การจิบน้ำชาท่ามกลางสายลมที่ปะทะกับผิวที่อ่อนโยนของหย่วนซิวหยู ยิ่งทำให้นางดูมีคุณค่าและงดงามดั่งเทพธิดาจากแดนใต้ สิ่งนี้เป่าฮู่นั้นรู้ดี และนางเองก็มองมาที่เป่าฮู่ตลอดเวลาที่ทั้งสามนั่งจิบน้ำชากับบนโรงเตี๊ยม ที่ดูมีระดับในตัวเมืองหลวงแห่งนี้
ภายใต้ความสงสัยที่จี้เออร์มี ทำให้บรรยากาศเริ่มอึดอัด แต่ขณะที่ทั้งสามกำลังนั่งจิบน้ำชาใต้บรรยากาศที่อึดอัดอยู่ ก็มีกลุ่มคนที่เป็นศิษย์ของหอยอดยุทธ์ แม้จะเป็นเพียงศิษย์ภายนอก แต่ว่าก็มากด้วยฝีมือและความสามารถ
พวกมันจดจำหญิงสาวและชายที่เป็นที่โจษจันกันในเขตศิษย์ภายนอกภายในของ
หอยอดยุทธ์ได้ดี นั่นคือ จี้เออร์ และเจ้าขี้ขาดต้านเสี่ยว
แต่คนกลุ่มนั้นก็ได้ฟังมาจากนายน้อยของพวกมันและได้เห็นจากที่ห่างไกลตอนนี้ได้เห็นแล้วว่าคนทั้งสองกำลังนั่งกับเทพธิดาที่งดงามผู้หนึ่งทำให้ความอยากครอบครองของพวกมันก่อเกิดขึ้น ด้วยในแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มันทั้งผองก็มิได้ด้อยไปกว่าใคร
การที่จะเข้าหอยอดยุทธ์ได้นั้นก็ไม่ธรรมดาแล้วแม้ตอนนี้จะเป็นเพียงศิษย์ภายนอก หากมีเวลาฝึกสัก2 -3 ปีย่อมต้องได้เลื่อนชั้นเป็นศิษย์ภายในเป็นแน่เพียงเท่านั้นก็การันตีได้แล้วว่าตำแหน่งของพวกมันในอนาคตย่อมต้องไม่ธรรมดา
“ฮ่าๆๆๆ นึกว่าใคร ที่แท้ก็หลานสาวท่านมารฟ้าโอสถ ข้าน้อยจี่เหล่ย
นายน้อยตระกูลจี่ ของคาราวะ และนั่น คงเป็น ศิษย์ต้านเสี่ยวของผู้เฒ่ามารฟ้าโอสถที่ล่ำลือ”
หลังจากที่มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือน และช่วยทำลายความรู้สึกอึดอัดที่กำลังก่อเกิดในกลุ่มของเป่าฮู่ และตัวหย่วนซิวหยูก็ได้รู้จักชายตรงหน้าในนาม ต้านเสี่ยว คนเช่นไรกันที่ตั้งชื่อบุตรตนเองได้น่ารังเกียจแบบนี้ ชายผู้ขี้ขลาด ต้านเสี่ยว เช่นนี้มิใช่วิถีที่บุรุษจะพึงมี ทำให้นางรู้สึกสงสารในตัวชายผู้นี้ยิ่งนักและทำให้นางคิดว่าคงเป็นนางเองที่เลอะเลือนที่คิดว่าคนเองจดจำกลิ่นของชายที่นางตามหาได้
