เมื่อการได้เข้ามาใช้ชีวิตในเขตแดนศักดิ์สิทธิ์กลุ่มของผู้เฒ่าหลางจงมารฟ้าโอสถ ผู้ลือนามได้ยอมรับใช้ตระกูลเต้า โดยเต้าเจิ่งผิงได้มอบพื้นที่ด้านหลังเขาเทวะให้แก่ ผู้เฒ่าหลางจง เพื่อปรุงยอดโอสถจากซากอสูรนานาชนิดไม่ใช่เฉพาะซากราชาอสรพาฟ้าครามเท่านั้น
แม้จะเหนื่อยหนักหนาเพียงใด เฒ่าหลางจงหลังจากได้เห็นหลานสาวที่ตนเองรักกำลังศึกษาวิชายุทธ์และได้รับการชี้แนะจากชายหนุ่มนามเป่าฮู่อย่างสนุกสนาน
“ข้าคิดถูกแล้วที่ร่วมมือกับท่านคุณชาย”
เสียงขอเฒ่าหลางจงกล่าวออกมายังลานหน้าบ้านหลังเล็กที่บริเวณเชิงเขาเทวะ แต่เป่าฮู่ก็ได้กล่าวออกไปอีกว่า
“ท่านอาจารย์ ท่านกล่าวแบบนี้มิกลัวหน้าต่างมีหูประตูมีช่องหรอกหรือ
ท่านเองก็อายุมากแล้ว คงได้ยินมาก่อนว่า100 ปีก่อนมีนิกายที่ยิ่งใหญ่ทางตอนเหนือแห่งหนึ่งที่ถูกกลืนกินจากแดนศักดิ์สิทธิ์จนทำให้สรรพวิชาหายสาบสูญไปมากต่อมาก ดังนั้นท่านที่ใฝ่ฝันหาความแข็งแกร่งแก่หลานสาวของท่านเฉกเช่นที่ข้าเป็น ข้าก็ยินดีจะบอกว่าข้าแข็งแกร่งมาจากสิ่งใด”
เมื่อเฒ่าชราหลางจงได้ฟังหูทั้งสองข้างกลับกางออกด้วยความสนใจ
การละทิ้งหม้อยาที่ปรุงอยู่มาทำให้เป่าฮู่ต้องตกใจด้วยเช่นกัน
“ท่านจะบ้าเหรอ อาจารย์ ทิ้งเตาปรุงยามาแบบนั้น หากท่านต้องการให้จี้เออร์แกร่งขึ้น ท่านจงนำตัวยาชุดแรกไปขอแลกกับกล่องปริศนาของแดนศักดิ์สิทธิ์ ด้านในนั้นมีสรรพวิชาและหินแร่ที่สำคัญอยู่ เหมาะนำกับคนที่มีลมปราณธาตุน้ำ ข้าก็เผอิญได้รับโชคจากของสิ่งนั้นจึงได้มีเช่นทุกวันนี้”
การที่ชายหนุ่มหลอกล่อให้ชายชราผู้เป็นมารฟ้าโอสถที่ผู้นำตระกูลเต้าให้ความสำคัญ เป็นคนหาตำราของนิกายกลับคืนมาหลังจากที่ตัวเป่าฮู่มิอาจที่จะควานหาตำราต่างๆกลับมาได้ดั่งเดิมแล้ว
“กล่องปริศนา มันเป็นของเช่นไร?”
เมื่อเป่าฮู่ได้ฟังก็พยายามครุ่นคิดและมองหาในมิติเก็บของจนพบว่ากล่องปริศนาจำนวน 200 กล่องนั้นได้ถูกเปิดไปหมดแล้ว จึงบอกกับเฒ่าชราไปว่า
“หากท่านต้องการจงนำยาไปแลกกับทางตระกูลเต้าและบอกว่า
เคยได้ยินมาจาก ชายหนุ่มผู้หนึ่งเมื่อยามเดินทางท่องไปหาสมุนไพรที่เมือง
ซื่อหลาง เมื่อ 1 เดือนก่อน ชายหนุ่มผู้นั้นแนะนำว่าหากหลานสาวของตนจะเก่งก็ให้ศึกษาผ่านตำราจากแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีในกล่องปริศนาเหล่านั้น”
ทันทีที่เฒ่าชราได้เห็นวิชาที่หลานสาวได้ศึกษา แม้จะเป็นทักษะระดับราชาแต่กลับเข้ากันดีกับลมปราณธาตุน้ำที่ฝึกมาจากสำนักเจ้าเมืองซื่อหม่า วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส เป่าฮู่ในรูปลักษณ์ต้านเสี่ยว ศิษย์ของผู้เฒ่าหลางจง เดินทางเข้าไปในเมืองหลวงของแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาซื่อของใช้ โดยทั้งสามคนมีป้ายผ่านทางที่ตระกูลเต้าให้ความสำคัญ โดยต้านเสี่ยวและจี้เออร์ได้รับป้ายเงินคือเข้าได้ในส่วนที่อาวุโสระดับกลางในตระกูลเต้าเข้าได้ นอกจากจะได้รับการนำพาจากเฒ่าหลางจงจึงเข้าไปในส่วนที่ลึกกว่าได้
ส่วนเฒ่าหลางจงได้รับป้ายทองที่สามารถเข้าถึงคลังสมุนไพรเพื่อขอตัวยาเสริมเพื่อปรุงยาโอสถที่ล้ำค่า มอบแก่ตระกูลเต้า
วันเวลาที่ไหลผ่านดั่งสายน้ำไม่ไหลกลับ บัดนี้เป่าฮู่แฝงตัวอยู่ในตระกูลเต้า โดยมีทหารคอยเฝ้าทางขึ้นลงที่ห่างไปกว่า 3 ลี้ เพราะพิษที่เฒ่ามารฟ้าโอสถปรุงนั้นร้ายแรงมากจนทำให้เหล่าทหารตกตายไปมากมาย เต้าเจิ่งผิงได้มาเห็นละครฉากใหญ่ที่เป่าฮู่แสดงออกมาตอนที่ดูดซับพิษจากซากราชาอสรพิษฟ้าคราม พิษที่ดูเหมือนจะรั่วไหลแต่แท้จริงแล้วเป็นเป่าฮู่ที่ทำให้มันกระจายออกไปทางกลุ่มทหารเหล่านั้น ชายหนุ่มที่เล่นกับพิษนั้นสร้างความหวาดกลัวต่อทหารเป็นอย่างมากรวมถึงผู้นำตระกูลเต้าด้วยนั่นเอง
เมื่อวันที่ท้องฟ้าเป็นใจเป่าฮู่เดินทางตามคำสั่งเฒ่าชราเพื่อพาหลานสาวมาที่ตลาดในเมืองหลวง เพื่อให้นางได้ซื้อเสื้อผ้าด้วยอายุของนางก็โตมากแล้วครั้นชายชราจะมาเองก็ยุ่งกับการปรุงโอสถผันผวนที่กำลังคิดค้นอยู่
ด้านเป่าฮู่ที่เบื่อการฝึกซ้ำๆบนเขาก็พาจี้เออร์ลงจากเขา เพื่อได้ผ่อนคลายและสองจะได้แอบส่งข่าวไปยังเมืองตระหูลหงแก่บิดาบุญธรรมถึงสิ่งที่ตนเองกำลังเตรียมการไว้
หลังจากที่ชายหนุ่มใช้ชีวิตในเขตตระกูลเต้าก็ผ่านมา นับเดือนวันเวลาที่งานประลองก็ใกล้เข้ามาทุกขณะสายตาที่จับจ้องไปบนท้องฟ้าผ่านหมวกไม้ไผ่ที่สาวน้อยจี้เออร์สานให้แก่มัน
(นี่ข้าเป่าฮู่คนนี้มาถึงจุดที่ท่านจ้าวนิกายมาถึงแล้วหรือนี่ ระดับราชันลมปราณ แต่ข้ากลับยังทำอะไรพวกมันตรงๆไม่ได้ทั้งที่นอนหัวถึงมอนทุกค่ำคืนก็อยู่ในเขตแดนของพวกมัน)
ในแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเหล่าตระกูลใหญ่จะมีการส่งทายาทที่มีความแข็งแกร่งเข้าไปศึกษายังหอยอดยุทธ์ในวันที่อายุพวกเขาครบกำหนดและในปีนี้ ก็มีเต้าเหล่ยและเต้าอิงเฉิงที่ต้องเป็นตัวแทนตระกูลเต้าเข้าร่วม หากปีศาจเช่นนั้นได้เข้าไปในสถานที่อันเป่าฮู่ไม่มีข้อมูลจะทำเช่นไรในวันข้างหน้า
แต่เมื่อคิดที่จะหยัดยืนเป็นศัตรูท้าทายดินแดนที่ยิ่งใหญ่เองเพียงลำพังมีทางเดียวคือต้องปีนขึ้นไปให้เหนือกว่าศัตรูทุกคนในดินแดนนี้
เป่าฮู่ที่นั่งบนหลังม้าและเหม่อมองสิ่งต่างๆรอบตัวจนการเดินทางที่ทั้งสองใช้ทอดยาวลงมาจนถึงทางเข้าออกของหุบเขาเทวะ
“คาราวะคุณชายต้าน และคุณหนูจี้เออร์”
ทหารยามแม้จะรู้สึกกลัวศิษย์ประหลาดของผู้เฒ่ามารฟ้าโอสถ แต่ก็สงสัยและเวทนาว่าใครกันหนอที่ตั้งชื่อที่เลวร้ายแบบนั้นให้แก่เขาทั้งที่ด้านข้างกลับเป็นนางฟ้าตัวน้อยแท้ๆ
เป่าฮู่ผ่านประตูที่มีทหารยามคอยเฝ้าออกมาได้อย่างปอดภัยและหลังจากนั้นทั้งสองก็รีบมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงทันที
“ไป! เจ้าม้าแสนดีนำพาข้าคนนี้ไปที่ตลาดให้เร็วที่สุด”
ทางด้านหอยอดยุทธ์ที่เริ่มเป็นกังวลกับสิ่งที่พวกมันกำลังครุ่นคิดถึงตำแหน่งผู้นำชาวยุทธ์ที่จะถูกคัดเลือกใหม่ในอีกไม่นานนี้ แม้จะพยายามเลื่อนเวลาออกไปจนตอนนี้กลุ่มผู้นำของ 3 ดินแดนเริ่มสงสัยในพฤติกรรมเหล่านี้แล้ว
การที่หารือกันของหอยอดยุทธ์ถึงการคัดเลือกคนที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งผู้นำชาวยุทธ์ได้เลื่อนออกไป โดยกำหนดว่าอีกปีครึ่ง จะเป็นวันจัดงานประลองยุทธ์ ปีครึ่งที่จู่กำหนดการถูกเปลี่ยนไปทำให้หลายคนสับสน แต่ว่าจะอย่างไรก็ช่าง ไม่มีสิ่งใดที่เปลี่ยนแปลงสำหรับพวกหอยอดยุทธ์
ด้านเป่าฮู่ที่ควบม้าตัวใหม่ไปก็หวนนึกถึงม้าชั้นดีที่เรียกว่ามากเหงื่อโลหิตของมันที่สูญเสียไปเพราะต้องหนีออกจากแดนใต้และเพื่อให้ผิดสังเกตม้าตัวนั้นจึงฝากคนของมันที่แดนใต้นำไปมอบแก่บิดาของมันแทนนั่นเอง
“เอาหละพี่ชายในที่สุดเราก็มาถึงซะทีนี่ไงเมืองหลวงของแดนศักดิ์สิทธิ์”