การออกเดินทางไปตามแนวสันเขา และเฝ้ามองลงมาจากบนนั้นเป่าฮู่ได้รู้ว่าแสงไฟจากบ้านเรือนของผู้คนที่ห่างออกไปนั้น ในยามค่ำคืนงดงามเพียงใด หากบ้านเรือนเหล่านั้นจุดคบเพลิงหรือตะเกียงไฟยามค่ำคืน จะทำให้ภาพที่งดงามในยามค่ำคืนเกิดขึ้น
แสงจันทร์เองก็ส่องสว่างลงมา แต่ก็ไม่อาจทำให้ทุกมุนของแผ่นดินสว่างไสวได้มากไปกว่ายามตอนกลางวัน แต่เงาร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปตามร่มเงาของต้นไม้ ด้วยความแผ่วเบา เพราะยามกลางคืนย่อมมีสัตว์อสูรที่โผล่ออกมาล่าเหยื่อของมัน
กลิ่นสาบหรือกลิ่นอายของพลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากสัตว์ใหญ่ ทำให้เป่าฮู่เองยังต้องระมัดระวังภัยจากธรรมชาติที่มักมีอะไรที่เหนือความคาดหมาย เหล่าฝึกยุทธ์ในอดีตแม้จะมีความสามารถสยบฟ้าทลายดิน แต่ก็ยังพบจุดจบยามที่ไม่ระวังตัวลดการป้องกันตนเองลงจากที่ควรจะเป็น
ด้วยความมืดมิดแม้มีแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมา แต่ก็เพียงบางเบาเป่าฮู่เดินทางมาก็ 1 วันแล้วและตัวเป่าฮู่จะต้องรีบกลับเพื่อไปรับเอาดอกราตรีกลืนวิญญาณ เพื่อยกระดับของการฝึกยุทธ์ของตนเองให้มากยิ่งขึ้นไปอีก วันเวลาจะปล่อยให้ผ่านเลยไปอย่างไม่มีประโยชน์ไม่ได้ เป่าฮู่คิดเช่นนั้นเสมอ และหลังจากการตัดสินใจล่วงเกินตระกูลเต้าไป นั่นถือเป็นการประกาศเป็นศัตรูกับแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ณ ตระกูลหย่วน
หลังจากที่หย่วนชิวหยูได้เดินทางกลับมาในฐานะดาวกาลกิณีที่ทรงคุณค่า ด้วยสิ่งนั้นถูก
กลบและกลืนกินด้วยความจริงที่ว่าตระกูลเร่อปกปิดความจริง เรื่องการใช้อักขระพิเศษในการกลั่นแกล้งตระกูลหย่วน แดนใต้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ตระกูลหย่วนไม่ยอมรับการตัดสินในครั้งนี้ แต่กลุ่มของตระกูลเร่อก็ยังคงมีอำนาจที่จะบดบัง ความจริงได้แม้จะเพียงส่วนหนึ่งแต่ก็เพียงพอแล้ว
ด้วยเวลานี้ตระกูลหย่วนได้รับไมตรีจาก เต้าอิงเฉิงด้วย สิ่งนี้ทำให้การลงมือของตระกูลเร่อเริ่มมีปัญหา เพราะเร่อต้วนชุยได้ผู้สัมพันธ์กับตระกูลมู่แห่งแดนบูรพาไปแล้ว ขุมพลังจึงไม่อาจที่จะเทียบตระกูลเต้าแห่งแดนศักดิ์ได้
วันนี้เต้าอิงเฉิงได้เดินทางออกจากตระกูลหย่วนไป เพราะได้รับรายงานว่า
เต้าเหล่ยเริ่มลงมือกับเป่าฮู่ขณะเดินทางกลับ และผลที่ได้มาก็คือ เมืองซื่อตู่พินาศย่อยยับ จนสร้างความเสื่อมเสียต่อตระกูลและทำให้ผู้เป็นบิดาของเต้าอิงเฉิงโกรธมากเช่นกัน ที่ถูกเจ้าบ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาลูบคมตระกูลใหญ่แห่งแดนศักดิ์สิทธิ
เพียงการจากไปของเต้าอิงเฉิง ตัวหย่วนปง ผู้นำตระกูลหย่วนก็ได้เรียกประชุม
ด้วยเสียดายที่เด็กหนุ่มนามเป่าฮู่คนนั้นไม่ได้ครอบครองหลานสาวตนเอง
“พวกเจ้าทุกคนที่มาในวันนี้ ข้ามีเรื่องที่พวกเจ้าไม่อาจรู้ได้ นั่นก็คือ สิ่งที่ตระกูลเร่อทำกับเราและกลุ่มตระกูลใหญ่ทั้งหลายในดินแดนนี้”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ทุกคนในสมาชิกตระกูลหย่วนหลังได้รับการฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม ก็เริ่มอยู่ในโอวาสของผู้เฒ่าหย่วนปงอีกครั้ง
“ท่านผู้นำ คิดเห็นเช่นไรขอรับ?”
หย่วนปงผู้เคยทำนายดวงชะตาของ เป่าอู่เอาไว้จึงกล่าวออกมาว่า
“ข้าหย่วนปงได้เคยทำนายดวงชะตาของคนผู้หนึ่งไว้ และคนผู้นั้นจะต้องสร้างความยิ่งใหญ่แก่แผ่นดินนี้ ทั้ง 4 ดินแดนจะสยบใต้เท้าของเขาเพียงผู้เดียว และข้าจะมอบความสุขและความมั่งคั่งแก่เราตระกูลหย่วนไปอีก หมื่นปี สั่งการลงไปส่งตัวแทน ไปผูกสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหงแห่งเขตปกครองเสือขาวไว้ก่อน
เจ้าคิดเช่นไรหย่วนจื่อหรง”
เมื่อการไถ่ถามไปยังจื่อหรง มีหรือจื่อหรงจะขัดคำตัดสินนั้น และตัวจื่อหรงกลับคิดว่านั่นเป็นการดีเสียอีก
“แล้วแต่ท่านพ่อที่จะตัดสินใจ”
การได้มาซึ่งความยิ่งใหญ่ในอนาคตใครบ้างที่จะปฏิเสธลงได้ และหย่วนจื่อหรงก็คนหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เพียงการตัดสินใจนั้นและภาพที่ได้เห็นท่าทีของบิดาและได้ฟังมาจากเหล่าอาวุโสที่ไปร่วมงาน การประลองวันนั้นแม้ในสายตาของทุกคนเต้าอิงเฉิงจะชนะ แต่สำหรับบุตรของตระกูลใหญ่กับชายผู้มาจากเมืองเล็กๆ สิ่งที่เป็นเครื่องช่วยเสริมยอมต่างกัน และตามข่าวที่ได้มาวันนั้นเต้าอิงเฉิงสวมใส่เครื่องป้องกัน ส่วนเป่าฮู่ไม่มีสิ่งใดนอกจากความแข็งแกร่งทางกาย
แต่กลับยังมีอีกหนึ่งคนที่รู้สึกเสียดาย แม้ใจหนึ่งจะรู้สึกดีที่นางมิได้ตกเป็นภรรยาของเจ้าอ้วนน่ารังเกียจคนนั้น แต่เต้าอิงเฉิงบอกว่าจะส่งสารบอกกลับจากตระกูลมาในอีกไม่กี่วัน เพื่อให้ทางผู้เป็นบิดาพิจารณาการตัดสินใจในครั้งนี้
แต่ในความเป็นจริง เต้าอิงเฉิงรู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้จึงไม่อยากที่จะครอบครองของๆใคร
การที่ได้ช่วยนางออกมาจากสถานะนั้นก็ดีมากแล้ว เป้าหมายของเต้าอิงเฉิงมีเพียงการเอาชนะเจ้าเป่าฮู่คนนั้นด้วยความสามารถที่แท้จริง และเมื่อทราบการกระทำของเต้าเหล่ยก็ทำให้เต้าอิงเฉิงโกรธมากที่สุด
ด้วยการเดินทางผ่านเรือเหาะนาวาปราณทำให้ไม่กี่วัน เต้าอิงเฉิงก็กลับมาถึงยังนครศักดิ์สิทธิ์และรายงานเกี่ยวกับคู่แข็งที่ตนหมายตาจะมีใครแตะต้องเขาคนนี้ไม่ได้ ด้วยความต้องการนี้ แม้ตัวของผู้เป็นบิดาของเต้าอิงเฉิงจะไม่สบอารมณ์แต่การที่ได้เห็นแววตาเอาจริงของลูกชาย ตัวของเต้าเจิ่งผิง ได้ยิ้มออกมาแทน
“ฮ่าๆๆๆ ดี ดี แววตาแบบนี้ดี สั่งการลงไป ให้หยุดการตามล่าเจ้าบัดซบเป่าฮู่คนนั้น มันต้องมาแน่ในศึกชิงเจ้ายุทธ์ที่ทางเราจะจัดขึ้น และวันนั้น จะเป็นวันตายของมัน”
คำสั่งการนี้สั่งไปถึงทุกมุมเมือง โดยตัวของเต้าเหลียนคุน ผู้นำตระกูลรองบิดาของเต้าเหล่ย กลับรับการตัดสินใจนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้าตระกูลได้ ดังนั้นตัวของเต้าเหลียนคุนจึงเปลี่ยนมาใช้แผนสำรอง ส่งข่าวไปยังเมืองต่างๆในแดนเสวียนอู่ที่เป็นเขตปกครองของนครศักดิ์ ให้ทุกสำนักจัดการเจ้าหนุ่มนี่หากมันไปเยือนที่ดินแดนนั้น และตามตัว เจ้าเมืองซื่อหม่ามาพบตนทันที
ณ ปากทางเข้าเทือกเขาอสรพิษ
ด้วยการเดินทางที่เร่งรีบในที่สุดเป่าฮู่ก็มาถึง และใช้เวลาไปกว่า 2 วัน ด้วยความเหนื่อยล้าวันนี้เป่าฮู่จึงจะหยุดพักก่อน 1 วัน และที่แปลกใจ การเดินทางผ่านเมืองซื่อหลาง กลับเห็นทหารประจำเมือง พากันนำแผ่นป้ายรูปภาพของตนเองออกและมีเสียงซุบซิบนินทราออกมาว่า ท่านผู้นำของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้ยกเลิกการตามล่าเจ้าหนูโสโครกเช่นเป่าฮู่ และให้ทำหน้าที่ปกติของตนเองไป
ด้วยความสงสัยนี้แม้ในบางครั้งจะทำให้เป่าฮู่ครุ่นคิดไปต่างๆนานา แต่เทพเต่าอักขระก็คงเตือนสติของชายหนุ่มว่า จะไปสนใจอะไรในสิ่งที่ยังไม่เกิดสู้ทุ่มเทเวลาไปกับเทอกเขาด้านหน้า ที่มีเหล่าอสูรลมปราณมากมายที่รอคอยการมาของตัวเป่าฮู่เอง