ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 17

หลังจากที่ซื่อหลงหัวหน้าองครักษ์ ได้เห็นชายหนุ่มผู้โง่เขลายืนหยุดอยู่กับที่ ก็ยิ่งทำให้เพลิงโทสะของตัวมันเองระเบิดออกมาอีกเป็นเท่าตัว ด้วยการพุ่งเข้ามาอย่างคนขาดสติ

แต่เมื่อดวงตาที่เปิดขึ้นของเป่าฮู่ อันซึ่งนำมาพร้อมกับการปรากฏของกระบี่น้ำแข็งจากเบื้องหน้า ทำให้ตัวซื่อหลงต้องหยุดชะงัก ด้วยตัวมันเองผ่านการต่อสู้มานาน และรับรู้พร้อมเติบโตมาจากสิ่งเหล่านั้น

(บัดซบ! เจ้าหมอนี่มันเองก็เป็นเช่นเดียวกับข้าอย่างนั้นหรือ กระบี่น้ำแข็งนั่น ทักษะระดับราชัน)

 

 

เมื่อได้เห็นทักษะยุทธ์ที่น่าเกรงขามของชายหนุ่ม ทางเดียวที่จะทำให้การต่อสู้ครั้งนี้จบลงที่ชัยชนะ ซื่อหลงจึงรีบพุ่งกายเข้ามาใกล้ พร้อมนำสิ่งที่เป่าฮู่ไม่รู้จักออกมา

มันคือ ยาพิษ แต่ตัวซื่อหลงไม่ได้รู้ว่าตนกำลังเผชิญกับ ผู้ครอบครองลมปราณเทพ แห่งแดนเหนือ เมื่ออาวุธอาบยาพิษที่ถูกซัดเข้ามา และร่างเงาที่ทะยานติดตามมา

เป่าฮู่ได้มองเห็นวิถีการพุ่งมาของมีดสั้น และตัวเป่าฮู่เองก็เป็นคนที่ฝึกวิชาซัดอาวุธลับมาเช่นกัน ดูจะมากกว่าซื่อหลงผู้นี้เสียด้วยซ้ำ

เพียงเห็นสัญชาตญาณก็บอกเป่าฮู่ว่า นี่คือสิ่งที่อันตราย จิตสังหารที่ปลดปล่อยออกมา ท่วงท่าและวิชาเร้นกายแบบนี้ เจ้าคนนี้ต้องถนัดใช้พิษ

การพลิกแพลงสถานการณ์ สร้างเข็มน้ำแข็งขึ้นมา 3 เล่มและซัดมันออกไป ด้วยท่วงท่าที่งดงาม การเบี่ยงตัวหลบ โดยใช้ขาซ้ายเป็นตัวสัมผัสพื้น กระทืบพื้นให้ตัวของเป่าฮู่หลบพ้นจากมีดสั่นชุดแรก และทำให้ร่างกายมีแรงเหวี่ยง พร้อมกันนั้นมือขวาที่ถนัด ก็ซัดเข็มน้ำแข็งออกไปชั่วพริบตา

(เข็มน้ำแข็งปลิดวิญญาณ)

เข็มน้ำแข็งที่พุ่งออกไป ก็ซัดถูกมีดสั้นชุดที่สองที่ซ่อนมาใต้การเคลื่อนไหวของซื่อหลงนั้นอย่างสวยงาม

(((ปั๊ก!))) เสียงของเข็มน้ำแข็งที่ซัดถูกบริเวณ จุดลมปราณช่วงแขนซ้ายทำให้ลมปราณของ

ซื่อหลงติดขัดจนส่งผลให้การเคลื่อนที่ช้าลง โอกาสนั้นเองที่จู่ๆร่างเงาของเป่าฮู่ก็เคลื่อนตัวออกจากจุดเดิม อย่างรวดเร็ว

“ท่องวารีสะท้อนจันทร์”

เสียงที่เปล่งออกมาเป็นหนึ่งในชุดวิชาตัวเบา ที่ได้จากสำนักตอนเป็นศิษย์ฝ่ายในท่าเท้าที่ อาจารย์ของเป่าฮู่สอนให้มา และด้วยวิชานี้ทีทำให้เป่าฮู่สามารถหลบหนีจนมาถึงแม่น้ำสายใหญ่ที่ติดกับทะเลดำได้

