ตำนานเทพกู้จักรวาล – ตอนที่ 535 ดำทะมึนเหมือนก้อนเหล็ก

สะเอวของเด็กสาวยั่วยวนผู้นี้อ่อนพลิ้วราวกับว่ามันเป็นกิ่งหลิวต้องลม นางยักซ้ายย้ายขวาระหว่างที่เดินตามมายังฉินมู่และหัวเราะระริก “เจ้าแข็งแค่ไหนกันหรือ ข้าเพิ่งเห็นเมื่อครู่นี้ว่าความเร็วของเจ้านั้นเชื่องช้าที่สุด แม้ว่ามันจะไม่ได้ช้ากว่ามากนัก แต่มันก็แสดงว่าความสำเร็จด้านกายเนื้อของเจ้านั้นด้อยกว่าเล็กน้อย แต่กระนั้นความแตกต่างเล็กน้อยนี้ก็ทำให้กำลังฝีมือต่างกันคนละโลก”

เท้าของนางหยุดยั้งตรงหน้ากระบี่บินที่ซ่อนล้อมวงรอบตัวเขา

กระบี่บินที่ฉินมู่ฝังไว้ใต้ดินนั้นเป็นกระบวนท่าแรกของภาพกระบี่ กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ เด็กสาวนี้เพียงแต่ต้องย่างเท้าเข้ามาอีกก้าว และกระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ก็จะระเบิดออกมาทันที ฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ นางจะกลายเป็นน้ำตกโลหิตในภาพของภูเขาและแม่น้ำ

แต่ทว่า การที่นางยั้งเท้าก่อนจะถึงกับดัก นางน่าจะสังเกตเห็นอะไรผิดปกติ

หางตาของฉินมู่กระตุก และเขาเอ่ยชม “ฉลาดอะไรอย่างนี้ น้องสาวคนดี เจ้าชื่ออะไรหรือ”

“ชื่อของข้าคือท่าผอเซียงอวิ๋น เป็นศิษย์ของมารเที่ยงแท้เฉียนท่าผอ” หญิงผู้นี้พิศวงกับพฤติการณ์ของเขา “เมื่อผู้คนแห่งสวรรค์ไท่หวงพบพานกับเผ่ามาร พวกเขาก็เอาแต่ตะโกนมายังพวกเราด้วยความโกรธเกรี้ยวและไม่เคยเผยยิ้มให้ เจ้าจะเป็นหนึ่งในพวกเขาได้อย่างไร เรียกข้าว่าน้องสาวคนดีทันทีที่พบหน้า? หากว่าทุกผู้คนแห่งสวรรค์ไท่หวงเหมือนกับเจ้า ข้าคงไม่ต้องสังหารผู้ฝึกวิชาเทวะตั้งมากมายขนาดนี้ ข้านั้นสงสัยเอาจริงๆ เจ้ามีที่มาอย่างไร”

ฉินมู่อ้าปากจะตอบ แต่ท่าผอเซียงอวิ๋นกระทืบพื้นในจังหวะนั้น แผ่นดินสั่นสะเทือน และกระบี่บินพลันพุ่งทะลวงพื้นผิวขึ้นมา!

ฉินมู่สีหน้าแปรเปลี่ยน และเขายื่นมือขึ้นไปคว้าจับพวกมัน กระบี่บินทั้งหมดเข้ามารวบรวมในฝ่ามือของเขา และแปรเปลี่ยนเป็นไจกระบี่ที่กำลังจะร่วงตกถึงมือ

ขณะที่เขาดึงกระบี่มาเก็บ ท่าผอเซียงอวิ๋นก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ช้าไปกว่ากระบี่บินของเขา ไม่ทันที่ไจกระบี่ของฉินมู่จะก่อเป็นลูก ขาแมงมุมก็พลันปรากฏข้างหลังสตรีนางนี้ และแทงไปข้างหน้า ซัดให้ไจกระบี่กระจัดกระจายออกไป

หญิงผู้นี้ชาญฉลาดเป็นอย่างยิ่ง และขาแมงมุมของนางก็ระดมโจมตีราวพายุ ทำลายไจกระบี่เพื่อมิให้ฉินมู่เหลือโอกาสใดๆ!

“เจ้านี่อ่อนแอที่สุดจริงๆ และข้าจะเป็นผู้พิชิตเลือดหยดแรก!”

ท่าผอเซียงอวิ๋นระเบิดหัวเราะเบาๆ เมื่อหนามกระดูกอันคมกริบพลันปรากฏในมือของนาง นางแทงพวกมันไปยังหน้าอกฉินมู่

“เอ๋?”

ขณะที่นางทำเช่นนั้น นางก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางเห็นรอยยิ้มของฉินมู่กลายเป็นแข็งทื่อ และร่วงหล่นลงเป็นกองน้ำหมึก

แต่เขามิใช่คนเดียวที่แปรเปลี่ยน แม้แต่ไฟหลีและไฟมารข้างหลังเขาก็กลายเป็นน้ำหมึก

ท่าผอเซียงอวิ๋นรีบหันกลับไปมอง และพบว่านางอยู่ในกรอบรูป ข้างนอกนั้น ฉินมู่อีกคนกำลังเดินเข้ามาหานางอย่างเยือกเย็น

ตอนนั้นเองนางถึงตระหนักว่าตนเองได้หลุดเข้ามาในภาพเขียน และนางก็กระโจนขย้ำใส่เขา!

“นี่คือภาพวาด? ทำไมภาพวาดถึงสามารถเคลื่อนไหวได้ แถมยังพูดได้? ทำไมข้าถึงมองไม่เห็นพิรุธเลย”

ท่าผอเซียงอวิ๋นแตกตื่น นางกระโดดขึ้น หมายที่จะกระโจนออกไปจากภาพวาด แต่นางยังคงถูกกักเอาไว้ข้างใน ทุกอย่างเป็นสีดำนอกเสียจากหมึกบนพื้นที่ยังไม่ทันแห้ง

หญิงสาวหวีดร้อง และกรงเล็บทั้งแปดข้างหลังนางก็แทงไปอย่างอำมหิตสู่ภายนอก

ฉึก ฉึก ฉึก ขาแทงมุมแทงทะลุภาพวาด และท่าผอเซียงอวิ๋นก็ลิงโลดใจ นางหมายที่จะฉีกทึ้งภาพนี้และกระโจนออกไป

กระนั้นในจังหวะนี้ ฉินมู่ก็เป่าลมออกไปหอบใหญ่ และภาพเขียนนี้ก็ปลิวไป ร่วงตกลงบนกำแพงไฟที่อยู่ในทิศทางนั้น

ในไฟหลีและไฟมารอันเข้มข้น เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังออกมาเมื่อภาพวาดนั้นถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน พวกมันก่อเป็นรูปร่างของสตรีแมงมุมซึ่งยังคงดิ้นปัดๆ ในเวลาไม่นาน นางก็ร่วงลงในกองไฟและไม่กระดุกกระดิกอีกต่อไป

“น้องสาวเซียงอวิ๋น ข้าอยากยิ่งนักที่จะต่อสู้กับเจ้าอย่างขาวสะอาด แต่มียอดฝีมือมากมายเกินไป และข้าจำเป็นต้องออมแรงเอาไว้จัดการศัตรูที่กล้าแข็งกว่านี้” ฉินมู่กล่าวอย่างขอโทษขอโพย “เจ้านั้นนับว่าแข็งแกร่งจริงๆ นั่นล่ะ แต่ก็ยังไม่ใช่คู่มือของข้าอยู่ดี…”

ทันใดนั้น พื้นดินใต้เท้าฉินมู่ก็ยกสูงขึ้นและซัดเขาลอยขึ้นไป

รอยเท้ายักษ์ปรากฏขึ้นบนพื้นดินที่เคลื่อนไหว และจังหวะที่ฉินมู่ถูกเตะขึ้นไป หนามหินอันคมกริบไร้ที่ติก็ยิงพุ่งจากพื้นเข้าสู่เขา!

ขณะที่เขาอยู่กลางอากาศ ไจกระบี่ของเขาก็โบยบินเข้ามา และกระบี่บินจำนวนนับไม่ถ้วนก็หมุนเป็นเกลียววนเพื่อฉีกทำลายหนามหินทั้งหลาย ขณะที่เขากำลังจะระบุตำแหน่งแห่งที่ของศัตรูนั่นเอง พื้นดินก็ระเบิดออกมาอีกครั้งและมือใหญ่มหึมาอันก่อขึ้นมาจากหินหลอมเหลวก็คว้าจับเขา

ฉินมู่ต่อยลงไป ด้วยเสียงระเบิดกึกก้อง ภูเขาไฟยักษ์ก็ผงาดขึ้นและระเบิดปะทุ พลานุภาพของหมัดนั้นพลันเพิ่มพูนขึ้นอย่างเท่าทวีคูณ

กำปั้นและมือใหญ่ปะทะกัน และหินหลอมเหลวก็พลันแตกทำลาย พวกมันกระจัดกระจายไปอย่างสะเปะสะปะ และกลิ้งหลุนๆ ไปหลายตลบเพื่อเข้ามาเกาะรวมกันอีกครั้งก่อขึ้นมาเป็นฝ่ามือ

มันกำเข้าด้วยกันเป็นหมัด เมื่อไฟมารแผดเผาอยู่ระหว่างร่องหิน

“ยักษ์แมกม่าจากฝูงมารฟ้า?”

เมื่อฉินมู่กระเด็นขึ้น แขนของเขาเกือบจะหัก เขามองลงไปเพื่อที่จะเห็นแผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฝูงมารฟ้าตนนี้ได้แปลงร่างเป็นแมกม่าที่ระเบิดออกมาจากผืนแผ่นดิน

เมื่อคนผู้นี้ร่วงลงมาบนพื้น เขาก็คำรามอย่างกึกก้อง และร่างของฉินมู่อันลอยอยู่บนอากาศก็ถูกคลื่นเสียงอันแน่นจนเป็นสสารกระแทกเข้าให้ พวกมันผลักเขาเข้าไปยังกำแพงไฟ

“ไก่ดินปั้น–”

ยักษ์แมกม่ายิ้มหยัน กำลังจะผละไป แต่ความสงสัยผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา และเขาก็เหลียวหลังกลับไปดู ข้างบนนั้น ฉินมู่ลอยอยู่ในกำแพงไฟ แต่ทว่าในตอนนี้เขาได้กลายเป็นครึ่งคนหัววัวที่มีหางหนาใหญ่

“พี่ชายคนดีผู้นี้ เจ้าพูดสำนวนนั้นให้จบก่อนจะไปได้หรือไม่”

ฉินมู่เดินออกจากกำแพงไฟ ไฟมารและไฟหลีพวยพุ่งออกมาจากกำแพงพร้อมกับเขา และแปลงเปลี่ยนเป็นมังกรอัคคีสองตัวให้เขาเหยียบยืน

ฉินมู่สีหน้าเย็นเยียบ “มันไม่ใช่ไก่ดินปั้นเฉยๆ แต่เป็นไก่ดินปั้นและหมากระเบื้อง!”

“เทพครองดาวอังคารแห่งดาวธาตุไฟ?” ยักษ์แมกม่ามองไปที่เขาด้วยความฉงน “เทพครองดาวอังคารสามารถควบคุมไฟ แต่เพียงแค่ไฟเทวะเท่านั้น เจ้าควบคุมไฟมารได้อย่างไร มนุษย์มีวิชาที่เพริศแพร้วพิสดารเช่นนั้นจริงๆ หรือ นี่ไม่ใช่แล้ว เจ้ากำลังใช้วิชาฝึกปรือของมรรคามาร! เจ้าก็เป็นเผ่ามาร?”

