การได้เห็นท่าทางอันแสนจะน่าเวทนาของเป่าฮู่เต่าอักขระก็ได้หยุดการเยาะเย้ยถากถาง
พร้อมกระโดดเข้ามายังก้อนหินที่ใกล้ส่วนหัวของเป่าฮู่ก่อนที่จะบอกกล่าวต่อสิ่งที่ชายหนุ่มพึงให้เร็วที่สุด
“ความเย็น จากลมปราณ จงชักนำแก่นแท้แห่งเหมันต์ในกายเจ้าให้มันได้รับรู้ถึงภัยคุกคามเจ้าจงชักนำพิษเหล่านี้ไปที่ตันเถียนของเจ้าให้มันพบเจอกับแก่นแท้เหมันต์
เพื่อที่มันจะได้ต่อต้านกันเอง แต่เจ้าจงแช่แข็งเจ้าพิษนี้ไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งจงชักนำมันไปในตันเถียนรีบทำซะ”
คำกล่าวเตือนถึงสิ่งที่เป่าฮู่ควรปฏิบัติให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นจะเสียโอกาสที่ร่างกายจะสร้างสิ่งต่อต้านออกมา และสิ่งนั้นก็คือการกระตุ้นแก่นแท้ให้เติบโตขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เมื่อมีภัยคุกคามย่อมต้องสร้างบางสิ่งปกป้องร่างกายอันเป็นแหล่งให้กำเนิดพลังที่หล่อเลี้ยงตนเอง
การที่มนุษย์คนหนึ่งได้พยายามชักนำพิษร้ายกาจชนิดนี้เข้าไปในตันเถียน โดยที่เป่าฮู่ไม่รู้หรืออย่างไรว่าพิษจากอสรพิษฟ้าครามสำหรับมนุษย์นั้นจัดเป็นพิษที่ร้ายกาจอันดับต้นๆ ยิ่งราชาอสรพิษฟ้าครามยังจัดว่าเป็นราชาแห่งพิษลำดับที่ 3 ของวงศ์วานแห่งพิษเลยก็ว่าได้
โดยการกระทำที่บ้าบิ่นนี้หากสำเร็จเป่าฮู่จะสามารถใช้ลมปราณเต่าดำที่น่าหวาดกลัวได้ การป้องกันด้วยความเย็นที่เป็นพิษร้าย แบบนี้ศัตรูที่คิดจะสังหารชายหนุ่มก็ต้องกลับไปคิดใหม่อีกหลายๆครั้ง
ณ แดนศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลเต้า
เมื่อเต้าอิงเฉิงได้เดินทางมายังตระกูลรอง อันมีผู้อาวุโสหลักเดินทางมาด้วย เพื่อตักเตือนการ
กระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่แดนปกครองศักดิ์สิทธิ์ ผลที่เกิดทำให้ให้เต้าเหล่ยเดือดดาลเป็นอย่างมากเพราะการที่ถูกศัตรูเข้ามาลูบคมถึงที่นี้เป็นใครจะทนได้
“ท่านพ่อเช่นนี้ข้ามิอาจทนได้อีกต่อไป เจ้าอิงเฉิงมันมีอะไรดีกว่าข้านัก ทำไมมันถึงได้ในสิ่งที่ข้าไม่ได้ และทำไมตระกูลจึงเห็นความสำคัญของมันนัก”
เมื่อความน้อยใจก่อเกิดตัวของผู้นำตระกูลรองบิดาของเต้าเหล่ยก็รู้สึกโกรธแค้นที่ พี่ชายของตน เต้าเจิ่งผิงและท่านพ่อของตน เต้าหวงเย่ ปล่อยให้หลานชายกล้ามาหยามน้ำหน้ากันถึงตระกูล
ตัวมันก็แซ่เต้าเช่นกันทำไมลุกของมันจะยิ่งใหญ่บ้างไม่ได้และลูกชายของมันเต้าเหล่ยก็มีกายศักดิ์สิทธิ์ จะเป็นรองดวงตาแห่งพลังธาตุสักแค่ไหนกันเชียว
ตัวของเต้าเหลียงคุนเป็นชายที่มีจิตใจใฝ่หาแต่ความทะเยอทะยานเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว มีหรือจะละทิ้งช่องทางก้าวไปสู้ความยิ่งใหญ่
“เรียกเต้าเย่ซื่อมาพบข้า”
การเรียกหัวหน้ากองกำลังสังหารมาพบนั่นเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าต้องมีเป้าหมายที่สำคัญและเป้าหมายก็ไม่ใช่อื่นใด กลับเป็นการมุ่งทำลายดวงตาพลังธาตุของอิงเฉิง และป้ายความผิดให้แก่
แดนหงส์เพลิง
เพราะตระกูลหย่วนแห่งดินแดนทางใต้ได้มีการผูกมัดบางอย่างกับอิงเฉิง และตระกูลที่เสียหน้าเช่นตระกูลเร่อคงไม่อยู่นิ่งเฉย พิษแดนใต้ที่ขึ้นชื่ออาจทำให้ดวงตาของอิงเฉิงมืดบอดลงได้นั่นคือแผนที่ชั่วช้าที่สุดที่เต้าเหลียงคุน คิดขึ้นมา
ไม่นานจากนั้นทางด้านหุบขาที่ห่างออกไป ร่างกายของชายหนุ่มที่ถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นน้ำแข็งบางๆและผิวหนังล้วนกลายเป็นสีเขียวคล้ำ วันนี้เป่าฮู่ได้เผชิญหน้ากับพิษที่กำลังวิ่งวนในตันเถียนอย่างบ้าคลั่ง ไอเย็นที่แผ่ออกมารอบกายเป่าฮู่ล้วนทำร้ายพืชพันธุ์รอบกายให้ตกตายไป แม้จะเป็นเพียงพิษอ่อนๆแต่กลับทรงพลังยิ่งนัก
“นั่นแหละเจ้าหนู ดูดซับมันทำความเข้าใจกับมันและรวบรวมมันจนทำให้ก่อรูปร่างขึ้นในตันเถียน”
สิ่งที่เต่าอักขระกำลังบอกเป่าฮู่ก็คือการสร้างแก่นแท้แห่งพิษขึ้นในตันเถียน แต่การสร้างแก่นแท้เป่าฮู่รู้จักวิธีที่จะทำมันได้ พริบตาที่ความสับสนบังเกิดเทพเต่าอักขระได้เห็นท่าทางของชายหนุ่มก็รู้ได้ในทันที
“คงถึงที่สุดแล้วสินะ เอาหละ”
การกระโดดไปเหยียงบนหัวของเป่าฮู่พร้อมปลดปล่อยอักขระบางอย่างลงไปที่ตัวและอักขระตัวนั้นวิ่งไปที่ตันเถียรก่อนที่มันจะ เข้าไปช่วยก่อร่างสร้างแก่นแท้แห่งพิษในตันเถียนของชายหนุ่มอีกเม็ดหนึ่ง
“(((ก่อรูป)))(((กำเนิด)))”
เพียงการปลดปล่อยอักขระที่ทรงพลังจากเต่าอักขระผู้สืบสายเลือดจากเทพเต่าดำมา
การใช้อักขระช่วยสร้างแก่นแท้ทำให้เป่าฮู้รอดพ้นจากความทรมานที่เผชิญมา และผิวกายที่เป็นสีเขียวกลับเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง พิษที่กระจายไปทั่วตัวถูกแก่นแท้ในตันเถียนดูดเข้าไปเพื่อเป็นพลังให้แก่ตัวของมันเอง
วันที่ท้องฟ้าสดใสหลังผ่านความทรมานมาทั้งคืน เป่าฮู่ได้รบบทเรียนที่แสนสาหัสจากความอ่อนแอที่ตัวมันเองมี หากนี่เป็นพิษจากราชาอสรพิษฟ้าครามคงฆ่าชีวิตมันไปแล้ว
“เทพเต่าขอบคุณท่านที่มาช่วยข้าเอาไว้แต่ว่าท่าให้ข้าสร้างแก่นแท้แห่งพิษมันจะทำให้คนรอบกายข้าได้รับผลเช่นไร?”
เมื่อเป่าฮู่ได้ทำความเข้าใจกับตนเองแล้วจึงได้ เดินหน้าต่อไปยังส่วนลึกของดินแดนเขาอสรพิษแห่งนี้
“ไป เราต้องเสาะหาพิษให้มากกว่านี้ และทางที่ดีก็คือการสู้กับอสรพิษฟ้าครามแบบไม่ใช้ลมปราณห่อหุ้มร่างกาย”
หารฝึกตนแบบนี้มิเท่ากับว่าเปิดประตูเพื่อพบยมบาลให้เร็วกว่าเดิมเลยหรือ เต่าอักขระได้กล่าวบทเรียนสุดโหดออกไป การฝึกสอนแบบนี้ใครที่ไหนจะทำได้
“เดี๋ยวก่อนให้สู้โดยไม่ห่อหุ้มลมปราณป้องกันตัว ท่านบ้าไปแล้วหรือเทพเต่า
ข้ายังเป็นคนอยู่นะ จะให้ข้าเสี่ยงตายทุกครั้งไปเลยหรืออย่างไร?”
วันนี้เป่าฮู่ไม่อาจที่จะทนต่อการฝึกตนที่โหดหินนี้ได้ เพราะเป้าหมายของมันมีมากหมายแทนที่จะเอาชีวิตมาเสี่ยงตายแบบนี้
แต่ในขณะที่เป่าฮู่ได้กล่าวถามอยู่นั้นเต่าอักขระก็กล่าวออกมาจากห้วงแห่งความคิด
“หากคิดโค่นล้มศัตรูที่แกร่งจนไม่อาจต้านทานได้ จะมากลัวตายเพราะพิษอันน้อยนิดเช่นนี้นะหรือหากเจ้าไม่อาจฝึกฝนตนเองจนชำนาญพิษได้ดีพอ ก็อย่าคิดนำราชาแห่งพิษในพงไพรมาเป็นวงแหวนเลย เจ้าหนู และหากเจ้าสามารถทำมันได้เจ้าจะได้เขี้ยวเล็บเพิ่มมากขึ้น”
จากนั้นเต่าอักขระก็หายไปในวงแหวนอัญเชิญ โดยไม่ได้พูดจากอะไรอีกเลย
ทิ้งเป่าฮู่ให้เผชิญกับความเงียบของป่าใหญ่แห่งนี้
“ได้! ได้! เอาแบบนี้ก็ได้ข้าจะสู้และจะทำให้ดูว่าข้าแกร่งพอที่จะโค่นล้มพวกมัน”
การกระตุ้นจากจิตใต้สำนึกความคลั่งแค้นในใจก่อเกิดแรงผลักดัน เป่าฮู่เดินหน้าล่าอสรพิษฟ้าครามจนทำให้ราชาแห่งพงไพร เดือดดาลที่ลูกหลานของมันเริ่มถูกสังหารไปมากต่อมากและตลอดเวลาที่เป่าฮู่ได้สั่งสมพิษ เพื่อเสริมสร้างแก่นแท้แห่งพิษจนทำให้แก่นแท้แห่งพิษ ที่ก่อกำเนิดขึ้นในตันเถียนได้เติบโต
การสั่งสมพิษตลอดเวลาหลายวัน บัดนี้เป่าฮู่ได้กายเป็นมนุษย์ที่ไม่กลัวพิษจาก
อสรพิษฟ้าครามอีกแล้ว เพราะแก่นแท้แห่งพิษได้สร้างสิ่งป้องกันพิษโดยใช้พิษให้วิ่งวนไปในกระแสลมปราณของชายหนุ่มตลอดเวลา ลมปราณของเทพเต่าดำบรรพกาลกลับมีพิษอยู่ด้วยทำให้ผลลับร้ายกาจกว่าที่ควรจะเป็นมากนัก