เมื่อหย่วนซิวหยูได้เห็นท่าทีคุกคามมาจากกลุ่มชายที่น่ารังเกียจนั้น นางจึงได้คิดว่าควรปลีกตัวไปก่อนที่จะมีเรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นดีกว่า และนั่นย่อมเป็นการดีที่จะไม่สร้างความวุ่นวายเพิ่มเติมให้แก่คนตรงหน้าของนาง
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน คุณหนูจี้เออร์ คุณชายต้านเสี่ยว”
เสียงที่ทำให้ทั้งสองคนงุนงงว่า นางกำลังจะทำอะไร เป่าฮู่ที่มองดูว่าหญิงคนนี้นางกำลังจะทำอะไร คิดจะหนีจากภัยตรงหน้าและก้าวออกไปจัดการด้วยตนเองเช่นนั้นหรือช่างเป็นการกระทำที่ไร้เดียงสานัก
แต่ขณะที่นางกำลังจะลุกเป่าฮู่ก็กล่าวเสียงผ่านช่องลมปราณไปหา จี้เออร์ให้นางออกหน้า และเป่าฮู่จะชดเชยให้วันหลัง
(จี้เออร์รั้งนางไว้ ข้าจะอธิบายเหตุผลให้ฟังวันหลังแลข้าจะชดเชยให้เจ้าด้วยเช่นกัน)
คำกล่าวที่นางได้ยินนั้นทำให้นางตกใจและหันหน้าไปทางเป่าฮู่ คนที่จะสามารถพูดผ่านช่องลมปราณได้ต้องเป็นคนที่ได้รับทักษะนี้มาหรือไม่ก็บรรลุชั้นราชันลมปราณไปแล้ว ซึ่งนั่นสิ่งที่เป่าฮูสามารถทำได้อย่างแน่นอน
“ท่าน!”
จี้เออร์กล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่นางจะลุกขึ้นมาจากโต๊ะนั่งและดึงแขนของหย่วนซิวหยูเอาไว้ และมองไปหานางอย่างอ่อนโยน ด้วยใบหน้าที่แสร้งทำอย่างแนบเนียน
“ช้าก่อนพี่สาว ในเมื่อเราพบเจอกันนั้นต้องเป็นเพราะโชคชะตา ข้าชอบในตัวท่านหลายๆด้าน กลับไปพบท่านปู่ของข้าและข้าเชื่อว่าท่านปู่คงชอบคนที่มีพรสวรรค์เช่นท่าน”
หลังจากพูดออกไปเสร็จนางก็ขยิบหางตาเป็นไปในทางที่รู้กันของผู้หญิงด้วยกัน ว่าได้โปรดเชื่อข้า ข้าเอาอยู่ จากนั้นนางก็หันไปทางคุณชายจี่เหล่ยก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า
“เรียนคุณชายจี่ มิทราบท่านมีธุระใดกับเราทั้งสาม พอดีพวกเราต้องไปทำตามคำสั่งของท่านปู่ข้าหาตัวยาให้ในการปรุงยาแก่ตระกูลเต้า ท่านที่เป็นเพียงตระกูลสาขาคงไม่ทำตัวระรานขัดขวางเราหรอกนะ?”
คำพูดที่แม้แต่เป่าอู่เองยังต้องสำลักน้ำชาที่จิบอยู่ออกมา นี่นางกะจะให้มีการวิวาทขึ้นเลยหรืออย่างไร แต่ในใจของจี้เออร์นางกลับคิดว่า
(ไอ้พวกลูกหมาแน่จริงก็เข้ามา พี่ชายฮู่ของข้าจะอัดพวกเจ้าเป็นหมาหมักปลาช่อเลยทีเดียว)
ด้านหย่วนซิวหยูก็คิดว่าคำกล่าวของนางดูเหมือนยั่วยุให้อีกฝั่งลงมือแล้วนางที่มีระดับยุทธ์เพียงแค่ระดับปราชญ์ลมปราณเอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้น
เพียงเท่านั้นนางก็หันไปมองชายที่มีชื่อว่าต้านเสี่ยวกำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างใจเย็นนั่นเองทำให้นางคลายความกังวลใจลงไป แต่นางยังลอบสำรวจระดับยุทธ์ของชายตรงหน้าก็พบว่า ต้านเสี่ยวผู้นี้มีระดับราชาลมปราณนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ทำให้นางเข้าใจในทันที คนที่มั่นใจและคนที่วางแผนทั้งหมดคงเป็นชายที่ชื่อว่าต้านเสี่ยวคนนี้นั่นเอง
ด้านกลุ่มของคุณชายตระกูลจี่ ก็มองมาด้วยสายตาคาดแค้น และมันทั้งหมดก็รู้ถึงสถานะของคนกลุ่มนี้ เมื่อลงมือในที่แจ้งไม่ได้ก็ลงมือในทางลับนั่นเป็นวิธีที่พวกมันตระกูลสาขาทำมาตลอด
“พวกเรากลับ ไว้พบกันใหม่คุณหนูจี้เออร์ ”
ด้วยถ้อยคำนั้นทำให้เป่าฮู่รู้สึกไม่สบายใจนักก่อนที่พวกนั้นจะลับหายไปจากสายตา เป่าฮู่ก็กล่าวออกมาเบาๆว่า
“จี้เออร์นั่งลง และข้าต้องขออภัยที่ลากท่านมาเอี่ยวด้วย แต่ว่าท่านคงต้องเดินทางร่วมกันกับเราแล้วหละแม่นาง เพราะเท่าที่ดูพวกนั้นคงไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆ ที่นี่คนผ่านไปผ่านมาเยอะเกินไป พวกมันคงไม่กล้าหักหน้า อาจารย์ข้าแต่หากระหว่างทางกลับเขาเทวะนั้นไม่แน่”
เมื่อจี้เออร์ได้ฟังสิ่งที่พี่ชายกล่าวทำให้นางมั่นใจว่านั่นต้องไม่ได้พูดออกมาเล่นๆ
“พี่ฮู่ ท่านคิดว่า”
เพียงเท่านั้นเป่าฮู่ก็หันมาทางจี้เออร์และมองด้วยสายตาตำหนิ จี้เออร์ก็ก้มหน้าลงพร้อมพูดออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกผิด
“ก็ข้าลืมนี่หน่า”
แต่คนที่เริ่มสงสัยมากยิ่งขึ้นและมากขึ้นทุกขณะกลับเป็นหย่วนซิวหยู คนนี้นั่นเอง
“คุณชายต้านเสี่ยว ท่านเป็นใครกันแน่ เหตุใดน้องสาวท่านมักเรียกท่านว่า พี่ฮู่ และข้าเองก็เผอิญมีคนที่ต้องตามหา ชื่อเดียวกับท่านพอดี?”
วันเวลาที่ยากที่สุดก็คือเวลาที่ต้องมาโกหกต่อหน้าเหล่าผู้หญิง ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจตัวแม่นี่แหละ เป่าฮู่ก็ยกน้ำชาขึ้นมาดื่มก่อนที่จะกล่าวอย่างปล่อยวางอารมณ์ออกไป
“เรื่องนี้ท่านยังไม่สมควรรู้ รู้แต่ว่าข้ารู้จักท่านก็พอ และข้าต้องการให้ท่านมาเป็นกำลังให้ข้า สำหรับตัวตนข้าสักวันท่านจะรู้ ตาเฒ่าหย่วนคงสบายดีใช่หรือไม่?”
เพียงคำถามที่ทำให้ใบหน้าของหย่วนซิวหยูแดงกร่ำ เพราะคนที่ชายหนุ่มถามคือปู่ของนางนั่นเอง ใครกันที่รู้จักหย่วนปงปู่ของนางด้วย ต้องใช่ ต้องเป็นเขาคนนี้
เพราะท่านปู่บอกว่าคุณชายฮู่เป็นคนฉลาดหลักแหลม และมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย นี่จึงทำให้นางหยุดการกระทำทุกอย่างและเดินไปตามสัญชาตญาณของนางบอก