ยิ่งขุดคุ้ยมากขึ้นเขาก็ยิ่งสับสน ฉินมู่ได้แปรเปลี่ยนเป็นลูกผสมระหว่างวัวและมนุษย์ เทวาจำแลงเทพครองดาวอังคารมีร่างของเทพเจ้าอยู่ชัดๆ แต่กลับมีไฟมารพวยพุ่งออกมาจากกายาของเขาระหว่างที่เขาควบคุมไฟมาร

ยิ่งไปกว่านั้น มันมีรอยประทับดอกไม้อัคคีบนฉินมู่ที่ดูเหมือนไฟกำลังแผดเผาอยู่ และหนึ่งในมังกรอัคคีใต้เท้าของเขาก็เป็นมังกรมาร!

มีก็แต่เผ่ามารเท่านั้นที่สามารถควบคุมทักษะเทวะอันเพริศแพร้วขนาดนี้ได้!

เหนือท้องฟ้าขึ้นไป นักบุญคนตัดไม้และเสือเทพยดาขนดำมองเห็นภาพนี้ และฝ่ายหลังมีความสงสัยเปี่ยมในแววตา เขาถามด้วยเสียงเบา “นายท่าน ท่านสัมผัสนั่นได้หรือไม่”

นักบุญคนตัดไม้พยักหน้าน้อยๆ “ข้าสัมผัสมันได้ รูปลักษณ์ก่อกำเนิดจากหัวใจ ขณะที่มารก็ก่อกำเนิดจากหัวใจ รูปลักษณ์มารของเขาจึงเกิดจากที่หัวใจของเขาก่อเกิดมาร”

เสือเทพยดาขนดำฉงนฉงาย “แต่ข้ารู้สึกว่ามีอะไรผิดแผกเกี่ยวกับร่างกายของเขาอยู่ชัดๆ เขาดูเหมือนจะเป็นมารอยู่ส่วนหนึ่ง มิใช่มนุษย์เลือดบริสุทธิ์…นายท่าน ท่านโกหกอีกแล้ว ใช่ไหม”

นักบุญคนตัดไม้ขมวดคิ้วเล็กน้อย และตะโกนใส่เขา “ข้าเคยโกหกตอนไหน”

เสือเทพยดาขนดำอ้าปากจะพูด แต่แล้วก็หุบปากลงเมื่อเห็นทวยเทพทั้งหลายแห่งสวรรค์ไท่หวงที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา ข้ายังต้องรักษาหน้าให้ตาแก่ขี้โกหกนี่อยู่บ้าง…

นักบุญคนตัดไม้สายตาวูบวาบ และคอยแต่เบือนไปจ้องมองที่ตัวฉินมู่ ความคิดของเขายากจะหยั่งคาด

เขาละสายตาออกและมองไปยังฟู่ยื่อลัวที่อยู่อีกฟาก มารเทวะนี้ก็กำลังจ้องมองฉินมู่ ดูสนอกสนใจไม่เบา

“ลูกครึ่งมาร? พลังวัตรของเขาแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ถึงกับคู่คี่สูสีกับฉือฉวนซงศิษย์แห่งสวีโม่ได้ เขาใช้พลังวัตรของเขาเพื่อชดเชยความด้อยกว่าในพละกำลังและร่างเนื้อ” ฟู่ยื่อลัวแย้มยิ้มและกล่าว “ครูบาสวรรค์ ผู้สืบทอดของเจ้านี่เป็นคนหนุ่มที่น่าสนใจจริงๆ ครึ่งมาร…”

นักบุญคนตัดไม้ตื่นตระหนก แต่เขากล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “มารอะไรกัน เขาเป็นมนุษย์ที่เพียงแค่ฝึกวิชาฝึกปรือแห่งมรรคามารเท่านั้น ใครจะรู้จักวิชาพวกนั้นดีไปกว่าข้า”

ฟู่ยื่อลัวหัวเราะเบาๆ และไม่กล่าวอะไรอีก

ยักษ์แมกม่าสูดลมหายใจลึกและร่างกายของเขาก็ขยายออกไปทีละเล็กทีละน้อยระหว่างที่เขาพุ่งตรงไปยังฉินมู่

“เจ้าก็ยังเป็นแค่ไก่ดินปั้นและหมากระเบื้องอยู่ดี! กายเนื้อของเจ้ายังไม่บรรลุถึงขั้นเทพเจ้าเยาว์ ต่อให้เจ้าได้ฝึกปรือเทวาจำแลงของเทพครองดาว เจ้าก็ยังคงร่วงในหมัดเดียว!”

ปราณชีวิตของฉินมู่รุนแรงเดือดพล่าน เมื่อมังกรสองตัวใต้เท้าของเขาพุ่งทะยานไปข้างหน้า ดวงดาวเข้ามารวมตัวกันข้างหลังเขา เปล่งประกายเจิดจรัส พวกมันก่อขึ้นมาเป็นดาราจักรอันดาวแต่ละดวงเชื่อมต่อซึ่งกันและกันด้วยเส้นแสงสีเงิน

หากว่าสายตาของใครกระจ่างมากพอ พวกเขาก็จะมองเห็นได้ว่าบนดาวแต่ละดวงมีเทพเจ้ายืนตระหง่านอยู่บนนั้น

แสงดาวเชื่อมต่อพวกมันคือรังสีแสงที่พวยพุ่งจากเทพเจ้าเหล่านั้น

พวกมันถักทอและก่อขึ้นมาเป็นเขตพลังอันพิสดาร

มันคือทักษะเทวะที่หลี่เทียนซิงสร้างขึ้นมาหลังจากที่ตรึกตรองเข้าใจวิชาร้อยรัดแห่งคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิต พลังฝ่ามือหมู่ดาวสวรรค์คลุมนภา!

ในด้านของทักษะเทวะ ฉินมู่ยังไม่เคยเห็นใครที่เพริศแพร้วกว่าเขาในบรรดาพวกที่ยังไม่บรรลุเป็นเทพเที่ยงแท้!

ยักษ์แมกม่ายิ้มหยัน และกำปั้นมหึมาของเขาก็ซัดตรงไปยังฉินมู่ ด้วยเสียงตูมดังสนั่น หินภูเขาก็แหลกทำลาย และฉินมู่ร่วงลงมา เขาพลิกร่างตีลังกา พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง

ยักษ์แมกม่าคำรามอย่างเกรี้ยวกราด และไฟมารบนร่างกายของเขาก็ยิ่งเผาผลาญอย่างรุนแรงมากขึ้น เขาพลันก้าวทะยานไปยังฉินมู่ และพวกเขาก็ปะทะกันอีกครั้ง มังกรคู่ใต้เท้าฉินมู่ถูกบดกระแทกเป็นชิ้นๆ จากแรงปะทะ และเขาก็ร่วงกระเด็นไป

ก้อนหินร่วงกราวลงทุกทิศทุกทางจากร่างของยักษ์แมกม่า แต่ในพริบตาถัดมา กระแสสายไฟมารก็ชักนำพวกมันคืนกลับ ไฟมารอันไหลผ่านแขนขาของเขาก็เหมือนกับโลหิตของเขา และก็ยังเหมือนกับเส้นเอ็น มันพิสดารพันลึกอย่างยิ่ง

แต่ทว่า ในชั่วจังหวะนั้น ไจกระบี่ก็บินมาและหลอมรวมเข้าไปในร่างแมกม่าของเขาพร้อมกับก้อนหินเหล่านั้น

ฟิ้ว!

