป!
“เจ้าหมายถึงรูปสลักหินที่ไม่มีแขนขาน่ะหรือ มันถูกเคลื่อนย้ายไป”
พวกชาวบ้านบอกกับเขา “พวกคนประหลาดมาที่นี่ มีทั้งช่างตีเหล็ก คนเชือดหมู คนขายยา คนที่ขายป้ายอักษรประดับเทศกาลและภาพวาด พวกเขากล่าวว่ารูปสลักหินเป็นสหายเก่าของพวกเขา หลังจากที่พวกเขาเคลื่อนย้ายรูปสลักหินจำนวนหนึ่งมาที่นี่ พวกเขาก็นำรูปสลักหินนั้นไป”
“รูปสลักหินเดิมดีที่สุดแล้ว! เจ้าเพียงแค่เซ่นสังเวยให้แก่รูปสลักหินอันเดิม และมันก็มักจะแสดงให้พวกเรารับรู้ตัวตน รูปสลักหินใหม่ๆ พวกนี้ไม่มีตัวตนแสดงออกมาเลยสักนิด”
“จริงสิ ยังมีโจรเฒ่าอยู่ท่ามกลางคนพวกนั้นด้วย และเขาขโมยขาหมูแห้งที่ข้าแขวนเอาไว้นอกบ้าน!”
ฉินมู่ประหลาดใจ ท่านปู่ใบ้และคนอื่นๆ ได้มาที่นี่ ทำไมพวกเขาถึงเคลื่อนย้ายรูปสลักหินผู้ใหญ่บ้านไป
ดวงตาเขาเป็นประกายเจิดจ้า จริงสิ! มันจะต้องเป็นท่านปู่นักปรุงยาที่พยายามจะเพรียกขานดวงวิญญาณผู้ใหญ่บ้านกลับมา พวกเขาคงจะลองดูว่าจะสามารถฟื้นคืนชีพให้แก่ผู้ใหญ่บ้านได้หรือไม่!
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น และรีบออกเดินทางทันที มุ่งหน้าไปยังเมืองเขตมังกร
…
เมืองเขตมังกร
เมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญสำหรับธุรกิจและการค้าทั้งหลาย หลังจากหลายปีที่ผ่านมาหลังจากที่เขามายังสถานที่นี้เป็นหนสุดท้าย ระดับความมั่งคั่งของที่นี่ก็เหนือล้ำเกินจินตนาการของฉินมู่ สินค้าจากทั่วทั้งประเทศหลั่งไหลเข้ามารวมกันที่นี่
เรือเหาะแล่นไปแล่นมา พวกมันมีจำนวนหนาแน่นมากมาย และยังมีเรือที่ขนส่งสินค้าขึ้นลงอยู่ทุกหนทุกแห่ง
พ่อค้าแห่งแผ่นดินตะวันออกและแผ่นดินตะวันตก ล้วนแต่มาค้าขายกันที่นี่ มันสะดวกง่ายดายสำหรับพวกเขา ในเมื่อไม่ต้องเดินทางยาวตลอดไปถึงสันตินิรันดร์และแผ่นดินตะวันตก นอกจากเมืองเขตมังกรแล้ว เมืองอื่นๆ ในแดนโบราณวินาศก็เริ่มที่จะเจริญรุ่งเรืองด้วยเช่นกัน
ความรุ่งเรืองของวงการค้าขายก็ได้นำมาซึ่งโรงเรียนและสถาบันต่างๆ มากยิ่งขึ้น ดังนั้น แต่ละเมืองในแดนโบราณวินาศจึงมีโรงเรียนมากมาย ผู้คนแห่งแดนโบราณวินาศมีจำนวนไม่น้อยที่มาเป็นบัณฑิตและร่ำเรียนทักษะเทวะ ทั้งยังมีสัตว์พิสดารทุกประเภทที่จำแลงร่างเป็นมนุษย์ เข้ามาลงทะเบียนในโรงเรียนเพื่อแสวงหาความรู้
ฉินมู่มายังระหว่างเป็นตายและพบว่าสถานที่แห่งนี้ยังคงคึกคัก บัณฑิตมากมายมักจะใช้จ่ายเงินทองเพื่อเข้าไปยังยมโลกจากที่นี่
ผู้ที่ดูแลรักษาระหว่างเป็นตายนั้นคือหัวหน้าธูปคนหนึ่งแห่งลัทธินักบุญสวรรค์ ดังนั้นฉินมู่จึงย่อมไม่ต้องใช้จ่ายเงินทองเพื่อเข้าใช้ เขานั่งเรือและลอยเข้าไปในแดนยมโลกผ่านแม่น้ำสายยาว เขากระโดดขึ้นไปเมื่อถึงใต้สะพานและเหยียบลงไปบนนั้น เมื่อฉินมู่ลงมาจากสะพาน เขาก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นโครงกระดูกเรียบร้อยแล้ว
“กษัตริย์มนุษย์ฉิน!”
ฉินมู่มองตรงไปยังที่มาของเสียง เขาเห็นกษัตริย์มนุษย์อี้ซานผู้สูงเพียงห้าคืบแหวกเหล่าภูตผีอันคับคั่งมาและฉีกยิ้มให้ “เป็นเจ้าแน่ๆ! เมื่อข้าเห็นโครงกระดูกของเจ้า ข้าก็จำเจ้าได้ทันที!”
ฉินมู่รีบคารวะทักทาย “อาจารย์ทวด!”
กษัตริย์มนุษย์อี้ซานถามด้วยน้ำเสียงระแวง “ทำไมเจ้ามาที่ยมโลกล่ะ เจ้าคิดจะมาทุบตีบรรพจารย์อีกแล้วหรือ เจ้าจะมาทวงถามความเป็นธรรมให้ซูน้อยเรอะ”
ฉินมู่ส่ายหัวและกล่าว “ข้ามาที่นี่เพื่อพบกับผู้ใหญ่บ้าน…”
กษัตริย์มนุษย์อี้ซานระบายลมหายใจโล่งอก เขาหันหัวไปและโบกมือให้แก่คนอื่นๆ ที่โผล่หัวออกมาจากหัวมุมถนน “เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อทุบตีพวกเรา ออกมาได้!”
กษัตริย์มนุษย์ฉีคัง กษัตริย์มนุษย์หลันโพ่ และคนอื่นๆ เดินออกมาจากหัวมุมถนน กษัตริย์มนุษย์ฉีคังถามด้วยเสียงอันดัง “กษัตริย์มนุษย์ฉิน ไอ้เด็กซูมู่เจ๋อนั้นไปฟ้องเจ้าหรือเปล่า”
ฉินมู่ถามด้วยความฉงน “ผู้ใหญ่บ้านมาฟ้องข้าหรือ”
ทุกคนหันไปมาองกันไปมา เผยรอยยิ้มประหลาด พวกเขาหัวเราะคิกคักและไม่พูดถึงเรื่องนี้
ฉินมู่ถามด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้ใหญ่บ้านถึงถูกรุมสกรัม เขาไปล่วงเกินผู้อาวุโสทั้งหลายอย่างไร”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนห้าพูดกลั้วหัวเราะ “ซูมู่เจ๋อ ไอ้เด็กนั่น เขาไม่ได้อยู่ในยมโลก ตอนนี้เขากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างสุดๆ ที่ได้รับการฟื้นคืนชีพจากเจ้าหน้ากากทองแดงนั่น เขาบอกว่าเขาจะไปที่สวรรค์ไท่หวงเพื่อตามหาเจ้า เมื่อหลายเดือนก่อน พวกคนประหลาดมาตามหาเขาที่นี่ และพวกเขาก็คุยสัพเพเหระกันอยู่สักพักหนึ่ง หนึ่งในคนประหลาดที่สวมหน้ากากทองแดงกล่าวว่า เขายังมีโอกาสกอบกู้ชีวิตขึ้นมาได้ เทพนกฉือซิ่วก็บอกว่าเด็กแสบซูยังเป็นคนที่ครึ่งเป็นครึ่งตาย และยังคงมีกลิ่นอายของคนเป็นอยู่ หน้ากากทองแดงจึงให้เด็กแสบซูคืนกลับเข้าร่างและฟื้นคืนชีพเขา”
ฉินมู่กะพริบตาปริบและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ คนหน้ากากทองแดงนั้นคือท่านปู่นักปรุงยาของหมู่บ้านพวกข้า วิชาแพทย์ของเขาเป็นอันดับหนึ่งในโลกหล้า วิชาแพทย์ของเขาถึงกับสูงล้ำกว่าข้าเสียอีก หากว่าเขารักษาผู้ใหญ่บ้านด้วยตนเอง ผู้ใหญ่บ้านต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน จะว่าไปแล้ว ทำไมบรรพชนทั้งหลายถึงอยากจะรุมทุบตีผู้ใหญ่บ้านล่ะ”
กษัตริย์มนุษย์ฉีคังรีบพูดหัวข้อนี้แบบผ่านๆ “เจ้าเด็กแสบโกหกพวกเรา และให้เจ้ามาอัดพวกเราจนน่วม โยนหน้าพวกเราทิ้งไปหมด จากนั้นเขาก็วิ่งกลับมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา บอกว่าเขาไปพบเจอบันทึกของกายาจ้าวแดนดิน หากว่าพวกเขาไม่อัดเขาจนน่วมบ้าง จะให้พวกเราไปอัดใคร อัดเขาแค่ครั้งเดียวยังนับว่าน้อยไป ดังนั้นพวกเราจึงอัดเขาทุกๆ วัน”
“ทุกๆ วัน?”
ฉินมู่สีหน้ามืดและกล่าวอย่างนุ่มนวล “บรรพชนทั้งหลาย ผู้เยาว์ได้เรียนวิชาฝีมือเพิ่มขึ้นอีกจากข้างนอก อยากให้บรรพชนทั้งหลายช่วยชี้แนะข้าหน่อย”
สีหน้าของกษัตริย์มนุษย์ทุกคนแปรเปลี่ยน และพวกเขาต่างก็หาข้ออ้าง
“เมื่อหลายวันก่อนมีบางคนได้เผาและเซ่นไหว้เสื้อผ้ามาให้ข้าชุดหนึ่ง ฝีมือตัดเย็บไม่เลวเลยล่ะ ข้าลืมที่จะไปใส่มาในวันนี้เพื่อโอ้อวดพวกเจ้าทุกคน”
“มีบางคนที่ได้ยินว่าข้าเป็นกษัตริย์มนุษย์ แล้วก็เซ่นไหว้ข้าด้วยเหมือนกัน!”
“มีคนเผาดรุณีกระดาษมาให้ข้าจำนวหนึ่ง จะต้องยังมีคนที่จดจำพวกเราได้ในโลกแห่งคนเป็นแน่ๆ!”
“เฒ่าหลิง ข้าได้ยินว่าจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงปีนขึ้นไปวิหารสวรรค์เพื่อสักการะบูชาบรรพชน เขาเชื่อมต่อสาแหรกตระกูลและเชื่อมไปถึงเจ้า กล่าวว่าเขาเป็นลูกหลานของเจ้า ดรุณีกระดาษพวกนี้น่าจะเป็นที่จักรพรรดิเซ่นไหว้มา”
…
ฉินมู่ก็ไม่ได้คิดจะอัดพวกเขาจนน่วมอย่างจริงๆ จังๆ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “บรรพชนทั้งหลาย ข้ามาที่นี่คราวนี้ก็เพราะเสาะหาตัวผู้ใหญ่บ้าน ในเมื่อผู้ใหญ่บ้านไม่อยู่ที่นี่…”
ไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบ รัศมีของเขาก็สั่นเทิ้มอย่างรุนแรง เมื่อเขาเห็นสิ่งที่อยู่ตรงสุดปลายถนน
กษัตริย์มนุษย์รอบตัวเขาก็ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในรัศมีของเขา พวกเขามองตรงไปยังสุดถนน และเห็นกษัตริย์มนุษย์หนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น มองตรงมายังฉินมู่อย่างเงียบงัน
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนสองหัวใจบีบรัดและเขารีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กษัตริย์มนุษย์ฉินคงยังไม่เคยพบกับบรรพชนแรกมาก่อนสินะ? ให้ข้าแนะนำเจ้าให้เขาสักหน่อย บรรพชนแรก นี่คือกษัตริย์มนุษย์ฉิน กษัตริย์มนุษย์คนปัจจุบัน เขามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนพวกเราโดยเฉพาะ! ระหว่างเป็นตายของท่านก็ถูกเขาติดตั้งเพื่อเชื่อมโลกแห่งคนตายเข้ากับโลกแห่งคนเป็น! เขานั้นหัวใสจริงๆ ว่าไหมล่ะ กษัตริย์ฉิน มาสิ มาคารวะบรรพชนแรกเร็วเข้า”
“ไม่จำเป็น!”
ฉินมู่ยกมือขึ้นและกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “บรรพชนสอง โครงกระดูกของท่านถูกเขาบดขยี้ และป้ายหลุมศพของท่านก็ถูกเขาพังทลาย ท่านจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ท่านน่าจะรู้สิ่งที่เขาทำลงไปกระจ่างยิ่งกว่าข้า”
บรรพชนสองอึ้งไปเล็กน้อยและอ้าปาก แต่ทว่าพูดอะไรไม่ออกสักคำ
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกเดินเข้ามาและกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่…”
“ใช่แล้ว ในเมื่อเจ้าก็อยู่ที่นี่!”
ฉินมู่ยกมือขึ้นอย่างแผ่วเบาและปลดใบหลิวทองคำออกจากหน้าผากของเขา เดิมทีเขาเป็นโครงกระดูกในยมโลก แต่ตอนนี้เลือดและเนื้อของเขาถึงกับคืนกลับมาในร่างของเขาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ร่างกายของเขาฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว!
มือและขาของฉินมู่สั่นเทิ้ม “ก่อนข้าจะไป ข้าจะอัดเจ้าให้ตายซะก่อน!”
กษัตริย์มนุษย์ทั้งหมดตกตะลึง ในขณะนี้ ฉินมู่มิได้อยู่ในระหว่างเป็นตาย แต่เขาได้ฟื้นฟูกายเนื้อกลับมา และไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกฎแห่งแดนยมโลก นี่คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!
พวกเขาไม่รู้ว่าฉินมู่ถือกำเนิดในแดนใต้พิภพ และยมโลกก็เป็นส่วนหนึ่งของแดนใต้พิภพ ในอดีตนั้นเขาถูกจำกัดไว้ด้วยกฎแห่งยมโลก และก็จะแปรเปลี่ยนเป็นโครงกระดูกในทุกครั้งที่เขาเข้ามาที่นี่
บัดนี้ดวงตาที่สามของเขาเปิดออก ตัวตนและสายเลือดของเขาในฐานะโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ ก็ฟื้นคืนกลับมาบางส่วน เมื่อดวงตาที่สามปรากฏ เขาก็จะมีเลือดและเนื้อ!
สายตาของฉินมู่จ้องเขม็งไปยังกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกที่กำลังเดินเข้ามา คลื่นลูกใหญ่โถมซัดในหัวใจของเขา ที่นอกโถงแห่งกษัตริย์มนุษย์ เขาถูกกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับมือ และเขาก็ได้แต่มองบรรพชนแรกทำลายล้างหยาดเหงื่อและแรงงานของอดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลาย เขาเห็นบรรพชนแรกบดขยี้โครงกระดูกของบรรพชนสอง และทำลายหินป้ายหลุมศพ!
ฉินมู่ได้ประสบความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ความล้มเหลวนี้ทำให้เขาซึมเศร้าอยู่หลายเดือน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเสี่ยงชีวิตเข้าไปในสวรรค์ไท่หวง เสาะหาวิธีการฝึกวิทยายุทธที่มีระดับสูงกว่าเดิม เพื่อตรึกตรองวิชาฝึกปรืออันจะสามารถเอาชนะกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกได้!
กระบี่ภัยพิบัติของเขา วิชาฝึกปรือย่างกรายสู่เขตขั้นเต๋าของเขา…ทั้งหมดล้วนผ่านการทลายฝ่าแรงกดดันของบุคคลผู้นี้!
ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหัวใจของเขาไม่ใช่เผ่ามารแห่งสวรรค์ไท่หวง หรือสภาสวรรค์ที่สูงล้ำอยู่เบื้องบน มันเป็นบุรุษที่อยู่ตรงหน้าเขา ผู้ก่อตั้งโถงแห่งกษัตริย์มนุษย์ บุคคลที่เขาเคยเคารพนับถือ บุคคลที่บดขยี้ความฝันของเขา!
สีหน้าของกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกนิ่งสงบ “ที่นี่หรือ สถานที่นี้ไม่ดีหรอก เจ้าจะทำให้ยมโลกได้รับความเสียหาย และคงยากที่จะอธิบายต่อท้าวยมราช ไปที่โถงแห่งกษัตริย์มนุษย์ หลังจากที่ข้าเอาชนะเจ้า ข้าจะได้ทำลายโครงกระดูกของกษัตริย์มนุษย์อีกคน!”
ฉินมู่หันกายกลับ และเดินออกไปจากยมโลกด้วยสีหน้าอันมืดทะมึน “ไปรอข้าที่โถงแห่งกษัตริย์มนุษย์!”