ตำนานเทพกู้จักรวาล – ตอนที่ 483 ใจดำ

“เป็นไปได้อย่างไร ข้าสักการะดวงวิญญาณเจ้าจนตกตายไปแล้วชัดๆ เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร” เทพหมอผีขุยมองไปยังซิงอ้านผู้ซึ่งลุกขึ้นนั่งและถามด้วยความสงสัย “หรือว่าชื่อของเจ้าจะไม่ใช่ซิงอ้าน แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะดวงวิญญาณของเจ้าเพิ่งแหลกสลายไปจากการสักการะของข้าเมื่อครู่นี้อยู่ชัดๆ ในเมื่อดวงวิญญาณของเจ้าแหลกสลาย เจ้าก็จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้! เจ้าใช้วิธีอะไรถึงทำให้ดวงวิญญาณอันกระจัดกระจายกลับมารวมกันอีกครั้ง ทักษะเทวะของเจ้านับว่า…”

เขาเดินอ้อมรอบๆ ซิงอ้านด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ข้ารู้สึกได้ถึงการแหลกสลายของดวงวิญญาณเจ้าเมื่อครู่ และมีอีกดวงหนึ่งออกมาจากหีบของเจ้าเพื่อเข้ามาในศพ ฟื้นคืนชีพเจ้าขึ้นมา แต่ข้ามีข้อสงสัย หากว่าดวงวิญญาณเจ้าตายไป ต่อให้ใส่ดวงใหม่เข้าไปในร่าง เจ้าก็จะไม่เป็นเจ้าคนเดิมอีกต่อไป เจ้ารักษาสำนึกรู้เดิมเอาไว้ได้อย่างไร”

ซิงอ้านลุกขึ้นยืนและมองไปยังจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุยด้วยสายตาประหลาดพิกล อันเคลื่อนไหวตามไปด้วยเช่นกัน

เทพหมอผีขุยเดินวนรอบตัวเขา และเขาก็เดินวนอ้อมเทพหมอผีขุย วงกลมหนึ่งใหญ่ วงกลมหนึ่งเล็ก ราวกับว่าพวกเขาคือดาวสองดวงที่โคจรรอบๆกันและกัน

ซวีเซิงฮวามองไปยังฉินมู่และหวนรำลึกถึงว่าเขาพ่ายแพ้ไปครั้งหนึ่งได้อย่างไร ในตอนนั้นฉินมู่ได้ใช้ปราณชีวิตเพื่อนำทางเขา รัศมีของเขาสะกดข่ม และการเปลี่ยนแปลงในวิชาตัวเบาขณะที่เคลื่อนไหวไปก็รีดเร้นพละกำลังของเขาจนเหน็ดเหนื่อย

ในตอนนั้น ซวีเซิงฮวาพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่า และไม่ทันที่พวกเขาจะได้ประมือกันสักครั้ง ซวีเซิงฮวาก็กระอักเลือดและร่วงลงไปกับพื้น หลังจากนั้นก็เป็นฉินมู่คนเดียวกันที่มารักษาอาการบาดเจ็บและทำให้เขาติดค้างเงินทองก้อนใหญ่ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปตีเหล็กหลอมสร้างมาหาเงินชดใช้

บัดนี้วิธีการของเทพหมอผีขุยและซิงอ้านนั้นคล้ายคลึงกับฉินมู่ แต่ยิ่งลึกล้ำกว่า

ซิงอ้านจ้องไปที่เทพหมอผีขุย สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “มหัศจรรย์จริงๆ เทพหมอผีขุย เจ้านั้นเป็นชิ้นงานศิลปะอันมหัศจรรย์! เจ้าจะต้องเป็นผลงานชิ้นเอกในของสะสมของข้า!”

