ใต้สภาพแวดล้อมตรงกลางเป็นลานน้ำแข็งและกลิ่นไอ้พิษที่ระเหยไปทั่วหุบเขาอสรพิษ เป่าฮูชายหนุ่มที่ดูดซับลมปราณจากร่างของราชาอสรพิษฟ้าครามได้เพียง 3 ใน10 ส่วน เข้ามาเสริมสร้างพลังให้แก่ตนเอง จนตอนนี้ได้ยกระดับของลมปราณในร่างให้กระโดดขึ้นไปยังระดับราชันลมปราณขั้นที่ 1 แล้ว
แววตาที่เปี่ยมความสุขอิ่มเอมใจ ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มวัย 18 ย่างเข้า 19 ปีกลับสามารถเหยียบย่ำเข้าสู่ดินแดนราชันลมปราณ หากเรื่องนี้ได้ล่วงรู้ไปถึงเหล่าผู้นำดินแดนต่างๆ มีหวังคงสั่นสะเทือนฟ้าดินเป็นแน่
หากจะกล่าวถึงสิ่งที่ช่วยให้เด็กหนุ่มคนธรรมดามีพรสวรรค์มากเพียงนี้คงต้องยกความดีงามนี้แก่ เต้าหวงเย่ บรรพชนของตระกูลเต้าที่ช่วยทะลวงจุดลมปราณที่เหลือแก่ชายหนุ่ม แม้การกระทำนี้จะเป็นการล้างตราบาปของตนเองในอดีตก็ตาม
แต่สำหรับชายหนุ่มเป้าหมายยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเสียการกวาดล้างพวกแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นยังคงตั้งเด่นสง่าดั่งขุนเขาที่ต้องทลายลงให้ได้ และสิ่งที่ชายหนุ่มตระหนักถึงวันเวลาที่ผ่านมานานก็คือ ดอกราตรีกลืนวิญญาณ ยังหุบเขาซากศพที่ผู้เฒ่าหลางจงดูแลและรับปากจะมอบมันแก่ตนเอง1 ดอกเพื่อแทนคุณที่ชายหนุ่มช่วยหลานสาวของผู้เฒ่าหลางจงไปในวันวาน
“เอาหละในที่สุดร่างกายของข้าก็พร้อมแล้วที่จะดูดซับวงแหวนวงใหม่นี้”
เมื่อเป่าฮู่ได้คิดและทบทวนมานานพอสมควรระหว่างพักเอาแรง แต่เพียงนำแก่นแท้ของราชาอสรพิษฟ้าครามออกมา เทพเต่าอักขระก็กล่าวออกมาว่า
“หากคิดดูดซับแก่นแท้ของราชาอสรพิษในตอนนี้เห็นว่ายังไม่สมควร
เจ้าควรรีบเดินทางจากสถานที่แห่งนี้ก่อนแล้วค่อยหาเวลาในการดูดซับทีหลัง”
การไตร่ตรองตามคำพูดของเต่าอักขระ ภาพที่เห็นโดยรอบสถานที่แห่งนี้คือความพินาศย่อยยับของป่า จากการโจมตีรุนแรงแบบนี้ใครบ้างจะไม่รับรู้ถึงการสั่นสะเทือนโดยรอบแบบนี้ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่อยู่รอบๆคงต้องมาเพื่อพิสูจน์ดูเป็นแน่
“ถูกของท่านเช่นนั้นรีบออกไปกันจากที่นี่ก่อนเถอะ”
เพียงร่างที่ทะยานออกไปจากจุดที่เคยเป็นสถานที่ต่อสู้ของสองตัวตนที่ยิ่งใหญ่
ไม่นานจากนั้นก็มีสิ่งที่เป่าฮู่กังวลใจเข้ามาถึงสถานที่แห่งนั้นจริงๆ
ด้วยคนกลุ่มนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มอาวุโสชั้นสูงของตระกูลเต้าที่ออกเสาะหาสิ่งล้ำค่าในป่าอสรพิษแห่งนี้ และเมื่อได้พบเจอซากของอสรพิษฟ้าครามที่ถูกสังหารในลานกว้างที่กลายเป็น
น้ำแข็งและมีแต่ต้นไม้ที่หักพังลงไปมากมาย
“นี่มันฝีมือใครกัน?”
เมื่อพิจารณาการต่อสู้ที่เห็นนั้นแน่ชัดว่าต้องเป็นยอดฝีมือระดับราชาลมปราณขึ้นไป เพราะซากเจ้าอสรพิษฟ้าครามตัวนี้ล้วนถูกแช่แข็งไปทั้งตัว หากแต่แก่นแท้ของมันกลับถูกผ่าออกไปแล้ว เช่นนี้แสดงให้เห็นถึงคนที่น่ากลัวขนาดไหนกันที่ทำแบบนี้ได้
“แจ้งกลับไปที่ตระกูลหลัก ว่างานชุมนุมยอดยุทธ์ ศึกชิงตำแหน่งเจ้ายุทธ์ครั้งนี้
อาจพบเจอยอดฝีมือผู้ใช้พิษที่น่ากลัวก็ได้และยังสามารถใช้ลมปราณหยินที่น่ากลัวยิ่งกว่า ดูจากน้ำแข็งที่เกราะกุมร่างของราชาอสรพิษฟ้าครามตนนี้แล้วยังแฝงไปด้วยพิษ”
เมื่อผู้ติดตามอาวุโสหลักได้ฟัง ก็รายงานกลับไปที่ตระกูลและรีบนำซากของ
อสรพิษฟ้าครามตัวนี้กลับไปยังตระกูลโดยทันทีและจากนั้นก็มีคำสั่งให้ไปเชิญตัวยอดนักปรุงยาขั้นเทพ ผู้เฒ่ามารฟ้าโอสถหลางจงไปที่ตระกูล
“รีบไปเชิญผู้เฒ่าหลางจง มารฟ้าโอสถไปที่ตระกูลเต้าเดี๋ยวนี้”
ด้านชายชราที่กำลังเตรียมตัวจะออกจากหุบเขาซากศพ ก็พบเจอกับคนที่เฒ่าหลางจงเฝ้ารอมานานนับเดือน
ในค่ำคืนที่มืดมิดเฒ่าชรากำลังจะนำพาหลานสาวออกเดินทาง เพราะช่วงเวลานี้ทหารที่เฝ้าตรงตีนเขากำลังทำการสับเปลี่ยนหน้าที่ นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะหนีอกไปจากหุบเขาแห่งนี้
แต่ในขณะที่กำลังจะพากันออกจากบ้านพักเป่าฮู่ชายหนุ่มที่พึ่งมาถึงก็รีบกล่าวทักออกไปด้วยความสนใจในการกระทำลับๆล่อๆของชายชราและหลานสาวของมันเอง
“นั่นไม่ใช่ท่านกำลังคิดจะหนีไปจากที่นี่หรือ เฒ่าหลางจง?”
เพียงเสียงที่เฝ้ารอมานานหวนกลับมาเฒ่าชราก็รีบหยุดเท้าที่กำลังสืบไปด้านหน้าและหันกายกลับมายังต้นเสียง
“เจ้าหนู! นั่นเจ้าใช่หรือไม่?”
เป่าฮู่ก็เดินออกจากจุดที่มืดมิดออกมา ร่างที่สะท้อนกับแสงจันทราที่ส่องลงมายังโลกหล้า และทำให้เห็นใบหน้าที่ค้นเคย
“ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครท่านผู้เฒ่า”
เมื่อเฒ่าชราได้เห็นเช่นนั้นก็รีบกล่าวออกไป ถึงสิ่งที่ชายหนุ่มต้องรู้และเวลานี้ตระกูลเต้าจับตามองหุบเขาซากศพอยู่และส่งคนมาเชิญตาเฒ่าหลายต่อหลายครั้งให้ไปเยือนที่ตระกูลเต้าสักครั้ง หลังจากเล่าให้ชายหนุ่มได้ฟังชายหนุ่มกลับคิดหาแผนการดีๆออกมาได้
“อื่มเช่นนั้นก็ดีเลยสิท่านผู้เฒ่า เราจะได้หลอกใช้พวกมันให้นำของมีค่ามาให้แก่หลานสาวท่านและข้าด้วยอย่างไร”
เมื่อเป่าฮู่คิดแผนยืมมือศัตรูสร้างกำแพงบ้านให้ตนเอง ยืมทรัพยากรของศัตรูพัฒนาตนเองให้กล้าแกร่งเพื่อรอวัน ประลองเจ้ายุทธ์ที่จะจัดขึ้นในแดนศักดิสิทธิ์แห่งนี้
“เดี๋ยวก่อนท่านผู้เฒ่า ข้าน้อยขอถามท่านสักข้อว่าพวกมันต้องการท่านไปทำไมและทำไมท่าน้องหนีด้วย?”
หลังจากนั้นเฒ่าชราก็เล่าให้ฟังว่า ตระกูลเต้าพยายามที่จะให้เฒ่าหลางจงปรุงโอสถล้ำค่าให้แก่พวกมันมานานแล้ว ยิ่งล่าสุดบอกว่าได้พบโชคเจอซากของราชาอสรพิษฟ้าครามที่หุบเขาอสรพิษ ไม่รู้ยอดฝีมือคนใดดันไปสังหารราชาแห่งพงไพรและไม่ทำลายซากของมัน ทำให้สิ่งที่ตามมาเป็นการพบเจอของเหล่าอาวุโสชั้นสูงของตระกูลเต้าที่ตามเสียงการต่อสู้ในป่าลึกนั้นไป
เพียงการเล่าออกมาเป็นฉากๆเท่าก็ทำให้เป่าฮู่ลอบถอนลมหายใจออกมาและกล่าวออกไปว่า
“อื่มเรื่องนั้นท่านเบาใจได้ มีข้าอยู่ข้าทั้งคนข้าจะคุ้มครองท่านเองแต่ว่า เราต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกัน”
ข้อแลกเปลี่ยน เฒ่าชราได้ฟังก็สงสัยและมองหน้าของหลานสาวที่ตอนนี้จับจ้องไปยังใบหน้าของเป่าฮู่ดังอารมณ์ที่ต่างออกไป
“จี้เออร์ เจ้าเป็นอะไร?”