การพลิ้วกายที่รวดเร็ว พร้อมกับปรากฏกายอยู่ต่อหน้าซื่อหลงอย่างไม่ทันตั้งตัว และเมื่ออยู่ระยะที่ใกล้เพียงนี้ ทำให้เป่าฮู่ไม่คิดที่จะปราณีซื่อหลงอีกต่อไป

“เป็นเพียงคางคก คิดกินหงส์ฟ้า น้องสาวของข้าคนนี้นางต้องเจอคนที่ดีกว่าเจ้าเป็นร้อยเท่า กระบี่ราชันไร้รูป กระบวนท่าที่ สอง กระบี่จันทร์คู่ดับแสง”

เพียงการสะบัดมือไปด้านข้างทั้งสองข้าง ปรากฏกระบี่สองเล่มที่ปรากฏอยู่ ที่เบื้องหลังของ หัวหน้าองครักษ์ ซื่อหลง โดยเป่าฮู่ไม่มีแววตาที่สื่อออกมาถึงความปราณีศัตรูที่น่ารังเกียจ มือที่บังคับกระบี่น้ำแข็งทั้งสองเล่มให้แทงทะลุร่างของซื่อหลงลงมาอย่างไร้ปราณี

(((ฉึ๊บ!)))

(((ฉึ๊บ!)))

เสียงของกระบี่ที่แข็งคมบาดลึกเลาะเนื้อถึงกระดูก โดยไร้การป้องกันจากด้านหลัง แม้จะผนึกลมปราณช่วย แต่วิชาระดับราชันป้องกันอย่างไร ยอดยุทธ์ระดับราชาก็ไม่อาจที่จะป้องกันได้

 

เพียงเท่านี้วันอันแสนรื่นรมนี้จึงเป็นวันสุดท้ายที่ซื่อหลง หัวหน้าองครักษ์เมืองตระกูลหง ได้สิ้นชื่อลงเพียง กระบวนท่าที่ 2 เท่านั้น สีหน้าแววตาของเหล่าองครักษ์ที่เหลือก็ซีดขาวราวเนื้อไก่ลงทันที

เพราะกระบี่น้ำแข็งของเป่าฮู่ หลังจากปลิดชีวิตของซื่อหลง เป้าหมายต่อไปกลับเป็นเหล่าลูกสมุนที่กำลังคิดจะหนี แต่จู่ๆเสียงที่ร้องห้ามเป่าฮู่เอาไว้ก็คือ หงซวน เจ้าเมืองผู้ปกครองเมืองตระกูลหงนั่นเอง

“ลูกฮู่ หยุดมือเจ้าก่อน เรื่องนี้พ่อจะจัดการเอง  2 ชั่วยามไปพบพ่อที่ห้องหนังสือ”

เมื่อคิดว่าการเตรียมมอบข้อมูลเก่าแก่ ที่ตระกูลมีมาให้แก่เป่าอู่ เพื่อให้เป่าฮู่ตามหาสุดยอดวิชาของแดนเหนือในอดีตที่หายไปกลับคืนมา และกำราบตระกูลเต้าให้ได้ในสักวัน ช่างเป็นฝันที่สวยงามยิ่งนัก

 

ณ ตระกูลเต้า

เพียงข่าวของนิกายเสือขาว ที่ส่งคนมาขอซื้อกล่องปริศนาจากหอศักดิ์สิทธิ์มากว่า 200 กล่อง

แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ว่า ไป๋ฟงเสียนจะนำกล่องพวกนี้ไปมอบแห่ใครหรือนิกายเสือขาวคิดฝึกวิชาธาตุน้ำของแดนเหนือ

เรื่องที่เจ้าไปก่อความวุ่นวายที่เมืองตระกูลหง พ่อส่งคนไปเจรจาแล้ว เจ้านี่มันก็เหลือคน ตระกูลเต้า เป็นผู้ที่ใช้อสูรวายุก็จริง

การที่เจ้าจะแย่งชิงอสูรเสือขาวที่เป็นสัตว์บกมา จะทำให้อำนาจของทักษะยุทธ์ของเราด้อยค่า ตระกูลหลักที่มีอิงเฉิงเป็นทางเลือกหลัก อาจมีชัยเหนือเจ้าในอีกไม่กี่ปี

เจ้าเองก็เป็นผู้ครอบครองกายศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานมา อย่าพึ่งวู่วาม รอเจ้าบรรลุถึงระดับราชันลมปราณ ปลุกพลังของกายศักดิ์สิทธิ์ได้ ต่อให้อิงเฉิงสักกี่คน ดวงตาพลังธาตุอะไรนั่น ตระกูลรองของเราต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้เป็นแน่”

 

เมื่อได้ฟังผู้เป็นบิดากล่าวตำหนิ ทำให้เต้าเหล่ยผู้ที่คิดลงมือกับ เจ้าตัวบัดซบในเมืองตระกูลหงจึงต้องวางมือลงชั่วคราว

“แล้วนี่ท่านพ่อจะให้ลูกทำสิ่งใดต่อไป?”

