ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 30

การมีอยู่ของชายอ้วนผู้น่ารังเกียจบนสนามประลอง สร้างความอับอายแก่อาวุโสตระกูลหย่วนเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาพูดออกมาไม่ได้ว่าให้หย่วนชิวหยูปริบชีพตนเองซะ เพราะมันเป็นกฎหากนางทำด้วยตัวของนางเองนั้นย่อมไม่มีใครเอาโทษได้

หลังจากที่ทุกสนามประลองได้ประลองกันจนทราบผล ขั้นต้นในรอบแรกๆ ทุกคนกลับหนมามองทางสนามประลองของดาวกาลกิณี แม้บุรุษหลายคนจะสงสารดวงชะตาของนาง แต่กฎของแดนใต้นั้นเข้มงวด หากรับเอาเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปตามความเชื่อของคนทางใต้ คนผู้นั้นจะหาความเจริญใดๆในชีวิตนี้ไม่ได้อีก

เพียงหย่วนชิวหยู ฟื้นคืนสติอีกครั้ง นางก็เห็นภาพที่นางเองก็มิอาจที่จะรับได้

ด้วยเจ้ารูปชั่วร่างอ้วน ผู้นี้นะหรือคือคนที่จะรับชะตากรรมของนางไปทั้งชีวิต

ภาพทีทรมานใจของหลายๆคนชายร่างอ้วนได้เดินไปหยุดยังด้านหน้าของหย่วนชิวหยู

ก่อนที่มันจะกล่าววาจาที่น่ารังเกียจออกมาท่ามกลางฝูงชน

“มามะ ยอดรักของข้า โกว่ถัง คนนี้”

เพียงได้ยินเจ้าอ้วนกล่าวทุกคนก็พลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างท่วมท้น

“ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ เหมาะสมยิ่งนักดาวกาลกิณีกับเจ้าหมาอ้วนน่ารังเกียจ”

ด้านสภาพจิตใจของหย่วนชิวหยูกลับยังคงเข้มแข็ง นั่นคือสิ่งที่เป่าอู่เฝ้ามองมาตลอด และแล้วเวลาที่เป่าฮู่รอคอยก็มาถึง เวลาที่ทุกผู้ทุกนามในสนามประลองใหความสนใจมาที่ตัวหย่วนชิวหยูคนนี้

“ฮ่าๆๆๆ ตระกูลหย่วนชาตินี้พวกเจ้าคงติดหนี้ข้าเป่าฮู่คนนี้ ทั้งชีวิต”

 

การลุกขึ้นยืนพร้อมในมือยังถือเหยือกสุราไว้ ร่างที่สง่างามมองลงมาจากที่สูง

ก่อนที่จะทะยานร่างออกไปขัดขวางเจ้าอ้วนบัดซบนั่นทำการหยามเกียรติของอิสตรีนางนี้

เพียงการมาที่ไม่มีใครสามารถจะรับรู้ได้นอกจากยอดฝีมือที่เป็นผู้นำของตระกูลใหญ่ทั้งหลาย

“ช้าก่อน เจ้าอ้วนน่ารังเกียจ จะพึ่งดีใจตอนนี้ไปก็ไม่น่าจะเหมาะสม เพราะว่ายังมีข้าคนนี้ที่พร้อมเปิดแขนรับแม่นางผู้นี้มาเป็นคนของข้าอยู่”

 

สิ้นเสียงที่แผ่วเบา แต่กลับทำให้ทุกผู้ทุกนามได้ยินอย่างทั่วถึง และพลังลมปราณที่ปรากฏออกมากับสับสนไม่อาจที่จะรับรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วชายผู้นี้มีระดับเท่าใด

หลังจากที่ได้ศึกษาทักษะบางอย่างที่ใช้อักขระสะกดพลังเอาไว้ เป่าฮู่บางครั้ง

จะฝึกสะกดพลังจนผู้อื่นไม่อาจจะรับรู้ได้ แต่สำหรับผู้ที่มีระดับเหนือกว่าเช่นชนชั้นราชันหรือชนชั้นจักรพรรดิ ย่อมจะรับรู้ได้อย่างชัดเจน เพียงเหล่าอาวุโสตระกูลหย่วนที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของความอับอายขายขี้หน้า ในแผ่นดินนี้กลับยังมีคนที่กล้าแยบกรับความอัปยศนี้ไปไว้กับตัวอีกหรือ

แต่ในสถานที่แห่งนี้นอกจากเจ้าอ้วนที่ตกใจกว่าใครเพื่อนแล้ว หย่วนชิวหยู เองนางก็ตกใจไม่แพ้กัน เพราะว่านางได้เห็นรูปลักษณ์ที่สง่างามของบุรุษตรงหน้า

 

แต่ที่น่าเจ็บใจกลับเป็นเหล่าผู้นำตระกูลเร่อที่บัดนี้ใบหน้าเขียวคล้ำ เพราะคนที่พวกมันเตรียมมากลับนั่งทรุดกายลงที่พื้น ด้วยแรงกดดันของจิตคุกคามที่เป่าฮู่ปล่อยออกมาใส่ตัวเจ้าอ้วนโดยเฉพาะจนฉี่ราดบนสนามประลอง

ทันใดนั้นหนึ่งอาวุโสจากตระกูลเร่อ ก็รีบลุกขึ้นหันหน้าไปทางเป่าฮู่ก่อนที่จะกล่าวคำบางคำออกไปจนทำให้ให้ทุกคนหันมาสนใจชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้

“เจ้าหนุ่มเจ้าเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรเข้ามาในงานเทศกาลชมหงส์เพลิงแห่งแดนใต้ เจ้าออกไปจากที่นี่ซะ”

 

คำกล่าวนั้นทำให้เป่าอู่แทบจะร้องไห้ เมื่อเข้ารับเทียบเชิญมาจากบิดากลับถูกคนพวกนี้ขับไล่ไสส่ง เป่าอู่หันหน้าไปทางเหล่าพวกตระกูลใหญ่จากทุกๆดินแดนก่อนที่จะนำเทียบเชิญออกมาและผนึกลมปราณลงไปที่เทียบเชิญและซัดมันไปที่กลางเวที

“เข็มเดี่ยวปลิดวิญญาณ”

แทนที่จะใช้เข็มน้ำแข็งแต่กลับใช้เทียบเชิญนั้นแทน พริบตาที่ซัดเทียบเชิญออกไปไร้การรับรู้จากเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ด้านล่างมีเพียงไม่กี่คนที่ตามความเร็วของเทียบเชิญได้ทันในจำนวนคนเหล่านั้น เร่อหลุนห่าว บรรพชนที่นั่งอยู่ในสถานที่ลับ และตาเฒ่าหย่วนปงที่แอบลอบสังเกตจากที่ไกลได้เห็น เด็กหนุ่มมีฝีมือไม่ธรรมดาคนนี้ ก็ทำให้เกิดความสนใจ เร่อหลุนห่าวจึงส่งเสียงผ่านช่องลมปราณมาหาบุตรชาย

เร่อต้วนชุยเพื่อให้หาวิธีดึงเจ้าหนุ่มนี้เข้าตระกูล

แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้ทำสิ่งใดลงไป เป่าอู่ก็ทะยานไปหาหย่วนชิวซูก่อนที่จะถือวิสาสะอุ้มนางจากแท่นหินนั้นขึ้นมา

“ขออภัยแม่นาง”

 

ภาพและความรู้สึกที่หย่วนชิวหยูได้รับนั้นทำให้นางไม่อาจจะเข้าใจได้ว่าชายผู้ที่กำลังจะพานางออกจากสถานที่น่าอายนี้เป็นใครมาจากไหน

แต่หลังจากที่เป่าฮู่กำลังจะจากไป กลับถูกขัดขวางไว้จากเหล่าอาวุโสตระกูลเร่อโดยทันที

“ช้าก่อนคุณชาย”

เสียงทัดทานที่ดังมาจากอาวุโสก่อนหน้าที่เคยหยามหมิ่นเกียรติของเป่าอู่ไว้

ได้กล่าววาจาที่เปลี่ยนท่าทีไปอย่างสิ้นเชิง เป่าอู่ได้เห็นก็ยิ้มเยาะในใจและสาปแช่งไอ้พวกลิ้นไม่มีกระดูกพวกนี้

“ท่านมีสิ่งใดกับข้าหรือท่านอาวุโส ข้าคิดว่าข้าทำตามกฎเพื่อรับตัวของนางไปได้ โดยที่ขาเป็นผู้ที่อาสาเข้ามารับดาวกาลกิณีนี้ไว้กับตัว”

เมื่อทางผู้อาวุโสตระกูลเร่อได้ฟังก็รีบกล่าวออกไปทันที

“เอ่อนั่นก็ถูกของท่านแต่ว่า ข้าและเหล่าอาวุโสทุกท่านจำต้องขอทราบนามของท่านก่อน หากท่านจากไปทั้งที่เราไม่อาจรับรู้นามของท่านแบบนี้ หากใครรับรู้จะกล่าววาจาใส่ร้ายเราได้ และหากท่านพิจารณาอีกครั้งท่านสามารถเปลี่ยนตัวของนางกับดาวบริวารเทพหงส์เพลิงนางใดก็ได้ ข้าเชื่อว่าความสามารถท่านมีเพียงพอที่จะทำเช่นนั้น”

 

เมื่อเป่าฮู่ได้ฟังจึงกล่าวเพียงสั้นๆ

“ไม่จำเป็น สำหรับข้า ข้าพึงพอใจแต่ผู้หญิงที่ดูงดงามจากภายในเท่านั้น ส่วน”

หลังจากประโยคนี้เป่าฮู่จ้องไปยังเว่ยซู ก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า

“ส่วนเทพธิดาหงส์เพลิง ก็ขอให้ท่านรับนางไปตามที่ตระกูลเร่อมีความตั้งใจเริ่มแรกก็แล้วกัน คุณชายอิงเฉิง”

เมื่อเต้าอิงเฉิงได้มองดูคุณชายท่านนี้ ก่อนที่ตัวเขาจะจดจำชายหนุ่มผู้นี้ได้

ก่อนที่เต้าอิงเฉิงจะลุกขึ้นมาจากที่นั่งและก้มคาราวะเป่าฮู่จากที่สูง ดั่งราชามองลงมาที่ชนชั้นสามัญ

“ฮ่าๆๆๆ นับว่าเรามีวาสนา แต่กลับต่างกันมากนัก คุณชายเป่าฮู่ พบกันอีกครั้งแล้ว

ข้าขอน้อมรับคำอวยพรจากท่าน”

เมื่อเต้าเหว่ยได้เห็นและได้ยินเสียงที่คุ้นเคย และยังใบหน้าที่สะท้อนกับเงาในตอนนั้น ที่ทั้งสองสู้กันจนเต้าเหว่ยต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อเข้าต่อสู้และพ่ายแพ้ไป เพียงเต้าเหว่ยจดจำรูปลักษณ์ของเป่าอู่ได้เพียงเท่านั้น

ผืนดินรอบข้าง และบรรยากาศโดยรอบต่างปั่นป่วนด้วยการปลดปล่อยลมปราณออกมาจนทำให้เหล่าองครักษ์และทหารตระกูลเร่อตกใจ อะไรทำให้คุรชายเต้าเหล่ยผู้นี้คุ้มคลั่งขึ้นมาท่ามกลางงามเทศกาลครั้งนี้

 

ตัวเต้าอิงเฉิงมองไปด้านข้างและรับรู้ถึงสิ่งที่เปลี่ยนไป แม้เต้าเหล่ยไม่ได้ชื่นชอบเทพธิดาหงส์เพลิง และไม่อยากได้ผู้หญิงคนเดียวกับเจ้าอิงเฉิง แต่อย่างไรเต้าเหล่ยก็พึงพอใจกับ ดาวบริวารคนที่ 2 เป็นอย่างมาก

 

“เจ้า! เจ้า! ไอ้บัดซบ มันเป็นเจ้า อ๊ากกกก มันเป็นเจ้า ท่านอาวุโส ข้าเต้าเหล่ย ขออนุญาตท่านอาวุโสทุกท่านข้าขอหยิบยืมสถานที่แห่งนี้เพื่อชำระแค้นของข้ากับมันผู้นั้น”

การชี้ไม้ชี้มือมาทางเป่าฮู่ ทำให้เป่าฮู่ได้มองกลับมาที่ตัวเต้าเหล่ยผู้นั้น ก่อนที่จะจดจำใบหน้าทั่วช้าคนนั้นได้

“ฮ่าๆๆนึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นไอ้คนที่คิดช่วงชิงสัตว์เทพแห่งแดนเสือขาว คุณชายเต้าเหล่ย”

เพียงวาจานั้นดังขึ้น 3 อัจฉริยะ แห่งแดนเสือขาวก็ลุกขึ้นกล่าวออกมาทันที

“บัดซบ! เจ้าเป็นใครกัน ถึงได้กล่าววาจาแบบนี้ออกมาทำให้เราและแดนศักดิ์สิทธิ์ผิดใจกัน”

เมื่อศิษย์แห่งนิกายเสือขาวได้ลุกขึ้นกล่าว ต่อว่าตัวเป่าฮู่อย่างไม่ไว้หน้า แต่

เป่าฮู่กลับมองไปทางหยุนเปียว ก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า

“คุณชายหยุนธงสามทิศที่ท่านใช้สมบัติของท่านเข้าต่อสู่ในวันนั้น คงไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ข้ากุเรื่องขึ้นมานะ”

 

หลังจากคำกล่าวนี้ดังออกมาทำให้หยุนเปียวมองไปที่เป่าฮู่ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป ก่อนที่จะเปิดปากอันชั่วร้ายของมันทันที

“เจ้ารู้?”

เป่าฮู่ไม่เพียงแค่รู้สถานการณ์ในตอนนั้นและยังเป็นคนที่ได้มองดูสิ่งต่างๆจนแจ่มชัด

“ฮ่าๆๆๆ ทำไมจะไม่รู้ ก็ข้าคือคนที่ออกหน้าไล่เตะก้นคนบางคนกลับบ้านของมัน พร้อมกับเห็นพวกท่านดิ้นรนเพื่อที่จะได้เสือขาวไปครอบครอง ใช่หรือไม่คุณชายเต้าเหล่ย ค่าชดเชยที่ตระกูลเต้าจ่ายให้แก่เมืองตระกูลหง ข้าไม่รู้นะว่ามากหรือน้อย แต่ท่านทำแบบนั้นเท่ากับไม่ไว้หน้า นิกายเสือขาวเลยทั้งที่พวกท่าน เป็นนิกายที่ใช้อสูรลมปราณธาตุวายุ พันธุ์ปักษาแท้ๆ”

เมื่อได้รับข้อมูลบางอย่างมาจากเต่าอักขระ ตอนที่เจ้าเต่ามันโม้ เป่าฮู่จึงรู้ว่า

แดนศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเต้า โดยรวมเป็นกลุ่มคนที่ฝึกยุทธ์ควบคู่ไปกับอสูรปักษาต่างๆ

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset