คำถามที่กระชากจิตวิญญาณของ เหล่าอาวุโสทุกคนในตระกูลหย่วนออกมา หย่วนหลิงที่เดินออกมา พร้อมกล่าวว่า
“ท่านพี่ เรื่องทุกอย่างในตระกูลเป็นข้าที่คอยดูแลเอง หากท่านพี่มีอะไร”
คำกล่าวที่แม้แต่หางตาของหย่วนปงยังไม่ชายตาไปมอง หย่วนหลิงหญิงที่หลงผิด
คิดคบชู้กับชายชั่ว หย่วนปงจับได้จึงไม่อาจฝืนใจทนอยู่ดูพวกมันทั้งสองพลอดรักกันได้และปล่อยให้พวกมันดูแลตระกูลหย่วนกันเอง
โดยจงใจปิดคลังสมบัติไว้และจากตระกูลไปทั้งอย่างนั้น เมื่อไร้ทรัพยากรชายชู้ก็จากไปตระกูลก็ตกต่ำ จนถูกตระกูลเร่อขึ้นมายึดอำนาจและทำการบั่นทอนความเข้มข้นของสายเลือดเทพที่มีในชนรุ่นหลัง
“หยุดคำกล่าวของเจ้าซะ ข้าถามว่าใครเป็นอาวุโสคุมกฎ”
คำกล่าวในครั้งนี้ทำให้หย่วนปงปลดปล่อยแรงกดดันระดับ จักรพรรดิลมปราณออกมาไม่ใช้ลมปราณระดับราชันลมปราณอีกต่อไป
หยวนปงได้มีวาสนา พานพบโชคลาภในตอนออกท่องยุทธ์ พบเจอทักษะหายากทักษะซ่อนพลังปราณ จนทำให้หลายปีมานี้หย่วนปงเป็นเพียง นักพยากรณ์ธรรมดาที่ไม่มีใครรู้มาก่อนถึงความสามารถที่แท้จริง
แต่วันนี้จำยอมต้องแสดงออกมาเพื่อที่จะจัดการสร้างตระกูลหย่วนขึ้นมาใหม่
เหล่าอาวุโสที่มองไปทางหย่วนหลิง แม่เฒ่าคนเดียวของตระกูล ด้วยสีหน้าหวาดกลัว
และร้องขอความเห็นใจ
“ข้า…ข้าขอรับ”
เพียงเสียงนั้นดังแว่วออกมา หย่วนปงก็กระแทรกคลื่นลมปราณออกไปเจาะจงที่ชายแก่ผู้นั้นคนเดียว
“เจ้ามันไร้สมอง ไร้ฝีมือ และไร้ประโยชน์”
อดีตชายผู้เหี้ยมเกรียมที่สุดในหน้าประวัติศาตร์ของตระกูลหย่วน ได้หวนกลับมาอีกครั้ง ร่างของอุวโสท่านนั้นแหลกสลายไปเพียงเพราะแรงกดดันของชนชั้นจักรพรรดิสมาชิกในตระกูลทุกคนได้เห็นก็พากันหวาดกลัว
การกลับมาครั้งนี้ของท่านผู้นำได้สร้างความน่าเกรงขามอย่างมากผิดกับ
หย่วนปงเมื่อในอดีตอย่างสิ้นเชิง แต่หย่วนปงกลับยังคงแสดงหน้าตาที่เฉยเมยออกมาขณะที่ปรายตามองไปยังกลุ่มอาวุโสที่เป็นไส้ศึกให้แก่ตระกูลเร่อ
“เจ้าหนูหยวนจง เจ้าอยากได้โอกาสแก้ตัวหรือไม่ เรื่องที่เจ้าออกไปช่วยหลานสาวข้าและพยายามยัดเยียดความน่ารังเกียจแก่ผู้อื่น?”
เพียงได้ฟังคำถามหยวนจงกลับหน้าซีด เหงื่อหลั่งออกมาทั่วร่าง แผ่นหลังที่ชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ขาที่สั่นด้วยความกลัว แต่ก็ยังพยายามประคองสติออกมาขานรับคำของผู้นำตระกูล
“ขอรับ ขอรับ ข้ารับ ข้าจะทำมัน”
หย่วนปงได้ฟังก็ชี้นิ้วไปที่กลุ่มอาวุโสที่เหลืออีก 3 คนฝังตรงข้ามก่อนที่สีหน้าของพวกมันจะแปรเปลี่ยนสีเป็นมืดดำลง เพราะมันรับรู้ได้ถึงจิตสังหารจากผู้นำตระกูล
“เจ้า จงสังหารหนูสกปรกทั้ง 3 ตัวนี้ซะ”
เพียงเท่านั้น ใบหน้าที่มืดดำก็แสดงธาตุแท้ออกมา ตระกูลเร่อตลอดหลายปีมานี้
“บัดซบ! เจ้าแก่ คิดว่าเราทั้ง 3 คนจะยอมให้เจ้าฆ่าแกงได้ง่ายๆรึ”
หลังจากนั้นทั้ง 3 อาวุโสก็ปลดปล่อย วงแหวนสีแดงเพลิงออกมา ด้วยวงแหวนราชันทั้ง 3 ของอาวุโสที่ซ่อนงำความสามารถเอาไว้ ถูกเผยออกมา แต่แววตาของหย่วนปงยังคงไม่เปลี่ยนไป
“ฮ่าๆๆๆ น่าตกใจซ่อนวงแหวนที่ได้จากตระกูลเร่อมานานถึงเพียงนี้ หากข้าคิดไม่ผิด มันทั้ง 3 คงเป็นอสูรวิหคเพลิงสีชาด อายุกว่า 2000 สินะ?”
เพียงคำกล่าวนั้นทำให้ทั้ง 3 อาวุโสตกใจ และมองเห็น วงแหวนสีส้มทองด้านหลังของหย่วนจง อสูรวิหคเพลิงที่ร้อนแรงกว่าได้ปรากฏ เพียงดวงตาของมันก็แผดเผาอสูรลมปราณทั้งสามเหล่านั้นจนไม่อาจขยับได้
“วิหคเพลิงอมตะ!”
เมื่อหย่วนปงใช้เวลาท่องยุทธภพออกเสาะหาแหล่งที่มาของอสูรธาตุไฟ ที่สามารถก่อกำเนิดเพลิงที่แท้จริงได้และเพลิงที่สามารถหยุดเพลิงทุกอย่างและกลืนกินเพลิงทุกชนิดนอกจากเพลิงของสัตว์เทพในตำนาน มันก็คือ อสูรวิหคเพลิงอมตะ
จากนั้นเสียงที่ดังกึกก้องดั่งเทพพิโรธ ในตระกูลหย่วนถูกข่าวลือไปต่างๆนาๆ
บ้างก็ว่าตระกูลหย่วนถึงการวิบัติ บ้างก็ว่าตระกูลหย่วนพบเจอโชคลาภ บ้างก็ว่าตระกูลหย่วนได้ ล่วงเกินยอดฝีมือบางคนเข้าให้
ณ โรงเตี๊ยมนอกเมือง
หลังจากที่เป่าฮู่กลับมาถึงโรงเตี๊ยมก็ได้ยินข่าวลือต่างๆนาๆ และเห็นว่าโรงเตี๊ยมได้รับการซ่อมทำไปบางส่วน ด้วยความรวดเร็วและน่าเหลือเชื่อ ทุกอย่างเป็นผลงานของสององครักษ์ของตัวมันเอง
เมื่อเป่าฮู่ได้เห็นสีหน้าที่ดีใจของทั้งสององครักษ์ เป่าฮู่ก็ทราบทันทีว่าที่พวกมันดีใจเพราะคงไปพบเจออะไรบางอย่างมา
“คาราวะคุณชาย”
เสียงทักทายยามที่พบหน้าเป่าฮู่ก็ได้มองดู โรงเตี๊ยมที่มีความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ในเวลาไม่กี่วัน ขณะที่เป่าฮู่เดินทางกลับมาจากตระกูลหย่วน และขณะนี้เวลาก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ เป่าฮู่มีเวลาเพียง
5 วันไม่ขาดไม่เกินที่จะต้องไปเยือนเมืองตระกูลเร่อ เพื่อชมเทศกาลหงส์เพลิง
แต่ขณะที่เป่าอู่กำลังจะเดินมาถึงที่ศาลาหลังโรงเตี๊ยม อันผู้ติดตามหนึ่งในองครักษ์ได้ตระเตรียมของดีไว้ให้ จากโชคที่ได้มาในตอนที่เฒ่าแก่คนเก่าจากไป หนึ่งในองครักษ์ก็ได้ใช้เงินจำนวนหนึ่งที่ได้จากเป่าฮู่ผู้เป็นคุณชาย ซื้อม้าชั้นดีไว้หนึ่งตัวเพื่อมอบแก่เจ้านายของตน
“เรียนคุณชาย นี่คืออสิ่งที่เราทั้งสองหาได้จากเงินที่คุณชายมอบไว้ให้
มันคือ อาชาเหงื่อโลหิต สามารถวิ่งได้นับ 1000 ลี้โดยไม่หยุดพัก”
เมื่อเป่าฮู่ได้เห็นก็รู้สึกดีใจนัก และกลับบอกองครักษ์คนหนึ่งว่า
“ดี! ส่งมันไปเป็นของขวัญแก่ท่านพ่อที่เมืองตระกูลหง ข้านั้นไม่อยากทำตัวเด่นเกินไปในตอนนี้ ว่าแต่โรงเตี๊ยมนี้ข้าตั้งใจจะทำมันให้เป็นแหล่งข่าวสาร ดีหละในเมื่อดูเจ้าทั้งสองชื่นชอบ
ข้าจะขอท่านพ่อให้เจ้าทั้งสองเป็นเถ้าแก่ และทำหน้าที่รวบรวมข่าวสารแก่เราจนกลายเป็นหูตาให้แก่เราในดินแดนนี้”
หลังจากทั้งสองได้ฟังเช่นนั้นพวกมันทรุดกายลงกับพื้นด้วยความปิติยินดี
“ข้าทั้งสองพี่น้อง ขอบคุณ คุณชายมากเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
เป่าฮู่ได้เห็นสิ่งที่มันวางไว้คืบหน้าไปด้วยดีไม่มีสิ่งใดที่จะสะดุด และเชื่อได้ว่าจากนี้ตระกูลหย่วนเองคงเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีกับโรงเตี๊ยมนี้เป็นแน่ นั่นก็ชี้ชัดแล้วว่า โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีที่พึ่งพายามยากแล้ว
“เอาหละ ข้าจะใช้โอกาสอันดีตั้งชื่อให้โรงเตี๊ยมนี้ใหม่ว่า หงจินเป่า”