เมื่อตัวบุตรชายกล่าวถาม มีหรือ เต้าเหลียงคุน จึงยกยิ้มขึ้นมาพร้อมส่งเทียบเชิญสีแดงแก่บุตรชาย พร้อมกล่าวออกมาว่า

“นี่คือเทียบเชิญ จงไปเที่ยวสาวงามแดนใต้แทนพ่อด้วย และหากเป็นไปได้ ธิดาหงส์เพลิง เจ้าจงนำมาเป็นสะใภ้ของตระกูลให้ได้ เห็นว่า เจ้าอิงเฉิงมันก็เข้าร่วมด้วย เจ้าเมืองทุกเมืองใน 4 ดินแดนจาส่งคนเข้าร่วมเป็นแน่”

เพียงเท่านั้นเต้าเหล่ย จึงได้คิดที่จะแสดงฝีมือของตนในงานเทศกาลหงส์เพลิงนี้อย่างแน่นอน หลังจากที่ได้เข้าพบบิดาบุญธรรม เป่าฮู่ได้ออกเดินทางทันที

โดยใช้รถม้าของจวนเจ้าเมืองตระกูลหง ด้านข้างสลักอักษรว่า หง ติดอยู่ เจ้าเมืองส่งองครักษ์ติดตาม เดิมทีจะมอบคนติดตามมาจำนวน 20 คน แต่ เป่าฮู่คิดว่าตนไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น จึงยอมให้ติดตามมาเพียง 2 คนเท่านั้น เพื่อให้ทั้งคู่ให้บังคับรถม้า

 

“เรียนคุณชาย ด้านหน้าคือ ร้านน้ำชานอกเมือง คุณชายต้องการหยุดพักรถม้าหรือไม่?”

องครักษ์ทั้งสองหลังจากรับรู้ว่า นายน้อยคนนี้เป็นคนที่สังหารซื่อหลงผู้น่ารังเกียจ ในใจก็ยกให้นายน้อยเป่าฮู่เป็นเสมือนลูกพี่ไปแล้วนั่นเอง

เป่าฮู่เปิดผ้าม่านขึ้นและคิดว่าตนจะทำเช่นไรดี จึงกล่าวออกไปว่า

“พวกเจ้าคนหนึ่งลงไปซื่ออาหาร เอาไก่ย่างสัก 5 ตัวสุราชั้นดีสัก 5 ไห และอาหารแห้งสักเล็กน้อย ส่วนข้าจะฝึกลมปราณในรถม้าต่อไป และอีกคนเฝ้ารถม้าเอาไว้”

เมื่อคำสั่งของนายน้อยดังออกมามีหรือ ทั้งสององครักษ์จะกล้าขัด โดยการเดินทางมาครั้งนี้ บิดาบุญธรรมมอบเงินพร้อมแหวนที่ได้จาก นิกายเสือขาวมาให้แก่เป่าฮู่ ขณะที่เป่าฮู่นั่งในรถม้าก็แอบใช้เวลาทั้งวันในการเปิดกล่องปริศนาตลอดทางที่ผ่านมา

 

จากกล่องปริศนา จำนวน 200 กล่อง เป่าฮู่เปิดไปแล้ว 20 กล่อง พบแต่เพียงทักษะวิชาระดับต่ำ จนเป่าฮู่คิดว่าวันนี้อาจไม่ใช่วันของตน จึงได้หยุดพักจากสิ่งที่ทำและยกกาเหล้าในรถม้าขึ้นมาดื่ม

ด้วยการรออาหารจากองครักษ์อีกคน เป่าฮู่ก็มองไปทางซ้ายทีขวาที ก็เห็นว่า

ห่างไปไม่ไกล มีกลุ่มขอทานที่นั่งรออยู่ที่หัวสะพาน เป่าฮู่ก็คิดว่า แผ่นดินนี้ยังมีคนยากไร้และมานั่งขอทานแบบนี้อีกหรือ

“พี่ชาย คนกลุ่มนั้น ไม่มีอะไรทำหรืออย่างไร มานั่งขอทานแบบนั้น”

ชายที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ได้ฟังและมองตามผู้เป็นเจ้านายกล่าว เพียงได้เห็นดังนั้น

“ที่คุณชายเห็น ไม่ได้เป็นดั่งที่คุณชายคิด พวกนั้นคือ เหล่าขอทานในพรรคกระยาจก ของแดนเสือขาวเรา เห็นว่าพรรคนี้ครอบคลุมทั้ง 4 ดินแดน และกำลังเป็นพรรคที่มีอิทธิพลทัดเทียมแดนศักดิ์สิทธิ์”

เมื่อเป่าฮู่ได้ฟังก็ได้เข้าใจที่แท้โลกนี้มีอะไรอีกเยอะแยะที่ตัวเป่าฮู่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติม เพียงไม่นานจากนั้น องครักษ์ผู้ทำหน้าที่ผู้รับใช้ก็กลับมา พร้อมมีชายแปลกหน้าติดตามมาด้วย

“ช้าก่อน ช้าก่อน นายท่าน ได้โปรดมอบอาหารแบ่งปันน้ำใจ ให้แก่เราผู้เป็นขอทานด้วย”

ชายแปลกหน้าที่สุดแสนจะหน้าด้าน เดินมาขอทานกับรถม้าของเป่าฮู่ เดิมทีองครักษ์จะไล่ออกไปให้ไกล แต่เป่าฮู่กลับห้ามเอาไว้

“ตาเฒ่า ไม่เห็นหรืออย่าไรว่านี่เป็นรถม้าของจนเจ้าเมือง ยังมีหน้ามา..”

เป่าฮู่ได้ฟังก็บอกให้องครักษ์คนดังกล่าว ให้มอบไก่แก่ชายชราไปหนึ่งตัว

“ตาเฒ่า ไก่ของข้ามิได้เป็นของที่ให้ท่านด้วยเปล่าประโยชน์ จงมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดของท่านมา เพื่อแลกเปลี่ยน”

เมื่อตาเฒ่าประหลาดคนนี้ได้ยิน ก็กล่าวออกไปว่า

“อันตัวข้ามีเพียงฝีมือการทำนาย ทายทักดวงชะตา แต่ 1 ปีจะดูให้เพียงแค่คนเดียว นามของข้าคือ ขอทานเฒ่า หย่วนปง”

เมื่อเหล่าองครักษ์ได้ยินก็พากันตกใจ ใครจะไปคิดว่า ขอทานเฒ่าที่ทำนายทายทักว่า แดนศักดิ์จะเปลี่ยนผู้นำเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะปรากฏตัวที่แดนเสือขาวแห่งนี้

“ท่านหย่วนปง!!”

ด้านเป่าฮู่ได้เห็นว่าทั้งสองมีท่าทีที่เปลี่ยนไปหลังจากรับรู้นามของชายชราคนนี้

“ท่านชำนาญการดูดวงไหน ลองทำนายดวงชะตาของข้าผ่านลายมือของข้าคนนี้เป็นไรไป”

เมื่อเป่าฮู่ได้ยื่นฝ่ามือขางขวาออกไป ชายชราได้เห็นก็ทำนายตามลายมือที่ตนเห็น สิ่งที่ทำให้สีหน้าชายชราต้องเปลี่ยนไปก็คือสิ่งที่ชายชรากล่าวออกมา

“ลายมือนี้ช่างเป็นลายมือที่กุมชะตาที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ กำราบเสือ พิชิตหงส์ สยบมังกร ต่อต้านวิหคอัสนี หน้าที่ของคุณชายสวรรค์สร้างทางที่ลำบากเหลือแสน ฮ่าๆๆๆๆ สวรรค์ สวรรค์ ตัวข้าไม่มีอะไรต้องห่วงอีก คุณชายท่านนี้ ข้าเดินทางร่อนเร่มานานปี ในที่สุดก็พบคนที่มีวาสนาเพียงพอ

หากท่านมีโอกาสเดินทางไป แดนใต้จงแสดงป้ายนี้ เมื่อท่านพบปัญหาที่แดนใต้ เอาหละข้าต้องไปแล้วขอบคุณสำหรับไก่ย่างตัวนี้ และขอให้เส้นทางของท่านจงราบรื่น”

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset