ในพริบตาที่กระบี่บินแปดพันเล่มแทงไปยังหม้อห้าอสุนีบาต โลกทั้งโลกก็พลันเงียบงัน ปราศจากสรรพสำเนียงใดๆ แม้แต่กระบี่บินก็ไร้เสียง
จากนั้น พื้นที่เหนือหม้อห้าอสุนีบาตก็ระเบิดออก และเปลวสายฟ้าพุ่งออกมา
สายฟ้าสีดำทมิฬยิงขึ้นข้างบนและระเบิดกัมปนาท พวยพุ่งขึ้นไปบนฟากฟ้า
เจ้าตำหนักสวรรค์แท้ผู้ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักเห็นสายฟ้าสีดำอันดูราวกับมังกรไร้เขากำลังแสยะเขี้ยวอวดเล็บ จากนั้นมันก็แตกระจายออก กลายเป็นสายฟ้าสว่างเจิดจ้าอันดูราวกับฝูงมังกรไร้เท้าทะยานขึ้นไปบนเวหา
ในเสี้ยววินาทีนั้น ก็มีสายฟ้านับหมื่นที่พวยพุ่งขึ้นไปบนห้วงนภา แต่กระนั้นในเสี้ยววินาทีถัดมา มันก็มันก็แยกกระจายออกเป็นมังกรไร้เขานับร้อยล้านตัว
เมฆแสงเจิดจ้าบาดตาก่อขึ้นมาตรงหน้าตำหนักสวรรค์แท้ และหม้อห้าอสุนีบาตก็ลอยเลื่อนขึ้นไปบนอากาศ ปลดปล่อยเปลวสายฟ้าอันฟาดเปรี้ยงปร้างขึ้นไปสู่เมฆอสุนีบาตอย่างไม่หยุดยั้ง
ในเวลาเดียวกันที่ข้างหลังเมฆสายฟ้า ฝูอวิ๋นซีนำหญิงสาวนับหมื่นแห่งตระกูลฝูขับเคลื่อนทักษะเทวะของพวกนาง ผลักดันเมฆสายฟ้าไปทางตำหนักสวรรค์แท้
เจ้าตำหนักสวรรค์แท้สีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง และนางคว้าลูกแก้วเต่าดำที่ผู้อาวุโสตระกูลอวี้คนหนึ่งกำลังใช้อยู่มา
ไม่ทันที่นิ้วของนางจะกำรอบมันได้ เมฆสายฟ้าอันน่าสยองขวัญก็มาถึงตำหนักสวรรค์แท้แล้ว ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ใด ภาพเงาอันก่อขึ้นมาจากลูกแก้วพยัคฆ์ขาว ลูกแก้วหงส์แดง และลูกแก้วเต่าดำก็ล้วนแตกสลายไป ทะเลระเหยแห้ง เพลิงไฟมอดดับ และภูเขาทองคำก็พังทลาย
ตูม!
อสุนีบาตสายแรกฟาดลงมา และพุ่งตรงไปยังตำหนักสวรรค์แท้ เสียงกัมปนาทสะเทือนกึกก้องเมื่อมันฟาดไปยังเทวรูปตนหนึ่ง
เปลวฟ้าสายแรกราวกับสะเก็ดไฟที่ร่วงลงไปในหม้อน้ำมัน พลันจุดสันดาปทุกๆ อย่างที่อยู่ในนั้น มันราวกับฝนหยดแรกจากเมฆฝนทะมึน และที่ตามมาก็คือเปลวอสุนีบาตนับพันๆ ล้านอันฟาดเปรี้ยงฉีกฟ้า ถล่มลงไปยังตำหนักสวรรค์แท้!
“โล่เทวะเต่าดำ!” เจ้าตำหนักสวรรค์แท้ตะโกนออกไป ดิ้นรนสุดชีวิตที่จะกระตุ้นเร้าการทำงานของลูกแก้วเต่าดำ โล่เต่าดำใหญ่มหึมาพลันขยายตัวออก คลี่คลุมด้านหน้าของตำหนักสวรรค์แท้
ตูม!
สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดปะทุเมื่อพวกมันฟาดลงไปกระทบโล่เต่าดำ และพื้นผิวของโล่เทวะนี้ก็ยุบลงไปจากแรงกระแทกที่กดอัดเข้ามา เจ้าตำหนักสวรรค์แท้กระอักโลหิตเมื่อนางดิ้นรนสุดชีวิตที่จะป้องกันผู้คนของนางเอาไว้
โล่เทวะเต่าดำทานทนสายฟ้าได้ไม่นานก็ไม่สามารถป้องกันศิษย์ตำหนักสวรรค์แท้ไว้ได้อีก ทะเลอสุนีบาตซัดเข้ามา และหญิงสาวมากมายก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน!
แม้แต่รูปปั้นเทวะอันมีรัศมีทัดเทียมเทพยดาก็ไม่ต้านทานพายุสายฟ้าเอาไว้ได้ เมื่อพวกมันพุ่งขึ้นไปต่อสู้กับทะเลสายฟ้า แขนขาของพวกมันก็หลอมละลาย กลายเป็นทองดำและทองแดงหลอมเหลว!
เมื่อเสียงฉีเอ๋อมองไปยังตำหนักสวรรค์แท้จากที่ไกลๆ นางก็พบว่ามันได้กลายเป็นทะเลอสุนีบาตไปเรียบร้อยแล้ว สายฟ้าจำนวนมากผ่าเปรี้ยงปร้างไม่หยุดหย่อน ทำให้สถานที่นั้นสว่างจ้าแสบตา
ก่อนหน้านั้น ลูกแก้วมังกรเขียวของนางต้องไปต่อสู้กับสามมหาสมบัติวิญญาณ แต่เมื่อเมฆสายฟ้าเข้าไปทำลายพลังของพวกมัน แรงกดดันบนตัวเด็กหญิงน้อยก็ลดถอยลงไปอย่างยิ่ง ในที่สุดนางก็มีเวลาพักหายใจ
“ฉีเอ๋อ คุณสมบัติธาตุของลูกแก้วมังกรเขียวคือสายฟ้า” เสียงซีอวี่พลันปรากฏเบื้องหลังนางและกล่าวอย่างนุ่มนวล “พวกเราใช้ลูกแก้วมังกรเขียวส่งศัตรูพวกนี้ไปสู่สุคติกันเถอะ”
“ท่านแม่!” เสียงฉีเอ๋อทั้งประหลาดใจและยินดี เสียงซีอวี่เผยรอยยิ้มและกอบมือของเด็กหญิงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกนางประคองลูกแก้วมังกรเขียวด้วยกัน และกล่าวด้วยเสียงเบา “ชีวิตที่ตกตายของตระกูลเสียง ต้องชดใช้ด้วยชีวิตของศัตรู!”
แสงสีเขียวอันไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกจากลูกแก้วมังกรเขียว และแปรเปลี่ยนเป็นมังกรเขียวที่พุ่งทะยานเข้าไปในเมฆสายฟ้า พลานุภาพของสายฟ้าพลันเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าแตกตื่น
เจ้าตำหนักสวรรค์แท้เห็นเช่นนั้น และหัวใจของนางก็พลันท่วมท้นไปด้วยความสิ้นหวัง ตระกูลอวี้จบสิ้นแล้ว…
โล่เทวะเต่าดำระเบิดระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และพายุสายฟ้าอันไร้ประมาณก็กลืนกินนางและศิษย์อวี้ข้างหลัง
ในพริบตานั้น แสงกระบี่หนึ่งก็ยิงฝ่าพายุอสุนีบาต และพุ่งตรงไปยังเสียงซีอวี่ แสงกระบี่ของเขาดูราวกับสมบูรณ์แบบ กวาดล้างทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้แต่พายุสายฟ้าก็ยังถูกฉีกทำลาย!
เพลงกระบี่และเต๋ากระบี่ของเขาได้ไปถึงขั้นสมบูรณ์แบบ แม้แต่พายุสายฟ้าก็ทำอะไรเขาไม่ได้
แสงกระบี่นั้นเร็วอย่างยิ่งยวด ราวกับว่ามันพุ่งมาจากนอกอวกาศ สายฟ้ากลายเป็นผุยผงและไม่อาจกลบบังแสงสว่างที่พวยพุ่งออกมาจากกระบี่!
แต่ทว่า ก่อนที่มันจะมาถึงหน้าของเสียงซีอวี่และธิดาของนาง แสงกระบี่อีกแสงก็พลันปรากฏขึ้นมา และขัดขวางกระบี่นั้นด้วยเสียงเคร้ง
“ราชครูสันตินิรันดร์?” ป้าโก่วแย้มยิ้ม “ข้ารู้มาตั้งนานแล้วว่าเจ้าอยู่ในแผ่นดินตะวันตก แต่เจ้ามีนิสัยสันดานอันต่ำช้า คอยแต่มุดหัวซ่อนอยู่ในที่มืด แต่ทว่าเจ้าหาโอกาสโจมตีข้าไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ ในท้ายที่สุด ก็ยังคงเป็นข้าที่บีบเจ้าให้โผล่หัวออกมา”
ราชครูสันตินิรันดร์เดินเข้ามา เหยียบไปบนอากาศราวกับว่ามันคือพื้นราบ เขาสวมใส่ชุดเขียวและสีหน้าราบเรียบ กระบี่อยู่ในมือขวาและมือซ้ายของเขาก็ไพล่หลังอยู่ กำมือด้วยเคล็ดลับกุมกระบี่
ป้าโก่วสวมใส่ชุดขาว แต่เขาก็มีมือหนึ่งซ่อนไว้ข้างหลังใช้เคล็ดลับกุมกระบี่อยู่เช่นกัน
เงาร่างทั้งสองเคลื่อนที่ไปๆ มาๆ ท่ามกลางพายุสายฟ้า แม้ว่าเสียงของสายฟ้าจะสะท้านโลกา แต่มันก็มิอาจกลบทับเสียงปะทะกันของกระบี่ได้ เสียงเคร้งๆ ราวกับไข่มุกร่วงลงไปในถาดหยก ดังมาอย่างต่อเนื่อง
ข้างใต้หม้อห้าอสุนีบาต ฉินมู่นั้นถูกดึงเข้าไปโดยพลังงานสายฟ้าอันเข้มข้น พลังดึงดูดของมันได้ดึงเขาและกิเลนมังกรเข้าไปยังเปลวสายฟ้า แม้แต่กิเลนมังกรตัวอ้วนหนักก็ยังดูเบาหวิวราวกระดาษ เขาดิ้นไปดิ้นมาอย่างช่วยเหลือตนเองไม่ได้ แต่ก็ไม่มีอะไรที่เขาจะสามารถคว้าจับเอาไว้
ฉินมู่ก็รู้สึกทันทีว่าเขากลายเป็นไร้น้ำหนัก เส้นผมของเขาสยายกระจายไปทุกทิศทาง ท่ามกลางเส้นผม ก็มีประกายสายฟ้าแล่นพล่านไปมาพลางส่งเสียงแตกเปรี๊ยะปร๊ะ!
เขาถึงกับรู้สึกว่าเส้นขนทั้งหมดบนร่างกาย เต็มไปด้วยสายฟ้าเล็กละเอียดเมื่อพลานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวเข้ามาฟาดใส่ร่างของเขา
มันรู้สึกราวกับว่าเขาถูกเข็มของเซียนขาวปักเข้าไปทั่วทั้งร่าง ไม่มีจุดไหนเลยที่ไม่เจ็บปวด
ฉินมู่รีดเร้นพลังงานทั้งหมดของเขาเพื่อปลุกเนตรสวรรค์เก้า และรังสีแสงอสุนีบาตก็เกลื่อนกล่นเต็มตา
เขามองเห็นกิเลนมังกรเพียงรางๆ เท่านั้น แม้กระทั่งแผงขนคอและเกล็ดของเขาก็พุ่งชี้ชัน มีสายฟ้าแล่นพล่านไปมาตามขนและเกล็ดเหล่านั้น
ฉินมู่นำรังมังกรแท้ออกมา น้ำหนักของมันทับร่างของเขาลงไป จนเขาครางหนักออกมาด้วยความจุก แต่ถึงอย่างไร เขาก็หยุดยั้งแรงดึงของสายฟ้าได้ในที่สุด และร่างของเขาก็ร่วงลงจากท้องฟ้า ระหว่างทางที่ร่วงลง เขาพุ่งลงไปชนกับกิเลนมังกรและพาอีกฝ่ายลงไปข้างล่างด้วยเช่นกัน
ด้วยสองมือกอดรังมังกรแน่ เขาใช้น้ำหนักของมันหลบหนีจากแรงดึงดูดของอสุนีบาต เมื่อหนีพ้นมาได้ไกลพอสมควร เขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟากฟ้า
หม้อห้าอสุนีบาตลอยอยู่ที่นั่น ยกสูงขึ้นและสูงขึ้น กระบี่บินแปดพันเล่มของเขาดูเหมือนจะถูกหยุดเวลาเอาไว้ และลอยไปมารอบๆ หม้อห้าอสุนีบาต สายฟ้าพุ่งผ่านพวกมันราวกับว่าพวกมันคือสายล่อฟ้า อันเอาไว้ดึงดูดฟ้าผ่าโดยเฉพาะ
กระบี่บินกลายเป็นแดงฉานจากพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวและฉินมู่ก็กังวลว่าพวกมันอาจจะไม่สามารถทนทานสายฟ้าเทพยดาจากหม้อห้าอสุนีบาตได้
เขาสลัดหลุดจากแรงดึงดูดสายฟ้า และเห็นแสงสีเขียวฉาบทอนภากาศ เขาเงยหน้าขึ้นมองดูลูกแก้วมังกรเขียวที่เร้าแรงระเบิดของเมฆอสุนีบาต
“ตระกูลอวี้จบสิ้นแล้ว…” เขาพึมพำ
สายฟ้าเหล่านั้นกึกก้องเสียจนตัวเขาก็ไม่ได้ยินเสียงพูดของตนเอง
จากนั้นเขาก็เป็นป้าโก่วพุ่งเข้ามา และราชครูโผล่มาขัดขวางเขา แสงสีขาวและสีเขียวต่อสู้กันอย่างดุเดือดท่ามกลางเมฆสายฟ้า
“เพทุบายเฒ่า!” ฉินมู่สบถออกมาและเฝ้ามองการต่อสู้ของสองสุดยอดฝีมือ เขาพบว่าทั้งคู่มิได้ใช้ทักษะเทวะเพลงกระบี่ แต่กลับถือกระบี่ในมือซ้าย และมือขวาซ่อนข้างหลังด้วยเคล็ดลับกุมกระบี่
การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วอย่างสุดขั้วยากที่จะจำแนกแยกแยะ เคล็ดลับกระบี่ข้างหลังพวกเขาแปรเปลี่ยนไปมาไม่หยุดยั้ง ราวกับว่ากำลังคำนวณบางอย่าง
ฉินมู่ค่อนข้างประหลาดใจ การเปลี่ยนแปลงในเคล็ดลับกุมกระบี่ของทั้งสองนั้นรวดเร็วจนเขามองไม่ถนัด เขาได้แต่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะจดจำการเปลี่ยนแปลงของสัญลักษณ์มือเหล่านั้น ในเมื่อเขารู้สึกว่าเคล็ดลับกุมกระบี่ของสองสุดยอดฝีมือนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนการต่อสู้ระหว่างราชครูสันตินิรันดร์และป้าโก่ว ได้ไปถึงเขตขั้นสูงสุดคืนสู่สามัญ เพลงกระบี่ของพวกเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันเพริศแพร้วและมันเป็นเพียงท่วงท่ากระบี่พื้นฐานไม่กี่ท่วงท่า แต่ทว่า แต่ละการโจมตีจะทำให้ห้วงมิติรอบๆ กระบี่สะท้านสะเทือน ทักษะเทวะของพวกเขาสามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังคลื่นกระเพื่อมเหล่านั้น เต๋ากระบี่ที่ซ่อนอยู่มิใช่สิ่งที่ฉินมู่จะสามารถตรึกตรองเข้าใจได้
สมแล้วกับที่เป็นอัจฉริยะวายร้ายที่ปรากฏขึ้นมาทุกๆ ห้าร้อยปี ความสำเร็จของเขาในเต๋ากระบี่รุดหน้ารวดเร็วขนาดนี้เชียว!
ฉินมู่พยายามอย่างที่สุดที่จะจดจำเคล็ดลับกุมกระบี่เหล่านั้น แต่ทันใดเทวรูปทั้งหลายก็ทะลวงผ่านสายฟ้าเทพยดาและพุ่งเข้าไปในพายุอสุนีบาต พวกมันระเบิดรัศมีเทวะอันน่าแตกตื่นสะท้านขวัญออกมาพร้อมๆ กัน เพื่อปัดเป่าเมฆสายฟ้าออกไปอย่างรวดเร็ว เปลวฟ้าจำนวนมายพลันพวยพุ่งกระจัดกระจาย และฟาดเปรี้ยงไปทั่วทิศทาง
เทวรูปทั้งแปดสภาพยับเยิน ไม่มีอันไหนเหลือดี แต่พวกมันก็ยังคงพวยพุ่งไปด้วยพลังการต่อสู้และพยายามที่จะเข้าไปใกล้ราชครูสันตินิรันดร์
ชายผู้นี้ดูราวจะไม่สำเหนียกเลยแม้แต่น้อย และยังคงต่อสู้กับป้าโก่ว ขณะที่เสียงซีอวี่พาเสียงฉีเอ๋อเข้าไปใกล้ พวกนางยกลูกแก้วมังกรชูขึ้นให้แสงสีเขียวพวยพุ่งไปข้างหน้า มันทำให้รูปปั้นเทพเจ้าทั้งหลายกลายเป็นไม้และแข็งค้างอยู่บนอากาศ
ทันใดนั้นรูปปั้นหนึ่งที่กลายเป็นไม้ก็เอี้ยวคอไปรอบๆ และรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยก็ปรากฏขึ้นมาบนเทวรูปนั้น มันยื่นมือออกไป และลูกแก้วมังกรเขียวในมือเสียงฉีเอ๋อก็ลอยออกไปโดยที่นางไม่ยินยอม พุ่งไปยังมือของเทวรูปนั้น “สาวน้อย ขอบใจมาก!”
เสียงฉีเอ๋อตกตะลึงและสูญเสียการควบคุมลูกแก้วมังกรเขียว ขณะที่เสียงซีอวี่รู้สึกหนาวเยือกถึงกระดูกสันหลัง “ระวัง! นั่นคือเทพเจ้าแห่งตำหนักสวรรค์แ–”
ไม่ทันที่นางจะกล่าวจบ แสงหลากสีก็สาดส่องเปล่งจำรัสออกมาจากศีรษะของราชครูสันตินิรันดร์ สะพานเหินหาวพุ่งทะลวงผ่าอากาศ และดูเหมือนมันจะเหยียดยาวไปยังสถานที่อันไกลสุดหยั่ง แสงเทวะอันไร้ประมาณราวกับว่าสาดส่องมาจากจุดสิ้นสุดแห่งกาลและอวกาศและเติมเต็มสรวงสวรรค์ทั้งเก้าชั้น ที่ปลายสุดสะพานคือหมู่ปราสาทราชวังสวรรค์ที่มองเห็นอยู่รางเลือน
จิตวิญญาณดั้งเดิมของราชครูสันตินิรันดร์พุ่งออกมาจากปราสาทสวรรค์อันเลือนรางนั้น และก้าวขึ้นมาเหยียบบนสะพานเทวะ กระบี่ของเขาพุ่งออกไป ราวกับไม่สนใจอวกาศและระยะทาง แสงกระบี่พวยพุ่งผ่านกาลเวลา และในพริบตาที่เทวรูปนี้คว้าจับลูกแก้วมังกรเขียวเอาไว้ได้ จิตวิญญาณดั้งเดิมของราชครูก็ทะลวงทะลุหว่างคิ้วของมัน คมกระบี่แทงไปโผล่ที่ท้ายทอย
โลหิตหลั่งไหลลงจากหน้าผากของ ‘เทวรูป’ และมันมีเลือดกับเศษสมองที่ไหลออกมาจากข้างหลังศีรษะด้วยเช่นกัน การเสียหายที่เกิดขึ้นดูเหมือนไม่ใช่เกิดกับเทวรูป แต่เกิดกับสิ่งมีชีวิต!
ใบหน้าอันไร้อารมณ์ของราชครูคลี่คลายออกมาเป็นรอยยิ้มในที่สุดเมื่อจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาเหาะเหินกลับไปขึ้นไปบนอากาศ เขายืนไพล่หลังข้างหนึ่งและอีกมือก็ถือกระบี่ เดินอ้อมป้าโก่วไป “เจ้าไม่เคยใช่เป้าหมายของข้าเลย”
ฉึก ฉึก ฉึก!
เขากับจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาโจมตีประสานกันจากสองฝั่ง และแสงกระบี่ก็พุ่งวาบไปเมื่อมันเฉือนตัดแขนขาของป้าโก่ว จากนั้นเขาก็ยกกระบี่ขึ้นเพื่อบั่นศีรษะของคู่ต่อสู้
“สะพานเทวะ!” ฉินมู่ร้องออกมาอย่างแตกตื่น และความกระวนกระวายใจของเขาก็สงบราบคาบในที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมราชครูสันตินิรันดร์จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏทุกๆ ห้าร้อยปี เพียงผ่านไปครึ่งปีหลังจากที่ฉินมู่และคณะได้ก่อตั้งตัวแบบพีชคณิตห้วงมิติของสะพานเทวะ แต่เขากลับสามารถบ่มเพาะสะพานเทวะออกมาได้ในที่สุด!
เพทุบายเฒ่า เจ้าซ่อมแซมสะพานเทวะเสร็จและเข้าไปในปราสาทสวรรค์ ดังนั้นจึงกลายเป็นเทพเจ้าไปแล้ว แต่กระนั้นก็ยังซ่อนในมุมมืดและคอยวางแผนร้ายเป่าอุบายใส่ผู้คน…
ฉินมู่ลอบด่าทอเขาในใจ ขณะที่ข้างหลังเขาคือเสียงตะโกนของสตรีจำนวนมาก ภายใต้การนำของประมุขตระกูลต่างๆ ทั้งหลาย ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งตระกูลใหญ่ก็โจมตีตำหนักสวรรค์แท้
มู่ยิ่งเสว่เดินผ่านมาทางฉินมู่และกล่าวด้วยเสียงเบา “หนุ่มน้อย หากว่าราชครูสันตินิรันดร์ยังมีชีวิตอยู่ อย่าก่อกบฏเด็ดขาด เล่ห์เหลี่ยมเจ้าสู้เขาไม่ได้หรอก!”
เหออีอีก็เข้ามาอีกข้างและกระซิบที่หู “หากว่าเจ้าก่อกบฏ เจ้าจะตายอย่างไม่รู้ตัว! ราชครูสันตินิรันดร์นั้นกลอกกลิ้งเกินไป!”
ฉินมู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร่ำไห้ พลางคิดในใจ ข้าไม่เคยคิดเรื่องก่อกบฏเลยสักนิด แต่ทว่า ราชครู หมอนี่มันเจ้าเล่ห์เพทุบายเสียเหลือเกิน…