การที่เป่าฮู่ชายหนุ่มจากแดนเหนือผู้ที่กำลังเหยียบย่ำเขตแดนของเหล่าอสรพิษร้ายในหุบเขาอสรพิษร้ายกลุ่มนี้ แต่ใต้แรงกดดันจากสภาพแวดล้อมทั้งหลายที่บรรยากาศเริ่มมืดลง ทันทีที่ชายหนุ่มเหยียบย่ำเขามาในหุบเขา เป่าฮู่ที่ใช้สายตาที่ปรับการมองเห็นของแสงสว่างในหุบเขาเรียบร้อย ก็พบว่าตนเองยังพอที่จะหาที่พักในคืนแรกนี้ได้
แต่ขณะที่กำลังเหยียบย่ำลงไปในทางเดินที่สร้างเองนั้น กลับพบสิ่งที่มิได้คาดคิดพุ่งเข้ามาหมายทำร้ายตัวเป่าฮู่อ่างมิทันตั้งตัว
(((ฟ่อ!))) เสียงพุ่งออกมาฉกบริเวณ ใบหน้าแต่เป่าฮู่ที่โคจรลมปราณเต่าดำตลอดเวลาและใช้การรับรู้ผ่านการควบคุมลมหายใจ เปิดสัมผัสรอบกาย จึงมิได้พลาดท่าอย่างง่ายดายต่อการมุ่งทำร้ายของอสูรลมปราณระดับ 10 ปีตัวน้อยนี้
“บัดซบ! กล้าทำร้ายข้าคนนี้”
เสียงสบถที่ดังออกมาเป็นการกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มือที่ผนึกลมปราณธาตุน้ำเอาไว้ ด้วยพลังจากแก่นแท้แห่งเหมันต์ที่แฝงมาในลมปราณ ทำให้ฝ่ามือที่คว้าเอาร่างของอสูรตัวน้อยสายพันธุ์แปลกตาไว้ และทำให้ร่างอสรพิษน้อยกาลายเป็นแท่งน้ำแข็งในฉับพลัน
เมื่อเต่าอักขระที่เกาะอยู่บนหัวของชายหนุ่มได้เห็นก็เปิดตามองมาที่อสรพิษน้อยตัวนั้นก่อนจะบอกให้เป่าฮู่ส่งมันมาให้ตน
“ส่งมันมาเจ้าหนู ข้าจะกินมันไปในขณะที่เจ้าเดินทางหาที่พัก”
ขณะที่ได้ฟังใบหน้าที่ชาไปทั้งหน้าของเป่าฮู่ก็ร้อนผางขึ้นมา
“กิน ท่านจะกิน เจ้าเนี่ยนะ?”
แต่ท่าทางของเต่าอักขระกลับไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนที่เต่าอักขระจะบอกแก่เป่าฮู่ถึงสิ่งที่เต่าอักขระกำลังจะทำให้เจ้าเด็กมนุษย์บ้านี้ดู
“ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่รู้ว่าอสรพิษชนิดนี้จะมีประโยชน์อีกแบบหนึ่ง เพราะว่าธรรมดาแล้ว กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ที่แดนศักดิ์สิทธ์นี้ข้าดูแล้วไม่มีใครสามารถใช้ธาตุเหมันต์หรือธาตุน้ำเช่นเจ้าได้ การที่จะรู้ถึงสิ่งนี้คงยากมากเป็นแน่ หรือเชื่อเถอะว่าพวกที่เรียกตนเองว่าหมอเทวาของพวกมนุษย์คงไม่มีใครรู้มาก่อนว่า เจ้าอสรพิษฟ้าครามนี้ สามารถนำมาเป็นตัวก่อกำเนิดทางร่างกายของเราที่จะต้านพิษจากราชาของพวกมันได้”
เมื่อกล่าวถึงพิษย่อมสามารถรับรู้ได้ว่าอสรพิษย่อมมีพิษเป็นของคู่กันอยู่แล้วและอสรพิษที่มีพิษร้ายกาจย่อมเป็นราชาแห่งพิษที่ร้ายกาจเป็นแน่ ก่อนที่จะล่ามาเป็นวงแหวนได้ย่อมต้องระวังพิษที่ร้ายกาจของมันก่อน
เพียงเต่าอักขระตัวร้ายก็ไม่ต้องการให้นายของมันตกตายไปไวนักจึงบอกเป็นนัยน์ว่าเจ้าพิษจากอสรพิษตัวน้อยนี้ก็เป็นพิษตัวอย่างที่ควรนำมาสู่ร่างกายเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันของมันเอง
“ฮ่าๆๆๆ ข้ารู้แล้ว ขอบคุณท่านมาก เทพเต่าของข้า กินมันลงไปเพื่อให้ร่างกายจดจำพิษร้ายนี่ไว้และก็ให้ร่างกายค่อยๆสร้างสิ่งที่เรียกว่าสารต้านพิษไว้นั่นเอง”
แต่ในขณะที่เป่าฮู่เฝ้ามองเต่าอักขระกัดกินอสรพิษฟ้าครามตัวน้อยนั้น และมีอักขระบางอย่างที่รายล้อมพิษที่กระจายเข้ามาในร่างกายของเต่าอักขระ และทำให้เป่าฮู่ตกใจว่าอักขระเหล่านี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์เช่นนี้ได้ด้วย
“นั่นมัน!”
เพียงได้เห็นการควบคุมอักขระที่เปล่งประกายออกมารายรอบตัวเต่าอักขระและควบคุมพิษไว้เพื่อให้ร่างกายดูดซับมันลงไป
เป่าฮู่ได้เห็นก็คิดว่าคงเป็นสิ่งนี้ที่ทำให้เต่าอักขระมีความสามารถที่เหนือกว่าที่ความนึกคิดของเป่าฮู่จะรับรู้ได้ แต่ขณะที่จะเสาะหาตัวอสรพิษฟ้าที่อยู่รอบๆอีกครั้งกลับพบว่าเต่าอักขระกลับกล่าวร้องออกมาห้ามปรามไว้
“ช้าก่อนเจ้าหนู ในเมื่อเจ้าคิดจะทำตามที่ข้าแนะนำแล้วนั้นจง อย่าพึ่งพาแต่อักขระที่ข้าถ่ายทอดให้ แต่จงใช้ลมปราณของเจ้าปรับแต่มันดูดซับมันและใช้พลังเย็นห่อหุ้มมันอย่างช้าๆจนพลังของลมปราณเย็นเจ้ามีพิษร้ายนี้แฝงไปด้วย แต่ถึงขั้นตอนนี้พิษอาจแล่นเข้าสู่จุดชีพจรของเจ้า ข้าจะใช้พลังแห่งอักขระในตัวข้าชำระล้างมันออกไปให้”
แต่ใต้วาจาและแววตาของเต่าอักขระนั้น ล้วนแต่มีเพียงความจริงเพียง 3 ส่วน หากที่เหลือคือสิ่งที่จะใช้ทดสอบชายหนุ่มก่อนที่จะเผชิญหน้ากับราชาอสรพิษร้ายที่ชอบทรมานเหยื่อของมันด้วยพิษร้ายที่มันแสนจะภาคภูมิใจ ในบรรดาพิษของเหล่าสายพันธุ์อสูรลมปราณชนิดนี้นับว่าอสรพิษฟ้าครามเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายกาจชนิดหนึ่ง
“ท่านเห็นว่าข้าควรใช้พลังลมปราณในการควบคุมได้ เมื่อเทพเต่าเช่นท่านบอกมามีสิ่งใดที่ข้าต้องไม่เชื่อ เช่นนี้ก็คงพอแล้ว ((((ครั๊บ)))) อื่ม….อั๊ก!”
การกัดเพียงหนึ่งครั้งบนซากอสรพิษฟ้าคราม ก็ทำให้เป่าฮู่นำพิษอันร้ายกาจเข้าสู่ร่างกายของตนเอง จนทำให้ในห้วงสำนึกของเป่าฮู่รับรู้ถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ด้วยร่างกายที่เริ่มร้อนลุ่ม ความอัดอั้นทรมานจากพิษที่เริ่มไหลเวียนในจุดต่างๆของร่างกาย เริ่มจากลำคอลงไปถึงช่วงท้อง
“((อั๊ก! )) ท้องข้า”
เพียงเท่านั้นเจ้าเทพเต่าบ้าก็กระโดดออกไปจากส่วนหัวของเป่าฮู่ พร้อมเฝ้ามองร่างที่ทรุดลงไปที่พื้นและเริ่มดิ้นทุรนทุราย ด้วยความทรมานแสนสาหัสจากพิษในตัวของชายหนุ่ม
เวลายิ่งผ่านไปนานเพียงใดพิษที่ดูว่าน้อยนิดกับลุกลามไปทั่วร่าง ผิวหนังเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นสีเขียวและหากใครได้เห็นเหตุการณ์นี้ คงไม่คิดว่าจะมีคนบ้าที่ไหนกล้าพอจะหันหน้ามาท้าทายกับพิษที่แสนร้ายกาจ
หากแต่ว่ายังมีชายหนุ่มที่บ้าพอที่จะทำในสิ่งเหล่านั้น แต่ความบ้าและความโง่มักมาพร้อมกัน การหลงเชื่อในสิ่งที่ตนเองไม่แน่ใจหรือไม่รู้มาก่อนนั้นอาจนำพามาซึ่งความตายในไม่ช้า
แต่กระนั้นเจ้าเต่าบ้ากลับหัวเราะดีใจด้วยท่าทางอัปลักษณ์ แม้ตัวของมันจะมีขนาดเท่าฝ่ามือของชายหนุ่ม กลับส่งเสียงร้องออกมาอย่างสะใจ เพราะตลอด100ปีผ่านมาเจ้าเต่าถูกกักขังในวงแหวนอัญเชิญของชายหนุ่มในถ้ำที่มืดมิดมาตลอด แม้จะสามารถออกมาได้เป็นบางครั้งแต่ก็เพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น
เมื่อดวงตาของชายหนุ่มเริ่มแดงกร่ำดั่งมีโลหิตอัดแน่นอยู่ด้านใน เพียงเสี้ยวอึดใจเป่าฮู่กับมองเห็นท่าทางที่เย้ยหยันของเจ้าเทพเต่าบ้าตนนั้น ภายในใจกับคิดว่า หากบิดาหลุดรอดจากตรงนี้ไปได้ จะทำให้เจ้าเทพเต่าบ้าตนนี้รู้สึกสำนึกกับการกระทำในครั้งนี้
(บัดซบ! อย่าให้บิดาผ่านสิ่งที่เป็นอยู่ไปได้ เจ้าเต่าบ้า)