หลังจากที่ได้ดูดซับวงแหวนจากราชาอสรพิษฟ้าคราม จนเวลาผ่านพ้นไปกว่า 2 วัน
วันนี้เป่าฮู่มีเนื้อตัวที่เหม็นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเน่าที่ร่างกายขับออกมา ในขณะที่ต้องรับภาระจากการดูดวับวงแหวน
กลิ่นที่ปะปนมากับหยาดเหงื่อก็มีพิษที่เจือจางมาด้วย เป่าฮู่รู้สีกว่าระหว่างการดูดวับวงแหวน ร่างกายดั่งมีเข็มนับพันนับหมื่นเล่มทิ่มแทง
การที่รู้สึกเจ็บแบบนั้นแสดงให้เห็นถึงการแทรกซึมเข้ามาของลมปราณ จากอสูรใน
พันธะสัญญาและไม่นานอสรพิษฟ้าครามก็พลันปรากฏกาย
แต่หากคราวนี้เป็นเพียงร่างจิตวิญญาณที่ต้องการโลหิตของผู้เป็นนายสร้างกายหยาบตามพันธะสัญญาร่วม จึงจะมีตัวตนได้อีกครั้งในฐานะวงแหวนรับใช้ของคนผู้นั้น
การที่ราชาอสรพิษได้เห็นมนุษย์ตัวน้อยคนเดิมที่ล้มมันลงได้ ด้วยพลังน้ำแข็งที่น่าหวาดกลัว การแช่แข็งได้แม้กระทั่งเกล็ดที่ทรงพลังของมันนั่นย่อมไม่ธรรมดา
หลังจากที่พ่ายแพ้ไปเป็นจิตวิญญาณก็ได้รู้ว่าพลังของนายใหม่คนนี้ไม่ธรรมดา สักวันต้องนำพาพวกมันเหยียบย่ำเข้าแดนเทพได้เป็นแน่
การที่เหล่าสัตว์ลมปราณบำเพ็ญตะบะจนแก่กล้า ก็เพื่อให้บรรลุเป็นสัตว์เทพที่ยิ่งใหญ่ดั่งเสือขาว มังกรฟ้า หงส์เพลิงและเต่าดำ
หลังจากนั้นราชาอสรพิษก็ย่อขนาดตัวลงมาและปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเป่าฮู่ร่างสีเขียวดำดูน่าหวั่นเกรงสร้างหวาดหวั่นแก่ผู้พบเห็น
“เมื่อเจ้ายอมติดตามข้าแต่โดยดี เอาหละหลังจากนี้จงมาเป็นกำลังให้ข้า”
การหลั่งเลือดออกมาที่กลางหน้าผากหรือส่วนหัวของสัตวอสูรลมปราณพันธะสัญญาวิญญาณนั้นจึงเริมขึ้น กระแสลมอุ่นๆพัดมากระทบใบหน้าของเป่าฮู่พร้อมทั้งอสรพิษฟ้าครามก็พลันสลายหายไปเป็นแสงพุ่งเข้าไปในวงแหวนสีแดงด้านหลังของชายหนุ่ม
((((วิ้ง!)))) หลังจากแสงสีเขียวหายไปแล้วนั้น เป่าฮู่ก็คิดว่าหากตนเองได้เดินย่ำเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งอย่างนี้คงไม่อาจจะนำพาชีวิตให้รอดออกมาได้เป็นแน่ จึงได้กล่าวบางสิ่งออกไป
“ท่านผู้เฒ่าหลางจง”
คำกล่าวแรกที่ได้ตื่นจากการดูดซับวงแหวน เป่าฮู่ร้องหาเฒ่าหลางจงทันที และกล่าวถึงสิ่งที่ต้องการ
“เจ้าต้องการปลอมตัว ?”
เมื่อเป่าฮู่ต้องการหาหน้ากากหนังมนุษย์ย่อมเป็นการยากที่จะหามาได้ แต่สำหรับคนที่ใช้ชีวิตในการหลบหนีและเดินทางไกลเช่น เฒ่าหลางจง จะมีของที่ทำให้ที่รักปลอดภัยในช่วงเวลาวิกฤตย่อมต้องมีเสมอ
“ฮื่อ! เมื่อคิดจะทำก็ต้องทำให้ถึงที่สุด เอาหละ เอาหละรับไปนี่เป็นหน้ากากหนังมนุษย์ของข้า ละเจ้าต้องปลอมตัวเข้าไปนั้นเจ้าจะหลบซ่อนพลังลมปราณได้เช่นไร?”
เมื่อสิ่งที่เฒ่าชราต้องการรู้ก็คือ การซ่อนพรางใบหน้านั้นง่ายดาย แจะซ่อนพลังระดับราชันนั้นยากยิ่งกว่ายาก เพียงการกัดกลุ้มในนั้นไม่ได้ทำอะไรเป่าฮู่ลงได้ เมื่อเป่าฮู่ได้เรียกเต่าอักขระออกมาจากวงแหวน
“เจ้าเต่าบ้า เจ้าสามารถทำให้ระดับพลังข้าถูกปิดบังไว้ได้หรือไม่?”
เมื่อเต่าอักขระคิดถึงตอนที่สู้กับราชาอสรพิษทำให้เต่าอักขระคิดมาตลอดถึงเวลาเอาคืนที่สาสม แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มที่เป็นนายตนกำลังนำความหวังน้อยๆที่ริบหรี่มาใส่พานถวาย และเมื่อดูจากห้วงความทรงจำแล้วนั้น เหมาะนักที่จะกระทำบางสิ่งตามที่นายของันมุ่งหวัง
“((กรี๊ก)) ฮ่าๆๆ เจ้าหนูข้าเป็นใคร เทพเต่าผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ”
เพียงการพูดจาคุยโตกว่าเหล่าสัตว์อสูรในพันธะสัญญาจะทำได้ ทำให้
จี้เออร์และหลางจง เฝ้ามองพฤติกรรมของนายบ่าวคู่นี้
“เจ้าหนูอสูรของเจ้าพูดจาได้น่าฟัง หากมันสามารถทำได้ด้วยพลังอักขระของมันนับว่าเบาแรงเจ้าไปเยอะมากน่าดู”
การที่เต่าอักขระได้ฟังคำอวยพรที่แสนหวานนั้น ดั่งสวรรค์ส่องทางสว่างมาทางนั้นโดยตรง เมื่อการสลักอักขระสะกดทับพลังลมปราณเอาไว้จนกว่าอักขระจะถูกคลายออกพลังของเป่าอู่จะดำรงเช่นนั้นตลอดไป ด้วยกรรมวิธีในการคลายอักขระก็ขึ้นอยู่กับว่า อักขระเหล่านั้นแข็งแกร่งเพียงใดและมีกลไกลอย่างไร
เมื่อมีแผนที่จะเดินทางในรุ่งเช้า เป่าฮู่ไม่อยากเสียเวลาเพิ่มไปอีกสั่งให้เต่าอักขระสะกดอักขระบดบังพลังลมปราณของตัวเป่าฮู่ให้เหลือเพียงราชาขั้นที่ 1 เท่านั้น
ด้วยการสะกดทับแบบนี้และสวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์เท่านี้ทุกอย่างก็เรียบร้อย เพียงเท่านี้เป่าฮู่ก็หันไปทางหลางจงก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า
“เอาหละท่านผู้เฒ่าหลังจากนี้ เราสองเป็นศิษย์อาจารย์
ข้าจะทำหน้าที่ดูดซับพิษจากทุกสิ่งที่มีภัยต่อท่านและจี้เออร์ ดังนั้นท่านโปรดตั้งชื่อใหม่ให้ข้า หลังจากนี้เป่าฮู่จะเป็นนามต้องห้ามจนกว่าจะจบการประลองศึกชิงเจ้ายุทธ์”
ด้วยหลายสิ่งที่เฒ่าหลางจงแปลกใจแต่ก็ต้องทำตมที่ชายหนุ่มต้องการ เพราะชายหนุ่มไม่มีจุดประสงค์ร้ายต่อตนและหลาน หากแต่การทำตามแผนนี้จะทำให้ทั้งสามได้ผลประโยชน์ทั้งสามคน ทรัพยากรในตระกูลเต้าไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามาแล้วคว้าออกไปได้
การเดินทางไปตามคำเชิญของผู้อาวุโสจากตระกูลเต้าและเป้าหมายก็คือการนำซากราชาอสรพิษมาปรุงโอสถเพื่อเสริมสร้างพลังลมปราณที่มีคุณค่าสำหรับการหล่อเลี้ยง แก่นแท้วิหคสวรรค์ ที่ตระกูลเต้าเก็บงำมานาน การที่มีแหล่งลมปราณพิเศษจากแร่ธาตุซากอสูรหรือแม้แต่สมบัติสวรรค์ ก็จะเพิ่มขีดความสามารถสำหรับอสูรลมปราณที่จะกำเนิดขึ้น ดังนั้นวิหคสวรรค์ถือเป็นสัตว์ที่ตระกูลเต้านับถือและยังเป็นสัตว์อสูรคู่กายบรรพชนรุ่นแรกของตระกูลอีกด้วย
ดังนั้นการที่ทั้งสามได้เดินเข้ามายังห้องโถงที่ตอนนี้ บัดนี้มีเหล่าอาวุโสทั้งหลายของตระกูลเต้า ไม่ว่าจะเป็นเต้าเจิ่งผิงและ บุตรชายเต้าอิงเฉิง นั่งมองซากอสูรที่ถูกนำมาเก็บไว้ในห้องเย็นของตระกูล
เพียงหลางจงเดินนำทางศิษย์ของมันและหลานสาวเข้ามาก็ทำให้ทุกคนแปลกใจเพราะว่า ตามข่าวที่รายงานมาหลางจงมีเพียงหลานสาวที่ป่วยสองคนเท่านั้น แต่นี้กลับมีบุคคลที่สามเข้ามาด้วย
“ท่านมารฟ้าโอสถ เจ้าหนุ่มนั่นเป็นใคร?”