เมื่อการเรียกชื่อต้นของหลานสาวทำให้นางหันกลับมาด้วยสายตาที่เปี่ยมความสุข
เพราะชายตรงหน้าคือคนที่ช่วยชีวิตนางไว้และทำให้นางมีชีวิตรอดกลับมาอีกครั้ง
“ท่านปู่ท่านก็ทำตามที่คุณชายท่านนี้ บอกเถอะเขาว่าจะคุ้มครองเรานั่นก็แสดงว่าเขามีวิธี ท่านก็ลองฟังข้อเสนอของเขาและรีบนำดอกราตรีกลืนวิญญาณของท่านมอบออกมาให้แก่เขาซะ”
เมื่อคำกล่าวของหลานสาวสุดที่รักปู่วัยชราย่อมทำตามอยู่แล้วและเมื่อทั้งสองได้ในสิ่งที่ตกลงกันไว้ เป่าฮู่ก็กล่าวว่า
“ท่านผู้เฒ่าหลางจง หากเราจะยืมมือตระกูลเต้าเสาะหาทรัพยากรที่ทรงคุณค่ามามอบแก่หลานสาวท่าน จนทำให้หลานสาวท่านแข็งแกร่งขึ้นมาได้นั้นย่อมเป็นการดี
แต่ข้าเพียงต้องการซ่อนตัวในแดนศักดิ์สิทธิ์จนกว่าศึกชิงตำแหน่งจ้าวยุทธ์จะมาถึง ในตอนนั้นข้าอยากอำพรางตัวในฐานะศิษย์ของท่านตราบที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้”
เมื่อผู้เฒ่าหลางจงคิดก็ยกยิ้มออกมา เพราะเจ้าหนุ่มนี่มีความคิดที่ฉลาดหลักแหลมแต่ว่า การที่จะนำตนเองไปเสี่ยงกับพิษของราชาอสรพิษฟ้าครามนั้นใครจะทำ
“แต่ว่าหากข้าตอบรับข้าต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับพิษจากซากของอสรพิษฟ้าครามนั่นนับว่าไม่คุ้มค่าพอสำหรับข้า”
เฒ่าหลางจงครุ่นคิดและเป็นกังวลใจจนเมื่อเป่าฮู่ก็ยกยิ้มออกมาก่อนที่จะบอกให้เฒ่าชราได้เบิกตามองดูสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังจะทำในเวลาต่อไป
“ท่านดูนี่ให้ดี เพราะเหตุใดข้าถึงบอกว่าจะเป็นคนคุ้มกันท่าน ท่านอาจารย์
ฮ่าๆๆๆๆ”
เป่าฮู่ได้นำแก่นแท้ของราชาอสรพิษฟ้าออกมาบีบจนแตกและเริ่มโคจรลมปราณพิษและดูดซับวงแหวนที่กำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้าของชายหนุ่ม ผู้ที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข แต่สำหรับมารฟ้าโอสถกลับทรุดกายลงไปที่พื้นเบื้องล่าง
“ฮ่าๆๆๆ ที่แท้เป็นเจ้าเองพ่อหนุ่ม คนที่สังหารราชาแห่งพิษ ด้วยลมปราณระดับรา….”
แต่ยังไม่ทันได้พูดจนจบประโยควงแหวนทั้ง 3 ที่ด้านหลังของชายหนุ่มได้เปลี่ยนสีไปตามระดับชั้นของลมปราณของชายหนุ่ม ด้วยสีแดงที่แสดงให้เห็นถึงระดับชนชั้นราชันลมปราณที่หายากในคนวัยหนุ่มเช่นนี้
“เป็นไปไม่ได้ ระดับราชันลมปราณทั้งที่ยังมีวัยเพียงเท่านี้”
เพียงเท่านี้จี้เออร์หลานสาวของเฒ่ามารฟ้าโอสถก็ได้ปราบปลื้มชายหนุ่มตรงหน้าผู้สร้างความรู้สึกดีๆกับตัวนางตั้งแต่แรกพบ นางได้ยกย่องนับถือชายหนุ่มคนนี้ในจุดที่สูงมากที่สุด
“สุดยอด! เช่นนี้ข้าก็รู้สึกปลอดภัยเข้าไปอีก เทพบุตรสุดหล่อคนนี้”