หลังจากเทศกาลชมสาวงาม อันโด่งดังขึ้นชื่อของแดนใต้ ชื่อเสียงของเทศกาลนี้ดังไกลกว่า
4 ดินแดน เหล่าชายผู้แสวงหาความรักและความสุขสม ได้พากันเดินทางมาเยือนยัง ดินแดนทางใต้ที่ขึ้นชื่อลือชา แห่งความงดงามของเทพธิดาหงส์เพลิงผู้ร้อนแรง
ตามข่าวที่ลือไปทั่วเมืองตระกูลเร่อ วันนี้โฉมงามทั้ง 12 ดาวหงส์เพลิง ต่างเดินออกมาท่ามกลางสายตาที่มีความกระเหี้ยนกระหือรือของชายทุกคนอยู่
ทำให้การได้เห็นโฉมงามที่หาที่ใดเปรียบเปรยนั้นยากยิ่ง ชาวยุทธ์ทั่วทั้ง 4 ดินแดนต่างพาตัวเองยอมเสียค่าใช้จ่ายไปมาก เพื่อรอคอยวันๆนี้
ณ ลานกว้างท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพันธุ์
แม้เป็นยามค่ำคืนแสงไฟจากตัวโคมไฟที่แขวนตามเสาไม้ และคบเพลิงที่ใช้ผ้าชุบน้ำมันสัตว์จุดเพื่อให้แสงสว่าง แสงที่สะท้อนออกมา ทำให้รูปโฉมของสาวงามที่เดินเยื้องย่างด้วยกิริยามารยาทที่อ่อนช้อย สะกดเหล่าชายผู้อาจหาญนับ ร้อยนับพัน จนมิอาจที่จะมองหญิงใดในโลกหล้าได้อีก
หากแต่เพียงการเผยตัวออกมาของตัวแทนแต่ละตระกูล สาวงามทั้ง 12 คนนี้จัดเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตเพียงพวกนางทั้ง 12 เริ่มเดินเข้ามาในพิธี ก็ทำให้ชายหนุ่มที่เลือดในกายเดือดพล่าน เพราะหากพิธีกรรมปลุกวิญาณหงส์เพลิงในกายเสร็จสิ้น เหล่าบุรุษที่หมายตาสาวงามทั้ง12 ต้องแสดงฝีมือให้จนเป็นที่ประจักษ์ และคว้าเอาหัวใจของนางมาครองให้จงได้
เพียงหนึ่งในกลุ่มอาวุโสของแดนใต้ อันเป็นตัวแทนตระกูลเร่อ จากหอเทพหงส์เพลิง การก้าวออกมาของนางแม้จะเป็นหญิงที่มีอายุ แต่ท่วงท่านั้นมิได้ทำให้ความงามของนางลดลงไปเลยแม้แต่น้อย การมาของนางที่เป็นถึงอาวุโสระดับสูง แน่นอนว่าวิชายุทธย่อมไม่ธรรมดา เพียงการโบกสะบัดข้อมือเบาๆ กลุ่มเพลิงที่ถูกจุดกลางแท่นหินใหญ่ ที่เบื้องล่างมีอักขระที่ลึกล้ำสลักเอาไว้ และเป็นสิ่งที่ทำให้นางดูยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าที่รูปร่างนางเป็นอยู่
เพลิงที่ถูกจุดสะท้อนให้เห็นถึง ลวดลายของแท่นหินที่ด้านข้างรายล้อมด้วยเสาสลักรูป
นางพญาหงส์เพลิงที่สง่างาม
“เอาหละพวกเจ้าทั้ง 12 คน วันนี้คือวันที่พวกเจ้ารอคอย พวกเจ้าทั้ง 12 ได้ฝึกดูดซับพลังจากเทพหงส์เพลิง ที่หอเทพหงส์เพลิงมาระยะหนึ่ง วันนี้ ณ แท่นหินศักดิ์สิทธิ์นี้ เราจะทำการปลุกพลังในเลือดของเจ้าทุกคน และตำแหน่งที่สำคัญของลำดับความเข็มข้นของสายเลือดเทพที่ตกค้างในกายเจ้าว่าจะดึงเอาพลังของนางพญาหงส์ออกมาได้แค่ไหน”
เมื่อพวกนางทั้ง 2 คนได้มองดูพิธีกรรมที่กำลังจะเกิดโดยคนที่ก้าวออกมาเป็นคนแรก ล้วนเป็นลุกหลานจากตระกูลผู้สูงศักดิ์จากแดนใต้ และยังเป็นคนที่จัดว่าเป็นคนมีความสามารถในระดับหนึ่งด้วย
การที่นางก้าวออกมาสานตาของหนุ่มๆทั่วทั้งงาน ต่างจ้องมองมาที่นางเป็นจุดเดียว
“นั่น! นั่นใช่แม่นางเว่ยซู หรือไม่?”
เสียงที่กล่าวถามคือหนุ่มๆที่มาเพื่อยลโฉม เร่อเว่ยซู ธิดาของผู้นำตระกูลเร่อ หรือลูกสาวเจ้าเมืองตระกูลเร่อที่ยิ่งใหญ่แห่งแดนใต้นั่นเอง ภายใต้คลื่นเงาที่กำลังเคลื่อนคล้อยนี้ กลับมีเสียงสรรเสริญ จนดังกึกก้อง ด้วยว่านางคือคนที่งดงามหาที่ใดเปรียบได้
ด้านนอก หนึ่งบุรุษที่ได้โคจรพลังลมปราณเต่าดำ ด้วยทักษะผสานลมหายใจแห่งเทพ ทำให้ร่างกายมีพลังที่ยิ่งใหญ่ไหลเวียน ทุกการเยืองย่างที่เคยมีมาไม่อาจเทียบเคียง เท้าที่เคยวิ่งดั่งม้าย่องก็พลันเปลี่ยนไปดั่งม้าศึกคึกคะนอง
เป่าฮู่รู้สึกตกใจในทักษะที่ศึกษามาเพียงผิวเผินนี้ และยิ่งเทิดทูลท่านปู่ที่สละเวลาทั้งชีวิตเสาะหายอดสมบัติชิ้นนี้มา มอบแก่ลูกหลาน และยังเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก
ด้วยการใช้ทักษะท่าเท้าท่องวารี ด้วยลมปราณเทพเต่าดำ ผ่านเคล็ดการหายใจของวิชาระดับเทพเจ้า ท่าเท้าพลันทรงพลัง อำนาจในการทะยานรุดหน้าอย่างปาฏิหาริย์ เพียงท่าเท้าที่เป่าฮู่ทำความเข้าใจมาได้ กระบวนท่าเท้าที่สอง นับว่ารวดเร็วและเงียบ ราวกับเสียงใบไม้ร่วงจากลำต้น
การเยื้องย่างดุดภูติพรายที่พลิ้วไหว เป่าฮู่มิหยุดพัก เพราะกลัวว่าตนจะไม่ทันงานเทศการชมหงส์เพลิง เพราะในวันนั้นมีร้ายค้ามักนำหินแร่ธาตุหือก้อนแร่ชั้นสูงมาขาย จุดมุ่งหมายของเป่าฮู่คือหาสิ่งที่จะมาทำให้ตัวมัน ปลุกพลังธาตุอีกชนิดขึ้นมาได้
ท่ามกลางวันเวลาที่ไหลผ่าน เป่าฮู่ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็ทะยานกลับมาถึงยังตัวเมืองที่บัดนี้ ทุกคนต่างไปรวมกันที่ลานดอกไม้ของตระกูลเร่อ เป่าฮู่ที่ชำนาญท่าเท้า ด้วยกระบวนท่าเท้าท่องธาราพิสุทธิ์ ทำให้ชั่วพริบตา ร่างของชายหนุ่มก็มาโผล่ที่งานชมเทศกาลสาวงาม
ในเวลาที่สาวงามคนที่ 10 ได้ผ่านไป ในที่สุดก็มาถึงสาวงามที่ทุกคนรอคอย
นามของสาวงามที่เป็นเป้าหมายของทุกคนก็พลันปรากฏ
เมื่ออาวุโสรูปงามได้กล่าวออกมาผ่านท่าทางที่งดงามของนาง แม้จะสูงวัยดูมีอายุแต่ น้ำค้างที่เร้าร้อนมักงดงามยามที่จับต้อง นางกล่าวออกมาถึงนามๆนั้น
“เอาหละคนต่อไป เว่ยซู จงก้าวออกมา ถึงตาเจ้าแล้ว”
เพียงสาวงามที่ล่มเมืองนางนี้ก้าวออกมา ด้วยชื่อเสียงและพรสวรรค์มีหรือที่นางจะไม่ได้รับคำเชยชม ทำให้หนุ่มๆทั้งงานได้หันไปมองตาแทบหลุดออกจากเบ้าแต่ สายตาของนางกลับจ้องมองผ่านผ้าบางๆสีขาวนวล มาที่หนึ่งบุรุษเท่านั้น
ด้วยสายตานั้นทำให้บุรุษที่เหลือบมองตาม เป้าหมายของนางกลับเป็นคุณชายแห่งตระกูลเต้า
แต่ไม่รู้ว่าจะเป็น เต้าเหว่ยหรือ เต้าอิงเฉิงกันแน่
สายตาที่ร้อนแรงของบุตรีเจ้าเองตระกูลเร่อทำให้หนุ่ม ไฟในกายของหนุ่มๆ
เดือดพล่านอย่างไม่อาจหยุดยั้ง
“นั่นแม่นางเว่ย นั่นแม่นางเว่ย แม่นางข้าเดินทางมาที่นี่เพื่อชมความงามของท่าน
ข้า ข้าคือคุณชายจากแดนเสือขาว หยุนเปียวผู้นี้”
เสียงกล่าวที่ยกยอตนเองของยอดฝีมือแห่งแดนเสือขาวทำให้ใบหน้าของชาวยุทธ์ทุกคนสั่นเครือด้วยความโกรธ
ด้วยไอ้บ้านี่มันเป็นใคร ตระกูลหยุน ตระกูลหยุนแม้จะเป็นอันดับหนึ่งแห่งแดนประจิม แต่ที่นี่แดนทักษิณ ทำให้หลายคนไม่พอใจที่หยุนเปียวเริ่มชิงความได้เปรียบ
แต่เสียงที่ดังออกมาจาก ที่พักของเต้าเหล่ยที่คาดสายตาไปที่หยุนเปียว
“เจ้าลูกแมวน้อยแห่งแดนเสือขาว อย่าได้ริอาจคิดชูคอออกมาจากถ้ำน้อยของเจ้า
วันนี้ หากไม่ผ่านข้าเต้าเหล่ยอย่าได้คิด ที่จะยลโฉมของแม่นางเว่ยซู”