“สะสมข้า?” ทั้งสองคนได้เดินขึ้นไปบนอากาศจากพื้นดิน เทพหมอผีขุยยิ้มหยันและกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าคือเทวรูปที่ปั้นขึ้นมาจากโคลนอย่างงั้นหรือ พลังวัตรของข้าลึกล้ำเกินจะหยั่งและพละกำลังของข้าก็ไร้เทียมทาน ข้านั้นมิใช่เทพปลอมจากสภาสวรรค์อันเทียมเท็จ แต่เป็นเทพเที่ยงแท้ที่มาจากสภาสวรรค์อันแท้จริง!”

“ข้าได้กวาดล้างรัชสมัยเก่าของสภาสวรรค์เท็จและตัวตนอันทรงอำนาจมากมาย ไม่ว่าข้าจะผ่านไปที่ใด ซากศพก็ก่ายกองเต็มภูเขา และทะเลโลหิตก็ไหลนองไม่รู้จบสิ้น! เจ้านั้นเป็นเพียงแค่มดปลวกที่ฝึกปรือวิชาแปลกประหลาด และเดินร่อนไปทั่วทำเป็นวางมาดเพื่อหลอกหลวงผู้คน เหมือนกับนักต้มตุ๋นที่เทียวไปในยุทธจักร”

“แต่ข้ารู้เล่ห์กลของเจ้า ที่บินออกมาจากหีบเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงเจ็ดจิต และไม่มีสามวิญญาณ วิญญาณของเจ้ายังคงเป็นของเดิม แต่เจ้าได้แย่งชิงจิตทั้งเจ็ดมาจากผู้อื่น”

ฉินมู่สีหน้าแปรปลี่ยนเล็กน้อย แหล่งชีวิตของซิงอ้านคือวิญญาณทั้งสามของเขาอย่างงั้นหรือ เขาได้บ่มเพาะวิญญาณทั้งสามถึงขีดขั้นเทวะ? ถ้าเช่นนั้นวิญญาณทั้งสามของเขาก็อาจจะไม่ได้ซ่อนอยู่ในหีบ

สีหน้าของซิงอ้านก็แปรเปลี่ยนไปเช่นกัน “มหัศจรรย์มาก เทพหมอผีขุย เจ้าทำให้ข้ายิ่งชื่นชมเจ้าเข้าไปอีก เมื่อเจ้าได้สักการะข้าจนตายไปเมื่อครู่ แง่อัศจรรย์ของวิชาเจ้าก็ถูกข้ามองจนทะลุ เวทมนตร์หมอผีสักการะดวงวิญญาณที่ว่านั้นมิได้ย่อยสลายดวงวิญญาณของคู่ต่อสู้ แต่แยกดึงเอาจิตทั้งเจ็ดออกจากกัน”

“ผู้คนที่ถูกสักการะจนตายนั้นยังมีวิญญาณอยู่ เพียงแต่พวกเขาจะถูกเจ้าควบคุมด้วยกำลัง มิเช่นนั้นไฉนจึงมีวิญญาณไม่ผุดเกิดมากมายที่วนเวียนไปรอบๆ ตัวเจ้าล่ะ เวทมนตร์หมอผีของเจ้ามันก็แค่ทักษะเทวะที่แข็งแกร่งขึ้นมาหน่อยเท่านั้น!”

ร่างกายของยูไลน้อยสั่นเทิ้ม และเขากล่าวด้วยเสียงเบา “ข้าเข้าใจแล้ว”

หลวงจีนปีศาจมากมายที่พิทักษ์เขาเอาไว้พลางสะกดดวงวิญญาณและดวงจิตอันอาจจะแหลกสลายไปได้ทุกขณะ เมื่อพวกเขาได้ยินที่ซิงอ้านกล่าว พวกเขาก็พลันกระจ่างแจ้งขึ้นมาราวกับมองเห็นแสงสว่างทางปัญญา

มรรคา วิชา และทักษะเทวะของลัทธิพุทธนั้นแตกต่างจากแนวทางทั่วไป เนตรพุทธสามารถทำให้พวกเขามองเห็นวิญญาณไม่ผุดเกิดได้ และพวกเขาก็ได้มองเห็นดวงวิญญาณมากมายที่พัวพันรอบๆ เทพหมอผีขุยนานแล้ว เพราะอย่างนั้น พวกเขาจึงรู้สึกว่าหากเปิดดวงตาเห็นธรรมให้แก่หมอผีขุย ก็จะกลายเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ที่จะใช้ในการเปิดสรวงสวรรค์ชั้นที่ยี่สิบแห่งพุทธเกษตร เพื่อให้พวกเขาได้กลายเป็นพุทธองค์

เพียงแค่รู้ชื่อแซ่ เทพหมอผีขุยก็สามารถสักการะฝ่ายตรงข้ามเพื่อเป่าสลายดวงจิตของพวกเขา เวทมนตร์หมอผีเขานั้นทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่พวกเขากลับไม่สามารถมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างดวงวิญญาณที่พัวพันเขาอยู่กับมนตร์หมอผีสักการะดวงวิญญาณ

ฉินมู่จิตเต้นตุบๆ ซิงอ้านนั้นเลิศล้ำไม่ธรรมดา!

เทพหมอผีขุยได้สักการะเขาสองครั้ง ครั้งแรกนั้นเป็นผานกงสั่วที่ช่วงใช้เวทมนตร์หมอผี และไม่อาจสักการะเขาจนถึงตายได้ ครั้งที่สองนั้นก็คือการสักการะเมื่อครู่นี้ อันได้ ‘สังหาร’ ซิงอ้านไปโดยพลัน

หลังจากได้พบพานทักษะเทวะของเทพหมอผีขุยเพียงสองครั้ง เขาก็สามารถมองทะลุแง่อัศจรรย์ของมันได้!

พรสวรรค์และปฏิภาณระดับนี้ นับว่าเลิศล้ำไม่ธรรมดา!

พรสวรรค์และปฏิภาณของเขาไม่ด้อยไปกว่าราชครู! น่าเสียดายที่บุคคลผู้ทุ่มเทกำลังความคิดทั้งหมดในการเสาะหายอดฝีมือที่เข้าใกล้เขตขั้นเทพเจ้า รวบรวมสะสมชิ้นส่วนร่างกายของผู้อื่น หากว่าเขาทุ่มเทกำลังทั้งหมดในการฝึกปรือ…เอ้อ เขาก็คงจะตายจากความชราไปก่อน เพราะถึงอย่างไร สะพานเทวะก็ขาดสะบั้น…ช้าก่อน!

ฉินมู่ตัวสั่นเทิ้ม และความประหลาดใจเป็นล้นพ้นก็ปรากฏฉายในแววตา

ราชครูสันตินิรันดร์เป็นตัวตนอันมีปฏิภาณและพรสวรรค์แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเห็น ความกล้าหาญเฉียบขาดของเขานั้นไร้เทียมทาน และเขานั้นเลื่องชื่อกระเดื่องดังในโลกมาเสียก่อนที่จะทำการปฏิรูปเสียอีก เขานั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏทุกๆ ห้าร้อยปี โดยน้ำคำของยูไลเฒ่าและเจ้าสำนักเต๋าเฒ่า!

ราชครูสันตินิรันดร์นั้นกำลังอยู่ในช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของเขา ดังนั้นจะต้องมีใครบางคนที่ถูกขนานฉายาเช่นนี้มาก่อนเขา

มันคงไม่ใช่…

สีหน้าฉินมู่พิลึกประหลาด พรสวรรค์ของซิงอ้านนั้นสูงส่งขนาดที่ว่ามีแต่ราชครูสันตินิรันดร์เท่านั้นจึงจะทัดเทียมกับเขาได้ นี่มิได้แปลว่าอัจฉริยะศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏทุกๆ ห้าร้อยปีในยุคสมัยของผู้ใหญ่บ้าน ก็คือซิงอ้านหรอกหรือ

เป็นไปได้สูงมาก! ราชครูสันตินิรันดร์ก็มีงานอดิเรกเก็บสะสมชิ้นส่วนร่างกายของผู้อื่นเหมือนกัน!

ฉินมู่กำหมัดแน่น ก่อนหน้านั้นราชครูสันตินิรันดร์ได้เก็บสะสมขาของเฒ่าเป๋มาก่อน!

ที่กลางอากาศเทพหมอผีขุยพลันเริ่มต่อสู้กับซิงอ้าน และท้องฟ้าเหนือเขาพระสุเมรุน้อยก็ถูกฉีกทึ้งจากทักษะเทวะ แม้ว่าเทพหมอผีขุยจะมิอาจสักการะเขาจนถึงตาย เขาก็ยังคงเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพเจ้า เขามีพลังวัตรและทักษะเทวะอันไร้ต่อต้าน พวกมันส่วนใหญ่เป็นทักษะเทวะดวงวิญญาณและเวทมนตร์ชนิดอื่นๆ

พลานุภาพของเวทมนตร์ทักษะเทวะของเขานั้นแข็งแกร่งไร้ใดเปรียบถึงกับสามารถฉีกความมืดให้ขาดออกจากกัน เผยใบหน้าอันพิลึกกึกกือข้างในนั้น

การที่เวทมนตร์ทักษะเทวะรุดหน้ามาถึงขั้นนี้ได้โดยปราศจากร่างเนื้อ พละกำลังการต่อสู้ของเขาสูงล้ำกว่ายูไลน้อยไปลิบลับ

กระนั้นก็ไม่มีทักษะเทวะใดของเขาที่แตะต้องซิงอ้านได้

ความเร็วของบุรุษผู้นี้ว่องไวเกินไป เขานั้นเหมือนกับแสงวิบวับและเงาที่พริบพราย ความเร็วของเขาทัดเทียมกับเฒ่าเป๋!

เมื่อเผชิญกับความเร็วระดับนี้ แม้แต่ทักษะเทวะของเทพหมอผีขุยก็ตามไม่ทัน!

ความเร็วของเฒ่าเป๋นั้นเป็นอันดับหนึ่งในโลกหล้า หากว่าเขาลองหลบหนีไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ก็ไม่มีใครตามเขาทัน เขาเพลี่ยงพล้ำเพียงสองครั้งเท่านั้นในชีวิต ครั้งแรกนั้นก็เมื่อเขาถูกราชครูสันตินิรันดร์พบเข้าตอนที่กำลังขโมยห่วงหยกจักรพรรดิ ขาของเขาถูกสะบั้นออกไปเสียก่อนที่เขาจะเร่งความเร็วถึงขีดสุด

ครั้งที่สองนั้นก็เมื่อเขาพบกับซิงอ้าน

แม้ว่าเฒ่าเป๋จะมีความเร็วจนเหลือล้น แต่พลังวัตรของเขามิได้เข้มข้นเท่ากับของซิงอ้าน เขาถูกไล่ล่าติดกันหลายวันจนกระทั่งพลังวัตรของเขาเหือดแห้งในที่สุด และขาทั้งสองข้างของเขาก็ถูกตัดออกไป

ด้วยความเร็วระดับนี้ จึงยากที่เทพหมอผีขุยจะตีโดนเขา!

ตูม!

ที่กลางอากาศเทพหมอผีขุยรับการโจมตีแรกของซิงอ้าน และร่างของเขาสั่นสะท้าน ทารกวิญญาณของเขาแทบถูกซัดกระเด็นออกไปจากจิตวิญญาณดั้งเดิม และเขาก็เผยสีหน้าว้าวุ่นออกมาอย่างข่มไว้ไม่อยู่

เสียงปังมหึมาตามมาอีกเมื่อเขาถูกการจู่โจมที่สอง ริ้วเส้นของไฟแท้พวยพุ่งออกมาจากดวงตา จมูก ปาก และรูหูของเขา ระดับการแยกจากกันระหว่างทารกวิญญาณกับจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขายิ่งกว้างขวางขึ้น

ปัง ปัง ปัง

เสียงโจมตีถี่ยิบดังมาจากในอากาศ และทารกวิญญาณในจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุยก็โงนเงนไปทั่วทิศ ภาพลวงตาปรากฏขึ้นมา และใบหน้าเหล่านั้นก็บิดเบี้ยวพลุ่งพล่าน