กระบี่แปดพันเล่มระเบิดออก เฉือนตัดผ่านก้อนหินมากมายและไฟมาร ในเสี้ยววินาที พวกมันไหลไปทั่วร่างของยักษ์แมกม่าราวกับน้ำในแม่น้ำ และตัดสะบั้นข้อต่อของเขาทุกๆ จุด

ยักษ์แมกม่าชะงักงันไปอึดใจหนึ่ง ก่อนที่จะล้มครืนไปกับพื้น

ฉินมู่ก็ล้มคว่ำไปด้วยเช่นกัน แต่เขารีบพลิกตัวหงายในทันที โลหิตไหลย้อยออกจากมุมปากของเขา แต่เขาก็ยังคงพุ่งทะลวงเข้าไปอย่างดุเดือด และร่ายรำบนอากาศด้วยกระบี่ทั้งแปดพันเล่ม เมื่อเขาวิ่งไป เขาก็แตะจิ้มซ้ำๆ อย่างบ้าคลั่งด้วยนิ้วกระบี่ของตน

บนพื้น ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนและไฟมารกำลังกลิ้งไปมาหมายที่จะก่อตัวขึ้นเป็นขาอันหนาใหญ่สองข้าง พวกมันผสมผสานกับไฟมารเพื่อลอยขึ้นไปและเข้าจับตัวด้วยกันอย่างต่อเนื่อง สะเอวของมันก่อตัวอย่างรวดเร็ว และร่างกายของยักษ์แมกม่าก็กำลังจะถูกประกอบสร้างขึ้นมาใหม่

พลังชีวิตของเขาแสนประหลาด เขานั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่เผ่าพันธุ์ที่สามารถประกอบสร้างร่างของตนขึ้นมาใหม่ได้

“กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์!”

กระบี่แปดพันเล่มพลันก่อตัวขึ้นเป็นภูเขาและแม่น้ำแห่งแสง ในจังหวะที่ยักษ์แมกม่าประกอบร่างขึ้นมาใหม่จนถึงคอ เขาก็ถูกภูเขาและแม่น้ำกลืนกินเข้าไป และถึงจุดจบด้วยการกลายเป็นเศษหินแตกหักมากมาย

ฉินมู่ตะบึงเข้าไปอย่างเกรี้ยวกราด ด้วยมือซ้ายของเขาเป็นหยิน และมือขวาของเขาเป็นหยาง เขาไขว้พวกมันด้วยด้วยกันและกดประทับลงบนภาพกระบี่อันก่อรูปขึ้นมาจากกระบี่ย่างไปในทิวทัศน์

มือหยินหยางพลิกสวรรค์ มือซ้อนมือ!

พลังฝ่ามือที่ซ้อนทับกันของหยินและหยางระเบิดออก ปราณหยางพิสุทธิ์และปราณหยินพิสุทธิ์หลอมรวมเข้ากับภาพกระบี่ อัสนีหยางและอัสนีหยินระเบิดออก ส่งเศษหินแตกหักพวกนั้นกระจัดกระจายไปทั่วทิศ ในที่สุดไฟมารกระจุกสุดท้ายก็มอดดับไป

ฉินมู่ทรุดย่อลงจับเข่าตัวเองเอาไว้และกระอักเสมหะเลือดออกมากำหนึ่ง เขาเอียงหัวมองและเห็นยอดฝีมือมารอีกคนเดินออกมาจากภูเขายังเบื้องข้าง เขาจึงบ่มพึมอย่างโมโห “อีกคนเรอะ? ข้าเพิ่งสู้ไปสองรอบ เจ้าไปหาคนอื่นท้าสู้ไม่ได้หรืออย่างไร”

ยอดฝีมือมารคนนั้นเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ใครใช้ให้เจ้ามานั่งตีเหล็กโดยไม่มีสาเหตุล่ะ”

ฉินมู่หน้าดำทะมึนเหมือนก้อนเหล็ก

………………

Related

Comment

Options

not work with dark mode
Reset