การเดินทางกลับของทั้งสามคน แม้หย่วนซิวหยูจะดูเกร็งๆที่จู่นางก็ต้องมาติดตามคนอื่นที่พึ่งจะรู้จักเพียงผิวเผิน แต่พอได้ฟังว่าสถานที่อันเป็นเขตแดนของตระกูลเต้านั้นคือเป้าหมาย ทำให้นางตัดสินใจติดตามไปอย่างไม่ลังเล เพราะจะได้มีโอกาสพบเจอเจ้าสารเลวจอมโกหกเต้าอิงเฉิงผู้นั้น
สำหรับเป่าฮู่ระหว่างทางกลับหุบเขาเทวะที่เป็นสถานที่พักของตัวมันและ มารฟ้าโอสถรวมถึงจี้เออร์หลานสาวของมารฟ้าโอสถนั้น
เป่าฮู่กลับรู้สึกว่าตนเองกำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่ ซ่อนตัวในชายคาของศัตรูได้แล้วไง มีเวลาฝึกฝนตนเองมากกว่าทุกครั้งแล้วไง แทนที่ตัวของเป่าฮู่เองจะเอาเวลาที่เหลือปีครึ่งไปจัดการ
พวกตัวร้ายในแดนเสวี่ยนอู่ให้ย่อยยับและช่วงชิงเอาสมบัติที่พวกมันยอมพลีกายรับใช้ศัตรูเช่น ตระกูลเต้าหรือแดนศักดิ์สิทธิ์มาเผาผลาญและก่อให้เกิดประโยชน์มิดีกว่าหรือ
เพียงเท่านั้นเป่าฮู่กลับหยุดม้าเพียงแต่ครึ่งทาง และบอกบางอย่างแก่
จี้เออร์ไป เป่าฮู่คิดว่า เวลาหนึ่งปีน่าจะพอที่ตนเองจะให้ทั้งสองคนหลบอยู่ใต้ชายคาของศัตรู
“จี้เออร์ พี่คิดว่าพี่กำลังหลงทางอยู่ เส้นทางที่พี่ควรเดินมิใช่หลบอยู่ใต้ชายคาศัตรูแบบนี้ เจ้าและปู่ของเจ้าจงอยู่ที่เขาเทวะรอพี่ 1 ปี พี่ขอเวลา 1 ปีแล้วพี่จะมารับทั้งสองคน”
คำกล่าวที่ดั่งสายฟ้าฟาดลงกลางใจจี้เออร์นางมิได้เตรียมใจที่จะมาพบเจอสถานการณ์
เช่นนี้ นางที่ได้รับการชี้แนะจากเป่าฮู่ทุกวันจนนางมีความสามารถเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมมากนัก และจากเดิมเพียงหญิงสาวที่ไร้ค่ากลับถูกขัดเกลามาจนนางมีระดับปราชญ์ลมปราณ
ตอนนี้เป่าฮู่ชายที่นางนับถือกำลังกล่าวบางสิ่งออกมาและนางกลับต้องมาตกใจหนักเข้าไปอีกที่คำกล่าวนี้จู่ๆก็มาโดยไม่มีสัญญาณเตือน
ขณะที่นางกำลังจะถามหาเหตุผลเป่าฮู่กลับกล่าวออกมาว่า
“พี่สัญญา 1 ปีจะมารับพวกเจ้า เจ้าเองต้องทะลวงระดับราชาลมปราณให้ได้ก่อนที่พี่จะกลับมา พี่จะกลับไปสะสางธุระที่พี่นั้นควรจะสะสางเมื่อนานมาแล้วเสียก่อน”
คำกล่าวนี้ทำให้นางพูดไม่ออก เพราะว่านางรู้ว่าคนเช่นพี่ชายเป่าฮู่จะมาก็มาจะไปก็ไป และตอนนี้เองนางและปู่ยังมีประโยชน์กับตระกูลเต้า ทั้งสองจึงรู้ว่าตระกูลเต้าไม่ทำอะไรทั้งสองในตอนนี้เป็นแน่
“เมื่อนี่คือสิ่งที่ท่านตัดสินใจข้าก็ห้ามท่านไม่ได้ เช่นนี้ท่านก็ไปเถอะ”
คำกล่าวที่ทำให้บุคคลที่สามที่ติดตามมางุนงง กลับเป็นหย่วนซิวหยูที่มองทั้งสองและพยายามเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดอยู่นั่นเอง
เพียงเป่าฮู่หันมาทางหย่วนซิวหยู ก็ทำให้นางตกใจและตัวเป่าฮู่ก็กล่าวออกมาว่า
“สำหรับเจ้าแม่นางซิวหยู ถึงเวลาที่ตระกูลหย่วนต้องใช้หนีบุญคุณข้าคนนี้ 1 ครั้งแล้ว จงติดตามข้าไปทุกที่และจงเป็นกำลังให้ข้า ข้าต้องการเพลิงของเจ้าเพื่อแผดเผาศัตรูของข้า”
คำกล่าวนี้ทำให้นางตกใจและที่ต้องตกใจหนักไปกว่าเดิมคือ เป่าฮู่ที่เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาท่ามกลางแสงแห่งดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ใกล้ลาลับ
เพียงหย่วนซิวหยูได้เห็นรูปลักษณ์นั้น นางมิมีวันลืม ชายที่มีความตั้งใจที่จะรับนางที่เป็นดาวกาลกิณีให้ติดตามรับใช้ชายที่ชนะเต้าอิงเฉิงคนนั้นได้
เมื่อในสายตาคนอื่นเต้าอิงเฉิงคือผู้ชนะแต่สำหรับนาง คนที่ชนะนั้นกลับเป็นเป่าฮู่คนนี้ นางรู้ดีเพราะวันนั้นเต้าอิงเฉิงสวมใส่เครื่องป้องกันระดับสูง
โดยผู้อาวุโสของตระกูลเต้ายังบอกออกไปว่า หากไม่มีเครื่องป้องกันนี้ไม่แน่คนที่ต้องลงไปนอนบนกองเลือดอาจเป็นคุณชายของมัน
หย่วนซิวหยูเห็นใบหน้านั้นของเป่าฮู่นางก็ยิ้มและก้าวลงจากหลังม้า ก่อนที่จะคุกเข่าของนางลงกับพื้น
“ซิวหยู ในที่สุดก็พบตัวคุณชาย ข้าเฝ้าตามหาท่านมานาน และวันนี้ได้พบท่านที่นี่ อันตัวท่านปู่สบายดีเจ้าคะและข้าพร้อมติดตามท่านไปทุกที่ และเป็นกำลังให้ท่านตามที่ท่านต้องการ ศัตรูของท่านคือศัตรูของซิวหยูเช่นกัน”
เมื่อเป่าฮู่ได้ฟังก็สำรวจพลังที่แผ่ออกมาจากตัวของนาง และนึกไปถึงวันที่นางปลุกพลังทางสายเลือดกรรมวิธีทุกอย่างถูกต้อง เพียงแต่นางถูกสะกดไว้ด้วยอักขระที่กล้าแกร่งของผู้ใช้อักขระบนแท่นหินในงานวันนั้น
แต่วันนี้กลับต่างออกไปเพราะว่าเป่าฮู่มีเจ้าเต่าบ้า อยู่ด้วย เป่าฮู่ผ่ายมือออกมาพร้อมวงแหวนสีแดงที่ปรากฏ
“ท่านกำลังจะทำอะไร?”
นางถามถึงสิ่งที่นางไม่เข้าใจ แต่เป่าฮู่กลับบอกมาว่า ตัวมันกำลังจะทำให้สิ่งที่ถูกต้องและมองไปที่เต่าอักขระก่อนที่เต่าอักขระจะรู้ถึงสิ่งที่เจ้าหนผู้นี้ต้องการ
“เอ่อข้ารู้แล้ว”
เต่าอักขระที่รู้ว่าเจ้าหนูคนนี้ต้องการอะไร มันกระโดดออกไปและลอยตัวเหนือศีรษะของ
หย่วนซิวหยู ภาพที่จี้เออร์เองยังสงสัย พี่ชายฮู่ของนางมีสัตว์ในพันธะสัญญาวิญญาณ
สองตัวเลยหรือ
เต่าอักขระได้ปลดปล่อยอักขระบางอย่างออกมาและมันลอยเด่นเหนือหัวของหย่วนซิวหยู และไม่นานเต่าน้อยก็เปล่งวาจาออกมาเบาๆ
“ปลดผนึก”
เพียงเท่านั้นร่างกายของหย่วนซิวหยูก็เหมือนเปลวเพลิงที่ร้อนแรงกว่าสิ่งอื่นใด
โหมกระหน่ำเข้ามาแผดเผา นางมองใบหน้าของเป่าอู่ชายที่นางไว้ใจและมองที่ริมฝีปากของเขาที่เหมือนกำลังกล่าวบางอย่างออกมา
“จงกำราบเปลวเพลิงนี้ซะ”
เมื่อนางเข้าใจความหมายนางก็รู้โดยทันทีว่า นางเองมิได้มีดวงเป็นตัวกาลกิณีดั่งที่ตระกูลเร่อต้องการให้นางเป็น พวกมันต้องทำบางอย่างกับแท่นพิธีการ
ด้วยสิ่งนั้นทำให้นางโกรธแค้นและยิ่งโกรธเปลวเพลิงจากพลังในตัวนางกลับมากเป็นทวีคูณ เพลิงจากสัตว์เทพ แม้จะแฝงมาในสายเลือดไม่มากก็ตามแต่เปลวเพลิงที่นางมีมันเป็นเปลวเพลิงของเทพหงส์เพลิงแม้จะไม่เด่นชัดในตอนนี้ก็ตาม
หย่วนซิวหยูที่กำลังทรมานอย่าแสนสาหัสร่างของนางกำลังถูกเปลวเพลิงที่จู่ๆก็ลุกไหม้จนเครื่องสวมใส่ของนางถูกเผาจนหมดสิ้น เป่าฮู่ได้เห็นเช่นนั้น ก็คิดว่านางจะกำราบเปลวเพลิงนั้นและดึงเอามาเป็นพลังของนางได้หรือไม่
ความร้อนนั้นทำให้เป่าฮู่และจี้เออร์ได้รับรู้ถึงอันตรายของมันนี่คือพลังจากเทพหงส์เพลิงแดนใต้ เป่าฮู่หากไม่ใช้ลมปราณเทพเต่าดำ สร้างเกราะคุ้มกันไว้นั่นจะทำให้ตัวของมันเองบาดเจ็บได้และยิ่งไปกว่านั้นจี้เออร์ก็มิต่างกัน
เพียงเครื่องสวมใส่ของนางขาดสะบั้นเป่าฮู่ก็ไม่อาจทนดูได้จึงกล่าวออกไปว่า
“จี้เออร์ ถอยไป”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ขึงขังของพี่ชายนางรีบกระโดดถอยห่างออกไป เป่าฮู่ที่โบกมือเพียงไม่กี่ครั้งกำแพงน้ำแข็งที่เข้าปะทะกับเปลวเพลิงของหย่วนซิวหยู ทำให้ความร้อนจากเปลวเพลิงนั้นไม่กระจายออกมาสู่ภายนอก
ดังนั้นภาพที่เห็นก็คือสตรีหนึ่งนางที่ปลดปล่อยเปลวเพลิงที่ร้อนแรงดั่งเพลิงนรก อีกหนึ่งบุรุษที่สร้างกำแพงน้ำแข็งที่หนาวเหน็บเข้าป้องกันจากรอบทิศ
ด้วยเหตุการณ์นั้นทำให้บรรยากาศรอบๆเส้นทางสายนั้นเปลี่ยนไป จนถูกพบเห็นจาก กองกำลังของหอยอดยุทธ์ที่ออกสำรวจพื้นที่โดยรอบ และหน้าที่ของการสำรวจพื้นที่เหล่านั้นก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก กลุ่มของจี่เหล่ยที่ติดตามพร้อมกับพี่ชายของมัน จี่ซวงนั่นเอง
“ท่านพี่นั่นมันอะไร เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันหนีมาจากทิศทางนั้นจนสิ้น?”
คำกล่าวนั้นทำให้ตัวของจี่ซวงได้รับรู้ถึงความเปลี่ยนไปของพื้นที่โดยรอบ
“ใช่! ต้องมีบางอย่างไปสำรวจกัน”
การมาของกลุ่มคนเหล่านั้น จี้เออร์รับรู้ได้เช่นกัน ด้วยพรสวรรค์ของนาง นางร้องให้พี่ชายเป่าสวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์อีกครั้ง
“พี่ชายมีคนกำลังมา หน้ากากนั่นรีบสวมมันเร็ว”
เพียงเท่านั้นเป่าฮู่ไม่รอช้าละมือจากกำแพงน้ำแข็งพร้อมสวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์ตามเดิม และก็เป็นจังหวะที่หย่วนซิวหยู ได้กำราบเปลวเพลิงเสร็จสิ้นพอดี
ด้วยสิ่งนั้นจึงทำให้นางที่อยู่ในร่าที่เปลือยเปล่า ก่อนที่กำแพงน้ำแข็งจะละลายไปทำให้ก้อนมวลน้ำที่ระลายมานั้นชโลมตัวของนางสร้างภาพที่มีแต่ในจินตนาการเท่านั้นเกิดขึ้น
จี้เออร์เห็นดังนั้นนางไม่รอช้ารีบทะยานร่างเข้าไป เพื่อไม่ให้ใครได้เห็นสิ่งภาพอันเป็นความลับของสตรีคนหนึ่ง เป่าฮู่ที่เห็นก่อนใครหันหลังไปและยืนข่มอารมณ์ตนเองไว้อย่างสุภาพบุรุษ
แต่กลุ่มชายที่บัดนี้ยืนแข็งค้างอยู่ห่างไปไม่ไกล พวกมันทุกคนเห็นสิ่งที่มิควรเห็น ภาพของหย่วนซิวหยูจารึกลงไปในใจของมันเรียบร้อยแล้ว
“เทพธิดา นางคือเทพธิดา”