เทพหมอผีขุยไม่มีกำลังที่จะโต้กลับไปจริงๆ

ราชครู อัจฉริยะวายร้ายนั่น ก็อาจจะไม่สามารถเป็นคู่มือของซิงอ้านในตอนนี้ได้ ฉินมู่ตกตะลึงเมื่อมองไปยังหีบของซิงอ้านอันอยู่ไม่ห่างไกล

ซิงอ้านวางมันไว้กับพื้น ไม่แบกติดตัวอีกต่อไป

ข้างๆ หีบ ผานกงสั่วนอนหดหัวกอดขาเทวะข้างหนึ่งเอาไว้อยู่

เขาจบเห่แน่…อาจารย์ของข้าจบเห่แน่ๆ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซิงอ้าน ข้ากะจะมาจับปลาในน้ำขุ่น แต่จากที่ดูแล้ว ข้าคงไม่ได้ปลาสักตัว…

เขานำถุงเต๋าตี้ออกมาและยัดขานั้นเอาไว้ข้างใน ซิงอ้านนั้นทั้งฉลาดและกลอกกลิ้ง เขาจะต้องบังคับให้ข้าเชื่อมต่อขาข้างนี้ และหากว่ามันถูกจ้าวลัทธิฉินวางยาพิษเอาไว้ ข้าก็จะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ต่อให้ขานี้ไม่มีพิษ ซิงอ้านก็จะตัดมันออกไปและไม่เหลือมันเอาไว้ให้ข้า ถ้าอย่างนั้น ทำไมข้าไม่ฉวยโอกาสนี้ลอบหนีออกไปเลยล่ะ…

ระหว่างที่คิดเช่นนั้น เขาก็พลันเห็นฉินมู่ถือลูกแก้วอันมีขนาดเท่ากำปั้นเขาดูเหมือนกำลังท่องสวดเวทมนตร์บางประเภท

แต่ทว่า ซิงอ้านนั้นกำลังง่วนอยู่กับการต่อยตีเทพหมอผีกุ่ยดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยินว่าไอ้เด็กเปรตนี่กำลังร่ายเวทมนตร์อะไร

“ลูกแก้วเต่าดำ!”

ผานกงสั่วจ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาจดจำลูกแก้วในมือฉินมู่ได้ มันคือลูกแก้วเต่าดำ หนึ่งในสี่มหาสมบัติวิญญาณแห่งตำหนักสวรรค์แท้ แต่ทว่า แม้แต่ในชาติภาพก่อนๆ ที่เขาเป็นผู้สูงศักดิ์ เขาก็ได้แต่เห็นลูกแก้ว แต่ไม่เคยสัมผัสมันสักครั้ง

ไอ้เด็กร้ายกาจนี่มันโชคดีจริงๆ เขาถึงกับอาศัยช่วงชุลมุนขโมยลูกแก้วเต่าดำออกมาจากตำหนักสวรรค์แท้ได้!

ท่วงท่ามือของฉินมู่แปรเปลี่ยนไปอย่างยากจะคาดเดา ภาพลวงตาปรากฏข้ามท้องฟ้าเบื้องบน และในท้ายที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นเพลงกระบี่อันแตะลงไปบนลูกแก้วเต่าดำอย่างแผ่วเบา

กระบวนท่าของวิชาหมื่นจิตวิญญาณธรรมชาติ!

ผานกงสั่วหัวใจเต้นโครมคราม ทันใดนั้น หีบข้างๆ เขาก็สั่นไหวเล็กน้อย เขารู้สึกขนหัวลุกเต็มเหยียด ที่ก้นหีบขยับไปมาสองสามครั้ง และทันใดนั้นก็มีขาผุดออกมาจากข้างใต้!

ผานกงสั่วแทบจะร้องออกมาเมื่อเห็นขาอีกจำนวนหนึ่งงอกออกจากก้นหีบ และมันเขย่าตัวเอง หีบก็ลุกขึ้น

ไม่ทันที่ผานกงสั่วจะกลับมาได้สติ ฉินมู่ก็กระโดดขึ้นไปบนหีบอันเริ่มวิ่งตะบึงลงจากภูเขา ที่กลางทาง กิเลนมังกรย่อหดร่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อหีบวิ่งผ่านหน้าเขาก็กระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้น

ผานกงสั่วตกตะลึง เมื่อเขามองไปยังซวีเซิงฮวา เขาก็เห็นเจ้านั่นจูงมือจิงเอี้ยนพลางโบกมือลาฉินมู่ที่อยู่บนหีบ เห็นได้ชัดว่าฝ่ายนั้นก็รู้กัน

กลอกกลิ้ง! เจ้าหมอนี่ถึงกับกล้าขโมยหีบของซิงอ้าน!

ผานกงสั่วกำลังจะร้องบอกซิงอ้าน แต่พลันเปลี่ยนใจ และรีบวิ่งลงจากภูเขาด้วยสองมือของตน

ความเร็วของหีบรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง แต่ขณะที่มันกำลังจะพุ่งเข้าไปในความมืดนั่นเอง ผานกงสั่วก็กระโดดขึ้นไปคว้าที่ท้ายหีบ เขานั้นถูกลากเข้าไปในความมืดพร้อมๆ กับหีบอันวิ่งตะบึง

หีบนี้เต็มไปด้วยชิ้นส่วนร่างกายเทวะ ดังนั้นความมืดรอบข้างจึงถูกผลักให้ถอยห่าง และขาทั้งสี่ของมันก็วิ่งไปด้วยความเร็วฝ่าความมืด

“ที่แท้ก็เป็นผู้สูงศักดิ์”

ฉินมู่หันไปดูและเห็นผานกงสั่วห้อยต่องแต่งอยู่ที่ท้ายหีบ เขาฉีกยิ้มและชักกระบี่ออกมา ผานกงสั่วนำขาติดพิษข้างนั้นออกมาต้านรับ และเสียงเคร้งคร้างก็ดังมาจากการปะทะ

“จ้าวลัทธิฉิน ช้าก่อน!” ผานกงสั่วรีบตะโกนออกมา “หากเจ้าโจมตีอีกครั้ง ข้าจะร้องโวยวายล่ะนะ! แล้วมาดูสิว่าเจ้าจะหนีไปอย่างไร!”

ฉินมู่เก็บกระบี่กลับ ใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม “ผู้สูงศักดิ์พูดอะไรอย่างนั้น พวกเราตอนนี้เป็นสหายเก่าแก่ ดังนั้นข้าจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร ผู้สูงศักดิ์เจ้าอยู่ท้ายหีบก็ได้แต่กินฝุ่นเท่านั้น ทำไมไม่ให้ข้าช่วยดึงเจ้าขึ้นมาล่ะ”

เขาแอบเตะกิเลนมังกรหนึ่งที และกิเลนมังกรก็เข้าใจความนัยของเขา จึงอ้าปากเพื่อรวบรวมไฟแท้ เตรียมที่จะเป่าผานกงสั่วเข้าไปในความมืดหลังจากที่ฉินมู่ดึงเขาขึ้นมาแล้ว จากนั้นความมืดก็จะช่วยกำจัดหมอนี่ให้

ผานกงสั่วหดหัวกลับไปและจัดท่าทางให้สบายตัวขึ้นข้างใต้หีบ “ข้ารู้สึกขอบคุณต่อความกังวลของจ้าวลัทธิ แต่ข้าชอบกินฝุ่น ดังนั้นอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”

ในตอนนั้นเอง เสียงโกรธเกรี้ยวของซิงอ้านก็ดังก้องไปบนอากาศเหนือเขาพระสุเมรุน้อย “ยอดหมอเทวดาฉิน ข้าอยากรู้นักว่าหัวใจของเจ้ามันดำแค่ไหน!”

“ดำสุดๆ” ผานกงสั่วพึมพำจากข้างใต้หีบ

…………………….

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่ ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ! ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่ ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา… เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่ นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก! ‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset