ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 31

เมื่อผู้ที่ผ่านเข้ารอบการคัดตัวว่าที่บุตรเขยหรือว่าที่สามีของเทพธิดาหงส์เพลิง ทั้ง 11 คนได้เห็นว่า ตัวของเต้าเหล่ยแม้เป็นรองเพียง เต้าอิงเฉิงในฐานะแต่สำหรับฝีมือใครๆก็รู้ว่าเต้าเหล่ยไม่ได้มีเพียงคำอวดอ้าง แต่ว่าเจ้าหนุ่มแปลกหน้าที่อ้างว่าตนมาร่วมงานในครั้งนี้ โดยใช้เทียบเชิญมาอ้างและสร้างความวุ่นวายย่อมเป็นที่ไม่พอใจแก่พวกมันเหล่าคุณชายทั้งหลายที่หวังพึ่งบารมีเต้าเหล่ยในอนาคตไม่

 

แต่สำหรับคนที่นั่งอยู่เงียบๆและรอชิงชัยกับเต้าอิงเฉิงกลับสนใจในตัวชายหนุ่มผู้ผลักตนเองลงสู่ขอบเหว

“ฮ่าๆๆๆ ที่ดินแดนทางใต้ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพหงส์เพลิง กลับมีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้น ข้ามู่หยงแห่งแดนมังกรฟ้า คิดว่า แดนหงส์เพลิงจะมีจัดการปัญหาคราวนี้ในเร็วที่สุดหรือ?”

คำพูดที่กดดันนี้สร้างความหนักใจแก่ ผู้นำตระกูลเร่อเป็นอย่างมาก ในเมื่อคุณชายเต้าเหล่ย

อยากยืมสถานที่ก็ปล่อยเขาและจะได้รู้ว่า ชายผู้แอบอ้างตนซะใหญ่โตว่าตนเองสามรถล้มยักษ์ใหญ่ตระกูลเต้าที่ร่ำลือว่าครอบครองกายศักดิ์สิทธิ์

จะเป็นเช่นไร

 

เมื่อวันนี้เป่าฮู่เองก็ไม่คิดที่จะหดหัวในกระดองอยู่แล้ว โอกาสอันดีที่จะใช้เวทีนี้ประกาศให้โลกรู้ว่า แดนเสวียนอู่ ผู้ฝึกยุทธ์ธาตุน้ำยังคงมีความสามารถอยู่

เป่าฮู่ได้ก้าวออกไปด้านหน้าหย่วนชิวหยู ก่อนกล่าวออกไปว่า

“ลำบากท่านแล้วคุณหนูตระกูลหย่วนช่วยหลบไปด้านข้างสักพัก ส่วนท่านคุณชายเต้าเชิญ”

คำเชื้อเชิญที่ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินนั้นทำให้เต้าอิงเฉิงเกิดสนใจในตัวเป่าอู่เป็นอย่างมาก

และเต้าอิงเฉิงก็หันไปพิจารณาว่าทำไม คุณชายเป่าอู่คนนี้ถึงได้ผลักตนเองลงสู่ขอบหุบเหว

เพียงได้มองพิจารณาตัวหย่วนชิวหยู่ด้วยดวงตาที่เป็นความลับของตนเอง

ทำให้ตัวเต้าอิงเฉิงต้องสั่นสะท้าน ด้วยสิ่งที่ดวงตาคู่นั้นได้เห็นคือเปลวเพลิงที่โชติช่วง

ในกายนาง กลับมากพอที่จะสะบั้นเร่อเว่ยชูลงได้ แต่เหตุไฉนทำไมตัวของ

หย่วนชิวหยูจึงไม่แสดงพลังนั้นออกมาอย่างที่เทพธิดาหงส์เพลิงคนอื่นๆทำ

 

เพียงการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เต้าอิงเฉิงหันหน้าไปที่แท่นหินทำพิธีและคุ่นคิดเพียงชั่วคู่ก็ทราบถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังฉากม่านการแสดงนี้

จากนั้นไม่รอช้า เต้าอิงเฉิงไม่สนใจ เต้าเหล่ยผู้เป็นญาติลุกขึ้นมาและเดินออกมาจากสนามประลอง ทำห้ใบหน้าของผู้ติดตามเกิดความสับสน

“คุณชายท่านกำลังจะไปที่ไหนขอรับ?”

 

เต้าอิงเฉิงที่มองไปทางเป่าฮู่ก่อนที่จะหันหน้าไปทางเต้าเหล่ย ก่อนจะกล่าวว่า

“เต้าเหล่ยนี่คืองามชมสาวงาม หากเจ้ามีแค้นส่วนตัวจงเก็บไว้ชำระมันครั้งหน้า อย่าได้แสดงสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าผู้คนให้เสื่อมเสียเกียรติตระกูล”

 

คำพูดนั้นดั่งพัดเหล็กที่แข็งแกร่งตบเข้าไปที่หน้าเต้าเหล่ยอย่างจัง เต้าอิงเฉิงเจ้าปีศาจในคราบมนุษย์กลับ ออกหน้าเพราะเจ้าหนุ่มคนนี้

“อิงเฉิงเจ้า! มันจะไม่มากเกินไปหรือที่หักหน้าข้าในวันนี้ คิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?”

 

ตัวอิงเฉิงไม่สนใจ ก่อนที่จะหันหน้าไปทางคุณชายมู่หยงและเทพธิดาหงส์เพลิงเร่อเว่ยซู ก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า

“ทุกท่านเป็นพยาน ข้าเต้าอิงเฉิง แห่งตระกูลเต้าวันนี้ ขอสละสิทธิ์ในการประลองสนามประลองที่ ของเทพธิดาหงส์เพลิงเร่อเว่ยซู ให้แก่คุณชายมู่หยง และข้าขอท้าประลองกับคุณชายเป่าฮู่แห่งเมืองตระกูลหง เพื่อช่วงชิงดาวกาลกิณีหย่วนชิวหยูคนนี้”

เมื่อเสียงนี้ทำให้ทุกคนรวมถึงเป่าฮู่ องต้องตกใจแต่เป่าฮู่ที่รู้ดีว่า หย่วนชิวหยูคนนี้มีดีกว่าที่ทุกคนเห็นจึงหัวออกมาทันที

“ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ นับว่าคุณชายอิงเฉิงแห่งตระกูลเต้า มีสายตาที่แหลมคมมาก แต่ท่านยอมละทิ้งเทพธิดาที่งดงามว่าที่เทพธิดาหงส์เพลิงแห่งแดนใต้ เพื่อมาแย่งชิงดาวกาลกิณีกับข้าคนนี้ ท่านบ้าหรือข้าบ้ากันแน่?”

 

หลังจากนั้นเหล่าผู้คนที่พากันเงียบเพื่อรอฟังสิ่งที่ เต้าอิงเฉิงจะกล่าวตอบ ติ่งที่อิงเฉิงพูดกับกำลังสร้างความสั่นคลอนต่ออำนาจของ ตระกูลเร่อที่มีมานาน

“คุณชายเป่าฮู่ถามว่า ข้ามายื้อแย่งนางไปจากท่าน เพื่อสิ่งใด ฮ่าๆๆๆ เช่นเคยคุณชาย ข้ามีสายตาที่ดี ดังตอนที่เราเคยซื้อขายสินค้ากันที่หอการค้าศักดิ์สิทธิ์ นางต้องเป็นของข้า ด้วยดวงตาคู่นี้ข้าเห็นในสิ่งที่มีค่าในตัวนาง เช่นเดียวกับท่านที่สนใจนาง ฮ่าๆๆๆ”

เพียงเท่านั้นเป่าฮู่ก็หันไปทางสนามประลองอื่นๆ ก่อนที่จะถามเหล่าอาวุโสจากตระกูลเร่อ ถึงการทดสอบปลุกเพลิงเทพหงส์เพลิงว่าผลที่ออกมาคือที่สุดแล้วหรือยัง โดยเหล่าผู้นำจากตระกูลเร่อกลับบอกอย่างแน่ชัดถึงผลที่ออกมา ผลการประกอบพิธีคือคำขาด

เป่าฮู่จึงหันไปทางคุณชายเต้าอิงเฉิงก่อนจะกล่าวอย่างบางเบาผ่านสายลมไป

ถึงสิ่งที่เป่าฮู่คิด และนั่นก็ทำให้เต้าอิงเฉิงที่บัดนี้พุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับพัดเหล็กในมือ

“เช่นนั้นไม่ต้องพูดให้มากความรับมือคุณชาย”

ทุกคนในลานประลองได้เห็นเต้าอิงเฉิงที่ร่ำลือก้าวออกมาแสดงฝีมือและที่เห็นคือการลงมือจริงๆที่ไม่ได้สู้แบบผ่านไปที แต่คือการสู้อย่างจริงจัง

เพียงกรเยื้องย่างเข้ามา เป่าฮู่รู้ทันทีว่านี่คือการต่อสู้ที่แท้จริง ตัวเป่าฮู่ที่บัดนี้ผลึกลมปราณ ในร่างและโคจรตามเคล็ดลมหายใจเทพ ทำให้ลมปราณเต่าดำในกายได้ไหลเวียนคุ้มกันร่างกายให้กล้าแกร่งมากพอ เป่าฮู่ที่ผนึกปราณเย็นไว้ที่มือก่อนที่จะบุกเข้าจู่โจม เต้าอิงเฉิงอย่างไม่รังเรเช่นกัน

((ฉึ๊บ! )) ((เคร้ง!))

เสียงการกระทบกันของ พัดเหล็กและกระบี่เล่มงามในมือ เป่าฮู่นำกระบี่ออกมาและใช้มันเพื่อต่อสู้กับเต้าอิงเฉิง วงแหวนสีม่วงที่งดงามเผยให้เห็นถึงระดับชั้นของเป่าฮู่ ด้วยวัยเพียงเท่านี้กับเป็นถึงระดับราชาลมปราณขั้นสูง สีของวงแหวนที่เข้มข้นนั้นเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี

แต่สำหรับเต้าอิงเฉิงการมองผ่านดวงตาพลังธาตุก็ทำให้ตัวเต้าอิงเฉิงสะท้าน

พลังจากภายในของชายตรงหน้าหาใช่อะไรที่ตนเองจะต่อกรได้ แม้ช่วงชั้นลมปราณจะใกล้เคียง แต่ความหนาแน่นกลับต่างอกไป เช่นนี้นี่เองที่ทำให้เป่าฮู่ชายคนนี้มั่นใจในการที่จะกำราบเต้าเหล่ยลงได้

 

หลังจากที่ทุกคนได้เห็นทั้งคู่สลับกันบุกและรุกไล่ เป่าอู่ที่รู้ว่าตนจะเผยแสดงเกราะคุ้มกายของลมปราณเทพเต่าดำไม่ได้ จึงได้ใช้ความสามารถอย่างไม่เต็มที่ แต่ก็นับว่าการโจมตีผสานระหว่างกระบี่กับเข็มน้ำแข็งก็ทำให้เต้าอิงเฉิงต้องสะท้าน

การต่อสู้กินเวลาไปกว่า 1 ชั่วยาม ทำให้ตัวของผู้ที่นั่งชมได้ตกอยู่ในอาการที่ตื่นเต้นเร้าใจอย่างหาสิ่งใดเปรียบได้ การะบวนท่าโจมตี ผสานและกระบวนท่ารุกไล่นั้นทำให้เป่าอู่รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเป็นศัตรูกับแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มตัว จึงได้คิดจะถอย ให้ 1 ก้าว เพราะอย่างไรตัวเป่าฮู่ก็แค่สงสารดาวกาลกิณีคนนี้เท่านั้น

 

“ฮ่าๆๆๆ นับว่า 1 ชั่วยามนี้เราได้แลกเปลี่ยนฝีมือมาย่างยาวนาน คุณชาย ข้าเป่าอู่คนนี้เป็นเพียงหนุ่มพเนจร เช่นนี้เชิญคุณชายแสดงพลังทั้งหมดออกมาข้าเองก็เช่นกัน มาตัดสินกันหากใครที่เหนือกว่าก็รับมุกแห่งแดนใต้เม็ดนี้ไป”

คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของเว่ยซูร้อนผ่างออกมา เพราะชิวหยูถูกเปรียบดั่งสิ่งที่ล้ำค่า เช่นมุก มุกแห่งแดนใต้นั่นเอง

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset