ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 39

เมืองซื่อหลางอันเป็นดินแดนที่ติดกับเมืองเซี่ยหยูของเขตปกครองเสือขาวแห่งทิศประจิม เพียงมีขุนเขาที่ยิ่งใหญ่ขวางกันและขุนเขาเหล่านั้นที่ตัวเป่าฮู่จะต้องเยื้องย่างเข้าไป เพื่อให้พบเจอกับเขาอสรพิษที่เล่าลือกัน ณ ที่แห่งนั้นเป่าฮู่ต้องได้มาซึ่งอสูรลมปราณที่คู่ควรกับวงแหวนวงที่ 4 ของเป่าฮู่

แสงแดดที่ร้อนแรง แผดไหม้ในเมืองซื่อหลางไม่ได้ทำให้เหล่าผู้คน พากันโอดครวญแต่อย่างเดียว ในดินแดนศักดิ์นี้ยังมีหลายต่อหายสิ่ง ที่เป่าฮู่ต้องลอบเข้ามาศึกษาและเก็บข้อมูลไว้

หากสักวันตัวเป่าฮู่จะโค่นล้มดินแดนที่น่ารังเกียจแบบนี้ เหล่าผู้คนที่ดำรงชีวิตนั้นก็มิได้แตกต่างจากดินแดนเสวียนอู่เท่าใดนัก แต่ว่าการปกครองนั้นต่างกันมากนัก ชนชั้นของผู้คนนั้นกำหนดมาอย่างชัดเจน

 

การเดินผ่านกลุ่มขอทานที่นั่งอยู่ตามจุดต่างๆของมุมเมือง มีอีกหลายคนที่เสนอขายตนเองต่อนักเดินทาง ท่ามกลางสายตาที่ชินชาของเหล่าผู้คนที่สัญจรไปมาในเมือง เป่าอู่ได้เห็นสิ่งที่เป็นอยู่แบบนี้ของเหล่าผู้ที่ต้องดิ้นรนหาทางรอดของชีวิต

 

แต่สำหรับคนเหล่านี้ เพียงขอแค่มีชีวิตรอดและมีอาหารลงท้องบ้างก็เท่านั้น เป่าฮู่ที่สุดจะเวทนาสังคมที่เหลื่อมล้ำกันมากขนาดนี้ ก็รู้สึกสงสาร แต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ในตอนนี้

(พวกเจ้าจงรอวันที่ฟ้าจะหันมาสนใจเจ้า ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดในการโค่นล้มพวกสารเลวพวกนี้)

 

เพียงเท่านั้นการเดินทางที่ดีที่สุด ก็คือเร่งออกจากเมืองมุ่งหน้าสู่เขตเทือกเขาอสรพิษอันน่าหวาดกลัวของชาวเมือง แต่สถานที่อันสุดแสนจะอันตรายก็ยังมีผู้คนออกเสาะหาอาหารและ ฝึกฝนตนเองเป็นประจำเพียงในส่วนลึกนั้นมักไม่มีใครลุกล้ำเข้าไป

การมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาอสรพิษและได้เห็นกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางพากันกลับออกมาจากหุบเขา และในตะกร้าใบใหญ่ด้านหลังนั้นกลับเป็นสมุนไพรที่ถูกเก็บมาและไม่ได้ถูกเก็บในสภาพที่สมบูรณ์

“นี่พี่ชาย พี่ชาย พวกท่านมาทำอะไรในป่าอันตรายแบบนี้?”

เป่าฮู่ถามออกไปทั้งที่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้คือคำถามที่โง่ที่สุดที่เคยถามมา แต่เพื่อให้ได้รู้คำตอบที่แน่ชัดจำเป็นต้องถามออกมาให้กระจ่าง

เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ในตะกร้า เป่าอู่ก็ตกใจเพราะนั่นคือสิ่งที่เฒ่าชราหลางจงบอกให้ชายหนุ่มเสาะหามันมาด้วยตลอดการเดินทางไปสู่หุบเขาอสรพิษ เพราะสมุนไพรเหล่านี้เจ้าพวกอสรพิษมักชอบกัดกินเพื่อเสริมสร้างคุณค่าต่อตัวมันเอง

 

“เอ่อ พี่ชายทำไมพวกท่านไม่เก็บสมุนไพรเหล่านี้ในวงแหวนมิติเก็บของ หรือกระเป๋าเก็บของหละ นำใส่ตระกูลเช่นนี้มิทำให้เสียคุณค่าของสมุนไพรล้ำค่าหรอกหรือ?”

คำถามที่ถามออกมาทำให้เป่าฮู่ต้องตกใจที่ตัวเป่าฮู่เองเพราะคนเหล่านี้ไม่มีทางที่จะเก็บของเหล่านั้นได้ในวงแหวนอัญเชิญ เพราะพวกมันทุกคนที่ถูกปล่อยให้มีชีวิตรอดมาได้นานถึงเพียงนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว

“คุณชาย ข้าไม่รู้หรอกนะว่าท่านมาจากที่แห่งไหน แต่ว่าพวกข้าที่เป็นทาสไม่มีโอกาสที่จะได้รับของเหล่านั้นแล้ว แม้จะเป็นทาสที่ถูกเจ้านายขับไล่ออกจากตระกูลเพราะป่วยหรือไร้คุณค่าต่อการชุบเลี้ยง พวกข้าทุกคนล้วนถูกทำลายจุดลมปราณเป็นคนพิการที่ไม่มีวันหวนกลับมามีสิ่งที่เรียกว่าวงแหวนอัญเชิญได้อีกแล้ว”

 

หลังจากได้ฟังสิ่งที่ชาวบ้านทั้งหลายกล่าวเป่าฮู่ก็สงสารและมองดูคนเหล่านี้ด้วยสายตาที่เวทนาต่อชีวิตที่แสนลำบากนี้

“เช่นนั้นพวกท่านจะนำสมุนไพรเหล่านี้ไปขายที่ใดได้ในเวลานี้?”

ชาวบ้านก็หันไปมองหน้ากันพร้อมกล่าวออกมาว่า

“วันนี้คงไม่มีประโยชน์เราคงจะเก็บมันไปมอบแก่ทายาทของเราให้ใช้บำรุงร่างกายแทนที่จะนำไปแลกเงินมาเลี้ยงชีวิต”

 

เมื่อความน่าสงสารเป่าฮู่ไม่อาจที่จะทนทำใจละทิ้งไปได้ จึงกล่าวว่าสมุนไพรเหล่านี้ข้าไม่รู้ว่า

“ราคามันเท่าไหร่ แต่ว่าเอาเช่นนี้ ข้าจะขอแลกมันกับหินลมปราณระดับกลาง 10 ก้อนแล้วกัน พวกท่านทั้งหลายจงนำเงินเหล่านี้ไปแบ่งกันตามสัดส่วนและข้าจะขอสมุนไพรเหล่านี้มาก็แล้วกัน”

 

จำนวนเงินก้อนนี้สำหรับพวกทาสไร้ความสามารถเช่นนั้นกลับมากเสียยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เป่าฮู่ได้เก็บสมุนไพรเข้าไปในวงแหวนอัญเชิญ และรีบมุ่งหน้าเขาไปยังหุบเขาที่มืดมิดด้านหน้า

 

การเข้าไปในส่วนลึกด้วยท่าเท้าที่พลิ้วไหว และเพียงไม่นาน ใต้เคล็ดท่องวารีก็ทำให้เป่าฮู่มาถึงยังเขตแดนนอกของหุบเขา เสียงสัตว์ป่าที่กู่ร้องในเขตป่าใหญ่ อันตรายสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายจะเริ่มจากจุดนี้

“ที่นี่สินะ จุดปลอดภัยสุดท้าย เอาหละได้เวลาท้าทายอสูรลมปราณ 1000 ปีมาเป็นวงแหวนแล้วสิ”

 

การที่จะช่วงชิงลมหายใจสุดท้ายของอสูรลมปราณและทำให้มันเหล่านั้นกลายมาเป็นพลังให้ตนเอง ก็ต้องดูด้วยว่าอสูรเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งเท่าไหร่ พวกอสูรลมปราณจะแบ่งชนชั้นการปกครองตามอายุปี ตัวที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามจะมีอายุที่ยืนยาวนานหลายพันปี หรืออาจะเป็นหมื่นปี

หากผู้ที่เป็นนักล่าได้พบเจอและมีระดับยุทธ์ที่อ่อนด้อยกว่าย่อมไม่อาจที่จะนำพาชีวิตของมันผู้นั้นกลับออกมาได้เพราะอสูรลมปราณมักก้าวร้าวและดุร้ายเสมอ

 

ดังนั้นตอนนี้เป่าอู่ก้าวเท้าเหยียบย่างเข้าไปในดินแดนที่เรียกได้ว่ามีอสรพิษที่ร้ายกาจแฝงตัวอยู่มากมาย เพียงเขามาได้ไม่นานก็พบว่าเต่าอักขระก็เรียกออกมาเตือนสติของนายของมัน

 

“เจ้าหนู เจ้าคิดได้เช่นไรที่ไมปิดบังตัวตนของตนเองในป่าใหญ่เช่นนี้ และกล้าที่จะปลดปล่อยลมปราณออกไปเพื่อล่อลวงพวกสัตว์ร้ายเหล่านั้นให้เข้ามา เจ้านี่มันร้ายกาจนัก”

 

คำกล่าวนี้ไม่คิดว่าจะมาจากเต่าโบราณที่เป็นอสูรลมปราณ การที่ชื่นชมสิ่งที่เลวร้ายต่อเผ่าพันธุ์ของตนเอง กับผู้เป็นนายนี้นับว่าเต่าอักขระได้เห็นแล้วว่านายของมันต้องก้าวขึ้นไปในจุดที่สูงมากพอจะสั่นสะเทือนโลกหล้าได้

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset