หลังจากที่ฟื้นคืนสติ เด็กหนุ่มวัย 18 ปีนามเป่าฮู่ ได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับสิ่งแรกที่รับรู้ได้คือตนมานอนที่แห่งนี้ได้เช่นไร ในป่าใหญ่ท่ามกลางเหล่าสัตว์นานาพันธุ์ และภาพที่เห็นคือแสงที่พุ่งทะลุลงมาจากชั้นของใบไม้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาให้ความร่มเย็นต่อสิ่งที่มาพักพิงอาศัย
“ท่านผู้เฒ่า ประหลาด ท่านผู้เฒ่า”
เสียงร้องเรียกหา เฒ่าประหลาดผู้ที่เปิดฮู่เรียกเขาว่าเซียนสุรา และเมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันวานที่ผ่านมา
เป่าฮู่จำได้ขึ้นใจว่าตนเองร่ำสุรา มาจากในเมืองยาวจนมาถึงกลางป่าเขา เพราะผู้เฒ่าประหลาดชักจูงมา และเมื่อคืนวานที่ผ่านมา เฒ่าประหลาดยังบอกตนเองว่าจะช่วยทะลวงจุดลมปราณที่ติดค้างให้
เพียงเท่านั้นเป่าฮู่ได้ลองสำรวจร่างกายตนเอง การที่เฒ่าประหลาดเต้าหวงเย่ ได้เปิดชะตาพรสวรรค์ใหม่ให้แก่เป่าฮู่ และยังมอบสิ่งที่ได้มาจากตระกูลเป่า ตระกูลเล็กๆในเมืองเสวียอูโบราณ กล่องเหล็กที่ด้านบนสลักอักษรง่ายๆที่ทุกคนก็รู้ว่านี่คือของจากตระกูลเป่า
เมื่อเป่าฮู่ได้เห็นภาพที่ตนเองเคยมองผ่านตามาก่อนหน้า กล่องเหล็กที่ท่านปู่ เป่าจินจง ได้ลูบคลำมาตลอดเวลา ปู่ของมันเองก็เคยพูดตอนที่เป่าฮู่เป็นเด็กประมาณ 9 ขวบ แม้สิ่งเหล่านั้นจะเลือนรางมาก่อนแต่หลังจากทะลวงจดชีพจรจนครบ 36 จุด เป่าฮู่กลับรู้สึกถึงมันอีกครั้ง
“นี่มัน! กล่องเหล็กของท่านปู่ เป่าจินจง”
ด้วยสิ่งของที่อยู่ด้านในไม่อาจมีใครเปิดได้หากไม่ใช่ทายาทที่แท้จริงของตระกูลเป่า ด้วยสิ่งนั้นเต้าหวงเย่จึงได้ทิ้งมันไว้เผื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์หากชะตาของเด็กหนุ่มเป็นของที่ถูกสวรรค์ลิขิตมา
เมื่อเป่าฮู่ได้เห็นกล่องเหล็กมันรีบนำของบางสิ่งออกมา นั่นคือ เหล็กสามเหลี่ยมที่มีขนาดไม่ใหญ่ที่ตัวมันเก็บไว้เสมอมา ตั้งแต่ที่ปู่ของมันกลับมาเยี่ยมมันเป็นครั้งสุดท้ายที่ตระกูล และก่อนที่ทุกอย่างสำหรับเด็กหนุ่มจะเลือนหายไป
กล่องเหล็กนี้คือทุกสิ่งที่ตระกูลเป่ามีในตอนนั้น ปู่ของมันออกเสาะหาของมีค่าขายจากสถานโบราณ จนพบกับเจ้าสิ่งนี้และไม่ได้มีความต้องการที่จะศึกษามันและเก็บซ่อนมันไว้ สิ่งนี้คือสิ่งที่มารดาของเป่าฮู่เล่าให้ฟังเสมอมา
วันนี้กล่องเหล็กและกุญแจที่มีเพียงสายเลือดที่แท้จริงถึงจะมีมาพบกัน วาสนาที่เป่าฮู่มีทำให้เป่าฮู่นึกขอบคุณสวรรค์อย่างน้อยสมบัติตระกูลเพียงชิ้นเดียว ผ่านไป 100 ปีนที่สุดก็กลับมาโดยความบังเอิญ
แต่ภายใต้ความดีใจ ภาพที่เป่าฮู่คิดได้ก็คือ ตระกูลเป่าล่มสลายไปเพราะสิ่งใดกันแน่ อาจารย์บอกถูกโรคระบาด บันทึกเหตุการณ์ที่นิกายเสวียนอู่มีกลับเป็นถูกสังหารยกครอบครัว แล้ววันนั้นเป่าฮู่ไปอยู่ที่ไหน
สิ่งที่วนเวียนในหัวทำให้เด็กหนุ่มเริ่มปวดหัวขึ้นมา เพียงสิ่งเดียวที่จะทำให้เป่าฮู่สบายใจคือพิสูจน์ว่า ในกล่องเหล็กนี้มีสิ่งใดอยู่กันแน่
(((((แกร๊ก!))))) เสียงของแผ่นเหล็กสามเหลี่ยมถูกสอดกลับไปที่เดิมของมัน
กล่องเหล็กเล็กไม่ใหญ่มากก็เกิดเปิดออกอย่างง่ายดาย เข็มที่แทงลงไปในนิ้วของเป่าอู่ในจังหวะสุดท้ายเป็นการยืนยันสายเลือดอย่างที่แน่ชัด ใต้อักขระบางอย่างที่ผู้นำตระกูลเป่าทำไว้
เป่าฮู่มองดูกล่องเหล็กเก่าๆด้วยความเศร้าใจ ในใจกลับคิดว่า ท่านปู่ทุ่มเทเวลาไปทั้งชีวิตเพื่อสิ่งใด
เพียงเป่าฮู่ได้เห็นว่าด้านในคือแผ่นหยกที่งดงาม สลักรูปสัตว์อสูรที่คุ้นเคยเอาไว้ ตามตำนานกล่าวว่า เป็นเป่าจิงจงที่ใช้ความสามารถเปิดเอาของสิ่งหนึ่งออกมาได้ และเทพเต่าดำเพียงมอบตำราลมปราณฝึกตนแก่มนุษย์เพียงหนึ่งเดียว แต่ในสุสานมีมากมายหลายร้อยตำราที่เทพเต่าดำครอบครองไว้
วันที่เป่าจินจงลงไปในสุสานกลางทะเลสาบใหญ่สีดำมืด กลับพบกับบททดสอบนานาชนิด
เพื่อแลกกับหนึ่งวิชา ที่ใช้ในการควบคุมลมปราณ วิชาที่สามารถยกระดับลมปราณให้รุดหน้าและ ทำให้ทุกๆทักษะที่โคจรผสานกับวิชาลมหายใจเทพนี้มิติดขัด
เป่าฮู่ส่งลมปราณของตนเข้าไปด้านในแผ่นหยกรูปเต่าดำ ก็พบว่านี่คือ
ตำรายุทธ์ ระดับเทพลมปราณ แต่ฝึกฝนง่ายดายหากคนผู้นั้นสามารถเปิดจุดชีพจร ตั้งแต่ 36 จุดขึ้นไป เมื่อสวรรค์เปิดทางให้คนบ้าสองอารมณ์มาช่วยทะลวงจุดชีพจร และมอบตำราระดับเทพลมปราณมาให้ เป่าฮู่ได้เห็นดังนั้นก็รีบเรียกเทพเต่าออกมา
“เทพเต่าสุดเท่ห์ ท่านพอช่วยข้ากับของสิ่งนี้ได้หรือไม่?”
เทพเต่าอักขระได้เห็นแผ่นหยกวิชาลมหายใจเทพนี้ ตัวมันถึงกับแสดงอาการสั่นเครือ
ออกมา พร้อมกับร่างของมันที่อยู่ไม่เป็นสุข
“เจ้าหนู เจ้านี่มันมีปู่ที่ดีเหลือเกิน”
การอ่านความทรงจำของเป่าฮู่ทำให้เต่าอักขระรู้ได้ว่านี่คือสิ่งที่ปู่ของมันทุ่มเทเวลาและพลังมากมายลงไป และจากความทรงจำและข้อมูลของแผ่นหยก เต่าอักขระก็กล่าวออกมาว่า
“เจ้าหนู หากว่าหลังจากนี้ข้าต้องไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง โดยเจ้าไม่อาจใช้พลังจากวงแหวนอัญเชิญของข้าได้เจ้าจะสามารถทำได้หรือไม่ ?”
เมื่อเป่าฮู่ได้ฟังเช่นนั้น ก็สงสัยอสูรใต้พันธะสัญญาจะจากผู้เป็นนายไป แล้วไปที่ไหนกัน
“ท่านจะไปยังสถานที่แห่งใดหรือท่านเทพเต่า?”
คำถามนี้หลังจากเทพเต่าได้ฟังก็คิดว่า เด็กหนุ่มยังไม่สามารถที่จะรู้ได้ในตอนนี้จึงไม่อาจที่จะบอกแก่เจ้าหนุ่มได้
“เอาเป็นว่าข้ายังบอกเจ้าไม่ได้ ว่าแต่เจ้าในตอนนี้ มีระดับราชาลมปราณแล้ว จงออกตามหาสัตว์อสูรระดับราชามาเป็นวงแหวนอีกตนได้แล้ว และจงหาอสูรธาตุน้ำ ที่มีความสามารถในการโจมตีมาเสริมกับตัวเจ้าไว้ข้ากลับมาจากสถานที่แห่งนั้น ข้าจะมอบของขวัญที่ดีต่อเจ้า และสำหรับวิชาระดับเทพลมปราณนี้จงฝึกฝนมันแม้จะคิดว่าง่ายแต่แท้จริงมันยากมาก จงฝึกมันซะก่อนที่ศึกใหญ่ของเจ้าจะมาถึง”
วันนี้เป่าฮู่ได้รับการแนะนำและเริ่มใช้สมาธิในการศึกษาตำรายุทธ์นี้ จนเวลาเริ่มเลยผ่าน งานเทศกาลชมสาวงามได้ผ่านไป 1 วัน เป่าฮู่ยังไม่ออกจากการฝึกฝนลมหายใจเทพที่ได้มาเลยท่ามกลางป่าใหญ่
((((วึ่ง)))) ((((วึ่ง)))) พลังของชายหนุ่มหลังจากฝึกวิชาลมหายใจเทพผ่านไปขั้นแรกนั้นเข้าใจได้ง่าย เพียงกำหนดลมหายใจและทำความเข้าใจกับมันไปในทุกกิริยา ไม่ว่าเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ กิน นอน ทุกอย่างล้วนมีการกำหนดลมหายใจเข้าช่วย เพียงเป่าฮู่ฝึกฝนขั้นแรกจนเข้าใจ การกระทำต่างๆของชายหนุ่มกลับส่งผลเพิ่มระดับพลังยุทธ์ให้เด็กหนุ่ม พลังยุทธ์ที่มีจึงบริสุทธิ์มากกว่าทุกครั้ง
เพราะลมหายใจเทพจะช่วยขจัดสิ่งเจือปนที่ชายหนุ่มรับไปไม่ว่าจะจากของกินโอสถ สมุนไพร หรือแม้แต่อากาศที่หายใจ ทำให้ร่างกายของเป่าฮู่ในเวลาที่ผ่านมานี้ เปล่งปลั่งมีประกาย ดั่งเทพบุตรลงมาจุติ
หลังจากคิดว่าตนเองพอใจกับวิชนที่ปู่ของตนเองเสาะหามาแล้ว แม้จะไม่เข้าใจว่ามันมีดีอะไรมากมายนอกจากเสริมให้ทุกๆการกระทำดีขึ้นมาระดับหนึ่ง จนถึงขั้นเป็นวิชาระดับเทพได้นี่ วันนี้ไม่เข้าใจวันหน้าต้องมีวันได้รู้อย่างปรุโปร่งเป็นแน่