กิเลนมังกรหันกลับแล้ววิ่งหนีพลางตะโกนไปด้วยความคั่งแค้นใจ “พวกผู้ฝึกวิชาเทวะแดนตะวันตกมันบ้ากันไปหมดแล้ว! จ้าวลัทธิ พวกเขาต้องบ้ากันแน่ๆ! ใครมันจะปลุกทั้งเมืองขึ้นมาและใช้ต่างอาวุธ”
ข้างหลังพวกเขา ทุกหนทุกแห่งที่เมืองต้นไผ่วิ่งผ่านก็ราบเป็นหน้ากลอง
เมืองใหญ่นี้ราวกับสิ่งมีชีวิตมีเลือดเนื้อที่ก้าวอาดๆ ไล่กวดพวกเขา มันพลิกสันเขาให้กระเด็นไปด้วยความเร็วอันร้ายกาจ ทุกอย่างที่มันผ่านก็กลายเป็นแบนราบไปหมด
เมืองนี้ราวกับปากอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถกลืนกินและบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เพียงเท่านั้น ยักษ์หลายพันตนในเมืองยังเหวี่ยงร่างของพวกมันราวกับค้อนใหญ่ และทุกอย่างที่ถูกเมืองกัดเคี้ยวเป็นชิ้นๆ เมื่อหลุดเข้าไปในเมืองก็ถูกยักษ์พวกนั้นฟาดทุบเป็นผุยผง
นั่นยังไม่พอ ข้างหลังเมืองนั้นคือคลื่นฝุ่นผงที่กลิ้งออกไปของทุกสิ่งที่พวกมันกัดทึ้งและทุบทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฝุ่นผงแผ่ขยายออกไปในรัศมีร้อยลี้ ปิดบังทัศนวิสัยทั้งหมด
เมืองนี้เคี้ยวกัดไปข้างหน้าและพ่นทิ้งไปข้างหลัง ใครก็ตามคงนึกออกว่าตนเองจะเป็นอย่างไรหากว่าหลุดเข้าไปในปากของมัน
ฉินมู่รีบเร่งหนีไปอย่างไม่หยุดยั้ง และกิเลนมังกรก็รีดเร้นพละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อวิ่งหนีตาย แม่น้ำใหญ่พลันสะบัดเหวี่ยงออกมาจากในเมืองไม้ไผ่ราวกับแส้ยาว
กิเลนมังกรกระโดดหลบทันที แต่แม่น้ำใหญ่นั้นคล่องแคล่วเป็นอย่างยิ่ง มันเคลื่อนที่ไปมาซ้ายขวา บีบให้กิเลนมังกรต้องหลบไปทั่วสารทิศ ความเร็วของเขาตกลง และเมืองต้นไผ่ก็ค่อยๆ ตามพวกเขามาทัน
“พี่ชาย…”
เสียงของเสียงฉีเอ๋อสั่นระริกเมื่อนางเหลียวหลังกลับไปมองด้วยความหวาดผวา พื้นดินสะท้านสะเทือนและก้อนหินอันใหญ่เท่าตัวมนุษย์ก็ถูกซัดขึ้นไปบนอากาศ เมืองต้นไผ่อ้าประตูของมันกว้างและเคี้ยวกัดเข้าไปด้วยเขี้ยวคมกริบที่รอท่าอยู่แล้ว
“ไม่ต้องห่วง น้องสาวฉีเอ๋อ ไม่ต้องกลัวไปนะ”
ฉินมู่หันกลับไป และไจกระบี่ของเขาก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ เคลื่อนไปบังเบื้องหน้ากายของเขา กิเลนมังกรถูกแม่น้ำมหึมาไล่ให้หลบซ้ายหลีกขวา และหากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่นานพวกเขาก็จะถูกเมืองต้นไผ่กัดกิน
“ใครสกัดขัดขวางพวกเรา”
ฉินมู่มองไปยังสิ่งที่ไล่ตามมา ประตูเมืองและกำแพง อ้างับขึ้นๆ ลงๆ ทำให้หอกคมจำนวนมากดูเหมือนกับฟัน มันทำให้เด็กหนุ่มสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
จำเป็นต้องใช้ขบวนยิ่งใหญ่อลังการขนาดนี้เชียวหรือเพียงเพื่อจะไล่สังหารผู้ฝึกวิชาเทวะขั้นหกทิศ? ผานกงสั่วกับเครือข่ายของเขาไม่น่าที่จะขับเคลื่อนสมบัติวิเศษชิ้นมหึมาอย่างเมืองต้นไผ่ได้ เช่นนั้นใครกันที่กำลังพยายามกำจัดข้า
เขาพลันนึกถึงคนคนหนึ่ง และแย้มยิ้มพลางพึมพำกับตนเอง “จะต้องเป็นหมอนั่น นายน้อยแห่งตำหนักสวรรค์แท้ เหยื่อของเขาถูกชิงไปใต้จมูกตอนที่ข้าช่วยเหลือเสียงซีอวี่และบุตรสาวของนาง เช่นนั้นเขาและข้าก็เรียกได้ว่าเป็นสหายเก่ากัน หรือว่าเขากะจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่อันน่าประหลาดใจแก่ข้ากันนะ”
ในตอนนั้นเอง กิเลนมังกรก็ร้องโหยหวน “จ้าวลัทธิ นี่ไม่ใช่ของขวัญเลยสักนิด! นี่มันเรื่องน่าสยอง! แย่แล้ว…”
แม่น้ำใหญ่อีกสายฟาดออกมาจากปากของเมืองต้นไผ่และกระหวัดพันรอบหางของกิเลนมังกรพลางลากเขาไปยังปากใหญ่นั้น กิเลนมังกรตะกุยตะกายอย่างไม่คิดชีวิตด้วยเท้าทั้งสี่ แต่เขาก็ยังมิอาจป้องกันตนเองให้โดนลากไปสู่ความหายนะได้
“มังกรอ้วน ตัดหางเจ้าทิ้งเหมือนนักรบใจเด็ดไปเลยสิ!” เสียงฉีเอ๋อกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและเสียงอันสดใส
น้ำตาไหลพรากอาบแก้มกิเลนมังกร “น้องสาวฉีเอ๋อ ต่อให้ข้าตัดหางออกพวกเราก็หนีไม่รอด ปล่อยให้ข้าตายโดยมีซากร่างที่สมบูรณ์เถอะ…แม้ว่าข้าจะคิดว่านั่นก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน…”
ประตูเมือนคล้ายปากใหญ่ อ้าขึ้นงับลงไปมา กัดทุกอย่างที่เข้าใกล้ดังกร้วมๆ อะไรที่รอดจากมันไปได้ ก็จะเข้าไปเจอกับยักษ์มากมายอันแปลงกายมาจากสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งทุบฟาดไปมารอบๆ ตามอำเภอใจ ดังนั้นจะตายแบบมีซากร่างครบสมบูรณ์นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!
แสงเย็นเยียบส่องวูบวาบบนปลายหอกทุกเล่ม อันหนาเท่ากับปากขวด พวกมันเหมือนกับแท่งเหล็กที่อยู่เหนือกำแพงเมือง ปลายของมันคมราวกับกระบี่ ส่วนด้านแบนนั้นเต็มไปด้วยรอยประทับประหลาด เห็นได้ชัดว่าหอกแต่ละเล่มคืออาวุธวิญญาณ!
หากว่าใครหลุดเข้าใกล้ประตูเมือง ก็จะเท่ากับว่าถูกอาวุธวิญญาณสิบกว่าเล่มทิ่มแทงใส่กายเนื้อ สร้างรูโหว่เท่าชามข้าวอันนองเลือดไปทั่วร่ายกายพวกเขา
เมื่อผนวกกับพละกำลังอันรุนแรงในการกัดเคี้ยวของประตูเมืองและกำแพง พวกเขาก็จะต้องกลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลวในชั่วพริบตา
ฉินมู่กล่าวทั้งที่ยังเหม่อเล็กน้อย “สมแล้วที่เป็นนายน้อยแห่งตำหนักสวรรค์แท้ แต่ลำพังตัวเขาไม่น่าจะมีความสามารถที่จะปลุกเมืองต้นไผ่ให้เป็นพรายวิญญาณหรอก จริงไหม วรยุทธของเขาอาจจะสูงกว่าข้า แต่อย่างมากเขาก็อยู่ในขั้นเจ็ดดาว…”
“จ้าวลัทธิ!” กิเลนมังกรยังคงถูกลากเข้าไปยังปากของเมืองต้นไผ่
ฉินมู่สะบัดหน้าไล่ความประหลาดใจของตน ไจกระบี่ของเขาพลันพวยพุ่งออกไป และแสงกระบี่นับไม่ถ้วนก็ปะทุออก กระบี่แปดพันเล่มร่ายรำท่วงท่ากระบี่สะบัดในเวลาเดียวกัน มันเป็นภาพอันยิ่งใหญ่ตระการ
ด้วยกระบี่วิเศษที่เกลื่อนกล่นราวเมฆา สะบัดเหวี่ยงไปรอบๆ หอกคมกล้าของเมืองนี้ เขี้ยวมากมายของเมืองต้นไผ่ก็ถูกเฉือนตัดออกไปทันที
ประตูเมืองยังกัดกร้วมลงมาอย่างหนักหน่วง และเพียงแค่กำลังกัดอันน่าแตกตื่น ก็สามารถทำให้สิ่งใดก็ตามเละตุ้มเป๊ะได้
ฉินมู่ยื่นมือออกไปคว้าจับกระบี่ของเขา เขาอาจจะไม่สามารถปลดปล่อยเทวานุภาพของกระบี่ไร้กังวลออกมาได้ แต่เพียงความคมกล้าของมันก็สามารถทำให้เขาเฉือนตัดทุกอย่างที่ขวางทาง!
กระบี่ไร้กังเวลเปล่งแสงขึ้นมาในมือเขา หนึ่งจุดข้ามเวิ้งว้าง หยินหยางผันแปรสองรูปลักษณ์!
พลานุภาพจากกระบวนท่าแรกของกระบี่เต๋าระเบิดออกไป และแสงกระบี่ก็แยกออกเป็นหยินหยางสีขาวและดำที่พลุ่งพล่าน หมุนไปมารอบกันและกันเพื่อสร้างเป็นผังไท่จี่ แต่ทว่านี่เป็นเพียงภาพปรากฏการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเพลงกระบี่เท่านั้น
เพลงกระบี่นี้จริงๆ แล้วกำลังขับเคลื่อนความสำเร็จเชิงพีชคณิตอันเลิศล้ำ สิ่งที่ประกอบเป็นจุดและเส้นในผังไท่จี่นั้นได้ผ่านการคำนวณอย่างละเอียดยิบ และการเคลื่อนไหวของแสงกระบี่ทุกริ้วแสงก็เต็มเปี่ยมไปด้วยการคำนวณพีชคณิตที่ซับซ้อนเกินจินตนาการ มันเป็นแง่อัศจรรย์ของสำนักเต๋าในการไขอธิบายจักรวาล
เมืองต้นไผ่กัดเข้าไปใส่มันด้วยกำลังเถื่อน และส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองก็หายไป แทนที่ไปด้วยแสงกระบี่อันมีสีขาวและสีดำผันแปรสลับไปมา
ฉินมู่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และเงื้อกระบี่ไร้กังวลขึ้นเหนือศีรษะ เขาใช้พลังวัตรของตนเพื่อรั้งกระบี่ให้กระบี่ทั้งแปดพันเล่มโบยบินกลับมา ซ้อนทับกับมัน ด้วยกระบี่ลูกที่หลอมรวมเข้ากับกระบี่แม่ กระบี่ทั้งแปดพันเล่มก็หลอมรวมเป็นหนึ่ง และฉินมู่ก็พลันรู้สึกว่ากระบี่ในมือหนักอึ้งเกินบรรยาย
มันคือรูปลักษณ์ที่สองของไจกระบี่ของเขา
มันมีสองรูปลักษณ์ หนึ่งนั้นคือเม็ดกลมๆ และอีกหนึ่งนั้นคือการผสานเข้าไปในกระบี่แม่
น้ำหนักหลังจากการผสานเข้าไป ทำให้กระบี่ไร้กังวลหนักอึ้งขนาดที่ว่าเขามิอาจใช้พลังวัตรของตนเพื่อขับเคลื่อนพลานุภาพของเพลงกระบี่
ฉินมู่เงื้อกระบี่ขึ้นสูง และในตอนนั้นเขาสามารถทำได้เพียงท่วงท่าเดียว
ผ่า!
ผ่ามันลงไป!
ตรงหน้าของเขาและเป็นข้างหลังก้นกิเลนมังกร มันคือเมืองต้นไผ่ มันได้ลากพวกเขาผ่านปากของมัน จากนั้นก็ดึงกิเลนมังกรไปตามถนน
สองฟากถนนนั้น ยักษ์สิ่งก่อสร้างมากรายเรียงรายรอที่จะฟาดทุบเขาให้เป็นเนื้อบด
ที่ใจกลางเมืองต้นไผ่ แม้กระทั่งราชวังอันกุก่องตระการก็ลุกขึ้นยืน พวกมันมิได้สร้างขึ้นมาจากไม้หรือหิน แต่ถูกรังสรรค์อย่างพิถีพิถันจากทองคำทมิฬ เหล็กดำ และทองแดงทมิฬ
ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งแผ่นดินตะวันตกมิได้พยายามเสริมสร้างให้ตนเองแข็งแกร่งในตัว พวกเขาหยิบยืมพลังอำนาจจากฟ้าและดิน และเปลี่ยนแปลงธรรมชาติ รวบบรวมทองคำทมิฬและทองแดงทมิฬเพื่อหลอมสร้างอาวุธวิญญาณของพวกเขา ยิ่งอาวุธเหล่านั้นแข็งแกร่งมากเท่าไร เมื่อปลุกขึ้นมาเป็นพรายวิญญาณ พวกมันก็จะแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น
ราชวังในเมืองต้นไผ่นั้นเป็นอาวุธวิญญาณ หลอมสร้างขึ้นโดยผู้ฝึกวิชาเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นฤทธิ์เดชของมันจึงเป็นคนละระดับเลยเมื่อเทียบกับบ้านไม้และบ้านหิน
ยักษ์ราชวังลุกขึ้นยืนเพื่อขวางทางที่สุดสายปลายถนน และคละคลุ้งไปด้วยจิตสังหาร
ภาพนี้อย่าว่าแต่จะเคยได้เห็น แม้แต่ได้ยินก็ไม่เคย!
ฉินมู่ผ่าลงไปด้วยกระบี่ของเขา และแรงสั่นสะเทือนที่มาจากกระบี่ไร้กังวลอันหนักมหาศาลก็ได้ฉีกทำลายแม่น้ำใหญ่ที่กระหวัดพันรอบๆ หางกิเลนมังกรเอาไว้
มันเหมือนกับงูใหญ่ที่ถูกตัดหาง และมันบิดสะบัดไปมา ดิ้นพล่านไปรอบๆ เมือง
เมื่อปลายกระบี่ไร้กังวลแตะเข้ากับถนน พละกำลังอันไร้ต่อต้านของมันก็ระเบิดออกไป และแผ่นปูศิลาแลงบนพื้นถนนก็พลิกกระเด็นไปอย่างต่อเนื่อง ปลิวขึ้นไปบนอากาศ รอยแยกอันน่าแตกตื่นปรากฏบนถนน และมันระเบิดออกแผ่ขยายออกอย่างบ้าคลั่งไปข้างหน้า แผ่นหินศิลาแลงอีกมากมายก็ถูกพลิกขึ้นและระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ!
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
กระบี่บินมากมายพรั่งพรูออกไปจากปลายกระบี่ไร้กังวล และปราณชีวิตอันเถื่อนคลั่งของฉินมู่ก็ไหลบ่าเข้าไปในพวกมัน พวกมันหมุนเป็นเกลียววน และเฉือนตัดทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณถนน ด้วยกระบี่แปดพันเล่มที่เฉือนซัดตัดฟันทุกสิ่งที่ขวางทาง ไม่ว่าพวกมันจะผ่านไปที่ใด ยักษ์เหล่านั้นก็จะถูกสับเป็นชิ้นๆ
เมื่อกระบี่แปดพันเล่มรวมกันเป็นหนึ่ง ฉินมู่ไม่อาจจับเคลื่อนพลานุภาพในกระบี่แต่ละเล่มได้ แต่เมื่อพวกมันแยกจากกัน เขาก็ควบคุมบังคับได้ทันที
แสงกระบี่มากมายไร้ประมาณหมุนเป็นวงกลมราวกับการเคลื่อนที่ของกงล้อ พลางพุ่งทะยานไปยังสุดสายปลายถนนบุกผ่ากองไม้และเศษหิน ในพริบตานั้น พวกมันก็เฉือนตัดเข้าไปด้วยรอยลึกใส่ยักษ์ราชวัง และแทงเสียบมันเข้าไป
แขนของฉินมู่สั่นเทิ้ม เมื่อกระบี่แทบจะทำให้กล้ามเนื้อเขาฉีกขาดไปหมด กระดูกของเขาเกือบทุกชิ้นแทบจะแตกหัก และเส้นเอ็นทุกเส้นก็แทบจะขาดผึง พลังวัตรของเขาก็เหือดแห้งไปครึ่งหนึ่ง!
สาเหตุที่เขาใช้กระบวนท่าแรกของกระบี่เต๋า มิใช่กระบวนท่าแรกของภาพกระบี่ในตอนที่เมืองต้นไผ่กำลังจะกลืนกินพวกเขานั้น ก็เพราะว่าเพื่อออมพลังวัตรเอาไว้ ปริมาณพลังวัตรที่กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ต้องการนั้นสูงกว่ามาก
กระนั้นการฟันผ่าของเขาก็ได้เผาผลาญพลังวัตรของเขาไปครึ่งหนึ่งโดยฉับพลัน!
ถึงอย่างไร ผลลัพธ์ก็งดงาม เขากวาดล้างทั้งถนนให้พังราพณาสูรภายในการฟันฉัวะเดียว เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะสามารถครอบครองพลังทำลายล้างระดับนี้ได้
ฉินมู่ปล่อยกระบี่ไร้กังวลในมือ และใช้ปราณชีวิตที่เหลือของเขา กระบี่ไร้กังวลสั่นเทิ้ม และกระบี่บินเล่มอื่นๆ ก็โบยบินกลับมาจากสุดถนน
คราวนี้ ฉินมู่มิกล้าใช้รูปลักษณ์ที่สองของไจกระบี่ ในทางตรงกันข้าม เขาเก็บกระบี่ทั้งแปดพันเล่มกลับมาเป็นลูกกลมโลหะ
เขาเปิดถุงเต๋าตี้และเก็บไจกระบี่กลับไป จากนั้นเขาก็เหม่อคิดอีกครั้ง ข้าดูเหมือนจะค้นพบท่วงท่ากระบี่พื้นฐานที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่วงท่ากระบี่นี้มิได้มีในท่วงท่ากระบี่สิบเจ็ดท่วงท่า…
ท่วงท่าที่เขาใช้ฟันฟาดลงไปข้างล่างเมื่อก่อนหน้านี้ ได้ทำให้กระบี่มากมายไร้ประมาณหมุนปั่นราวกงล้อ เมื่อพวกมันพุ่งวูบวาบออกไปจากกระบี่ไร้กังวล อันได้เผาผลาญพลังวัตรของเขาไปครึ่งหนึ่งในพริบตา ท่วงท่ากระบี่ประเภทนี้ที่หมุนปั่นราวกงล้อนั้นแตกต่างจากท่วงท่ากระบี่พื้นฐานทั้งสิบเจ็ดที่เคยมีมาก่อน ที่คล้ายคลึงที่สุดก็คงจะเป็นท่วงท่ากระบี่สะบัด แต่อันนั้นจะอาศัยข้อมือเพื่อวาดกระบี่เป็นวงกลมจากปลายกระบี่
ท่วงท่ากระบี่ที่ฉินมู่ใช้ออกไปโดยมิได้ตั้งใจนั้น กลับหมุนปั่นราวกงล้อที่มีพลานุภาพของกระบี่ผ่า เทคนิควิธีของกระบี่ป้อง และความว่องไวของกระบี่สะบัด
นี่คือท่วงท่ากระบี่พื้นฐานที่สิบแปด!
ข้างในเมืองต้นไผ่ ยักษ์ไม้ได้วิ่งตะลุยเข้ามา และที่สุดถนนนั้น ยักษ์ราชวังอันพังแหล่มิพังแหล่ก็ยกวังหนึ่งอันเป็นทรงโค้งกลมและมีสีเหลืองขึ้นต่าง ‘ค้อน’ เพื่อทุบลงไปยังผู้บุกรุก
แม่น้ำมหึมาในเมืองก็โถมซัดขึ้นมาและรวมตัวเข้าด้วยกัน แปรเปลี่ยนเป็นยักษ์ตนหนึ่งที่มังกรวารีกระหวัดพันกาย มันเงื้อหมัดขึ้น และซัดต่อยลงมา
ฉินมู่ยังคงอยู่ในภวังค์คิด เพียงแต่ว่าท่วงท่ากระบี่นี้เผาผลาญพลังวัตรอย่างบ้าคลั่งมากเกินไป ไม่เพียงเท่านั้น มันยังดูเหมือนจะต้องใช้เงินทองเป็นจำนวนมาก เพราะมีก็แต่คนร่ำรวยเท่านั้นที่จะหลอมสร้างกระบี่บินได้มากมายขนาดนี้ ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ กระบี่บินที่ใช้จะต้องมีปลายคมทั้งสองด้านเพื่อรีดเร้นพลานุภาพให้มากยิ่งไปกว่านี้
กิเลนมังกรคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและพ่นไฟพวยพุ่งออกจากปาก เสาเพลิงเผาท้องถนนของเมืองต้นไผ่ให้ลุกโหม และยักษ์ไม้ทั้งหลายก็เริ่มติดไฟ ยักษ์น้ำรีบรุดไปดับไฟทั่วทุกแห่ง และน้ำก็เดือดฉี่ๆ จากความร้อน นี่ทำให้ยักษ์น้ำทั้งหลายเริ่มมีขนาดที่เล็กลง
ฉินมู่ยังคงเหม่อลอย แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว ข้าก็มีเงินทองอยู่มาก
กิเลนมังกรไร้ความปรานี เขาพ่นไฟออกไปทั่วทิศทาง และเผาทั้งเมืองให้ติดไฟไหม้พรึ่บ เขาถูกไล่ล่าจนหัวซุกหัวซุน และยังโดนลากเข้ามาในเมือง คราวนี้เขาเลยล้างแค้นด้วยความเดือดพล่านเป็นสองเท่า
ทันใดนั้น เมืองไม้ไผ่ก็สะท้านอย่างรุนแรง และกลายเป็นแน่นิ่ง ยักษ์บ้าน ยักษ์ตึก และยักษ์ราชวังต่างก็ชะงักหยุดการเคลื่อนไหวโดยพลัน กลับลงไปที่พื้นและกลายร่างกลับเป็นตึกรามและราชวัง ยักษ์น้ำก็ร่วงกลับลงไปในแม่น้ำ กลายเป็นน้ำไหล
เมืองไม้ไผ่เงียบลงไปทันใด ในถนนอันหักพังเละเทะ มีก็แต่ฉินมู่ เสียงฉีเอ๋อ และกิเลนมังกรที่ยังหลงเหลืออยู่