บัดนี้ชายหนุ่มวัย 18 ปี ที่ใบหน้าฉาบไปด้วยรังสีอำมหิตแห่งการฆ่าฟัน หลังจากที่ออกเดินทางจากหมู่บ้านตระกูลเหมย ก็เที่ยวหาข่าวของแหล่งการค้าผลึกอสูรเพื่อทำเงิน
โดยการเร่งหาเงินให้พอที่จะเดินทางเข้าไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเดินทางจำเป็นต้องมีค่าใช่จ่ายจำนวนมากระหว่างทาง ดังนั้นเท่าที่เป่าฮู่มียังไม่เพียงพอต่อสิ่งเหล่านั้น
แต่ตลอดเวลาที่เป่าฮู่เดินทางไปยังจวนเจ้าเมือง ก็พบว่าที่จวนเจ้าเมืองเองก็ระดมคนออกล่าสัตว์อสูร เพื่อต้องการนำก้อนผลึกอสูร กลับมามอบเป็นของขวัญแก่บุตรชายของท่านเจ้าเมือง ในวาระอายุครบ 15 ปีและจะเริ่มฝึกฝนวิทยายุทธ์อย่างจริงจัง
การดูดซับวงแหวนแรก นั้นเพื่อจะเป็นรากฐานที่ดี ชาวยุทธ์จึงให้ความสำคัญกับวงแหวนแรกเป็นอย่างมาก เพราะมันมีความสำคัญ เช่นเป่าฮู่ที่ได้ดูดซับวงแหวนแรกเข้าไปในตอนอายุ 17ปี
เพราะเป่าฮู่มีความตั้งใจว่าจะใช้วงแหวนหลักดูดซับอสูรสายพันธุ์เต่าเท่านั้น ดังนั้นตลอดเวลาจึงใช้เพียงความมุมานะและความพยายาม จากคำดูดถูกเหยียดหยามสารพัด จนในที่สุดก็นำพาตนเองขึ้นมายืนที่ตำแหน่งศิษย์เอกลำดับที่ 1 ของศิษย์ชั้นในกว่า 200 คน
ภาพวันนั้นในสังเวียนเดือด เป่าฮู่ชนะศึกได้ เพียงเพราะไหวพริบและอาวุธที่น่าทึ่ง เช่นเข็มน้ำแข็งที่โปรดปราน ที่ตัวเป่าฮู่ได้รับความไว้วางใจ เพราะความกตัญญูและรู้คุณ
วันนี้ชายหนุ่มที่ออกล่าสัตว์อสูรตามคำขอร้องจากจวนเจ้าเมือง ด้วยเมืองซื่อหู่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสือดาวเวหา และเสือเขี้ยวดาบ
สัตว์ทั้งสองจัดได้ว่าเป็นเจ้าแห่งดินแดนนี้มาช้านาน ดังนั้นแม้จะเป็นตัวที่อายุน้อยไม่กี่ร้อยปี ก็ยังมีค่ามาก ผู้คนที่อาศัยในเมืองหู่จึงให้ความยำเกรงแก่สัตว์ทั้งสอง
แต่ในป่าก็มีสัตว์อสูรมากมาย เพียงวันนี้เป้าหมายคือสัตว์ที่ดุร้าย เช่นสัตว์อสูรประเภท พยัคฆ์ทั้งสองตัว เป่าฮู่ดูเวลาที่ล่วงเลย ภาพที่เขาเห็นก็คือ รถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวไปบนถนนสายหลักอย่างช้าๆ กองคาราวานที่เต็มไปด้วยนักล่า มากกว่า 100 ชีวิต แต่จะมีสักกี่คนที่พบเจอกับสิ่งที่ตนเองคาดฝันไว้
เมื่อขบวนเดินทางมาถึงเขตป่านอกเมืองซื่อหู่ ไม่ได้มีเฉพาะสัตว์อสูรเท่านั้นที่กำลังล่าและถูกล่า บางครั้งผู้ล่าก็มักจะพบเจอกับการถูกล่า จากผู้ฝึกยุทธ์ด้วยกันเสียเอง
ดังนั้นการล่าครั้งนี้จึงล่อตาล่อใจกลุ่มคนที่คิดร้าย และหวังในผลประโยชน์ที่ได้มาอย่างง่ายดายเป็นจำนวนมาก เพราะผลประโยชน์ที่ลอยอยู่ตรงหน้าใครจะไม่คว้าเอาไว้
ดังนั้นโอกาสนี้ทางจวนเจ้าเมืองจะส่งเทียบเชิญสำนักเจ้าเมืองต่างๆในดินแดนเสวียนอู่ ให้เข้าร่วม ผู้ที่ชนะการแข่งขันล่าผลึกอสูรในเมืองหู่ที่มีระดับสูงที่สุด จะได้ครอบครอง เม็ดโอสถทะลวงใจ อันเป็นเม็ดโอสถระดับสูง อันมีความเข็มข้นระดับ 8 เลยทีเดียว พร้อมตำรายุทธ์ระดับราชาอีก 1 เล่ม
ดังนั้นจึงทำให้มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก โดยทางจวนเจ้าเมืองเปิดแข่งขันทั้งหมด 3 วัน ภายใน 3 วันนี้ใครนำก้อนผลึกอสูรลมปราณที่มีระดับสูงที่สุดมาแสดง ก็จะได้สิ่งที่เป็นรางวัลไป ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมาจากสำนักหรือเป็นยอดยุทธ์พเนจร
ด้วยการแข่งขันที่มีความเสี่ยงสูง แต่ละสำนักจึงมีกรรมวิธีของตนเอง แต่ก็จะมีข้อกำหนดบางสิ่งที่จะมาจัดการปรับให้ทุกคนเสมอภาคกัน
(ณ จุดสูงสุดของเชิงเขา)
ชายหนุ่มที่หยัดยืนอย่างองอาจมาดมั่น กำลังมองลงมาที่ฉากการต่อสู้ ด้านล่างหุบเขาอย่างไม่สนใจใครว่าจะเป็นหรือตายเลย
ภาพที่ได้เห็นจากมุมสูงทำให้ตัวตนของเป่าฮู่ ได้ยกยิ้มออกมาด้วยความชั่วร้าย เพราะในจิตใจเหล่าชาวยุทธ์ในตอนนี้ ไม่รู้ว่าใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่มสลายไปของนิกายเสวียนอู่
ดังนั้นเป่าฮู่จึงมองทุกสำนักที่มีชื่อเสียงในยุทธภพเป็นศัตรูทั้งสิ้น และด้วยเหตุนี้ หนึ่งคนหนึ่งตัว ที่กำลังเฝ้ามอง กลุ่มผู้คนที่หวังจะขึ้นมาพิชิตยอดเขาที่เป็นสถานที่อาศัยอยู่ของ พยัคฆ์ลายดาวเวหา สัตว์อสูรลมปราณอายุ 450 ปีตัวนี้
ด้วยการส่งเสียงไปทางช่องวิญญาณของเป่าฮู่
“ท่านเทพเต่าผู้น่าเกรงขาม เห็นทีว่าควรหลบหลีกจากสถานที่แห่งนี้ดีหรือไม่ แต่ว่า ข้ารู้สึกเสียดายซากของเสือดาวเวหาตัวนี้ ทั้งที่ผ่าเอาก้อนผลึกออกมาแล้วแท้ๆ”
คำกล่าวนี้ทำให้ความโลภในอาหารที่เป่าฮู่ทำให้กิน มีมากกว่าความลับที่
อสูรเต่าอักขระจะมีได้ เจ้าเต่าจึงใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ พักหนึ่งก่อนที่จะเปิดปากพูดออกมา
“เจ้าหนุ่ม ข้าจะให้โอกาสเจ้าแค่ครั้งเดียว”
เมื่อเต่าอักขระพูดเสร็จก็เดินออกจากวงแหวนสีม่วงออกมา และภาพที่เห็นก็คือ เจ้าเต่าตัวนั้น กลับกลืนร่างของพยัคฆ์ลายดาวเวหาลงไปที่ปากขนาดเล็กของมัน ทำให้ภาพที่เห็นเหมือน เต่ากำลังดูดร่างของพยัคฆ์ลายดาวเวหาที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวมันนับ 10 เท่าลงไป
“โอ้! (พระเจ้าช่วยกล้วยสามหวี) ท่านเทพเต่าสิ่งที่ท่านทำคือสิ่งใดกัน ข้าว่ามันดูยิ่งใหญ่มากนัก”
คำพูดที่ยกยอปอปั้นเจ้าเต่าบ้ายอตัวนี้ ทำให้ในที่สุดเจ้าเต่าบ้าก็หลุดเผยความลับนี้ออกมา
“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น ข้านั้นเป็นถึงลูกหลานเทพเต่าดำ เจ้าแห่งแดนเหนือ ข้าเองก็ขึ้นชื่อว่า เป็นเต่าอักขระ การที่จะใช้พลังทางสายเลือดสร้างอักขระที่เป็นมิติย่อยในท้องนั้นง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากวานรอีก ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เพียงเท่านั้นเป่าฮู่ก็รับรู้แล้วว่า นั่นคือคลังสมบัติแห่งที่สองของตัวมันเอง เมื่อใดที่บุกยึดสำนักพรรคต่างๆที่มีส่วนร่วมในศึกวันล้างนิกายเสวียนอู่ เคล็ดวิชาตำราต่างๆ สมบัติที่มีในสำนักพวกนั้น เป่าฮู่จะริบรอนมาจนหมดสิ้นและที่เก็บซ่อนก็คือ ในตัวของเต่าอักขระตัวนี้ ซึ่งมันก็คืออสูรในพันธะสัญญาของเป่าฮู่นั่นเอง