การที่เหล่าบุรุษได้เห็นภาพของอิสตรีที่งดงามดั่งน้ำค้างกลางฤดูที่ร้อนอบอ้าวนี้
ย่อมทำให้ชีวิตน้อยๆกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง และด้วยหญิงนางนี้สวยสดงดงามดั่งเทพธิดา
แม้เปลวเพลิงที่ร้อนแรงนั้นได้บ่งบอกถึงฐานะของนางว่าย่อมต้องมาจากดินแดนทางตอนใต้ แต่เหตุไฉนถึงได้เผยตัวท่ามกลางป่าเขาและต่อหน้าเจ้าคนน่ารังเกียจเช่นต้านเสี่ยว ศิษย์แห่งมารฟ้าโอสถผู้นั้นด้วย
สายตาที่เหล่าศิษย์แห่งหอยออดยุทธ์ เช่นจี่เหล่ยและจี่ซวงมองลงมายังเรือนร่างของหย่วนซิวหยู ด้วยแววตาที่ชั่วช้าและก็เป็นจี่เหล่ยที่จดจำนางได้ดี
“ท่านพี่นั่น! จี้เออร์หลายสาวผู้เฒ่าหลางจง เฒ่ามารฟ้าโอสถ หากเราสามารถดึงนางมาเป็นคนของตระกูลเรา ท่านคิดว่า ท่านผู้นำตระกูลจะคิดเช่นไร?”
ความคิดที่ชั่วช้าได้เกิดขึ้นและตัวของจี่ซวงเองก็คิดว่าตัวมันไม่อาจปล่อยสาวงามตรงหน้าคนนี้ไปได้ และเมื่อสายตาจดจ้องไปยังผิวที่ขาวราวหยกน้ำดีนั้น กับต้องมาหงุดหงิดเสียอารมณ์กับเจ้าตัวบัดซบที่อยู่ข้างๆ
เมื่อทั้งกลุ่มได้เห็นท่าทีของจี่ซวงศิษย์ผู้โดดเด่นของกลุ่มศิษย์ภายนอก
และยังเป็นคนที่จะก้าวเข้าไปยังเขตศิษย์ภายใน อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อมีการทดสอบ ดังนั้นจึงทำให้ได้ใจในสิ่งต่างๆที่ตนเองสามารถควบคุมได้
ภาพที่เห็นศิษย์ของเฒ่ามารฟ้าโอสถ นามต้านเสี่ยว ไอ้คนขี้ขลาดที่คนเขาเล่าลือกันมาอย่าแพร่หลายในกลุ่มศิษย์ของหอยอดยุทธ์ แต่ความจริงนั้นช่างตรงกันข้าม เมื่อป่าฮู่หรือเจ้าต้านเสี่ยวมองไปทางกลุ่มชายที่น่ารังเกียจกลุ่มนั้น
“เอาหละซิวหยู ศักดิ์ศรีของเจ้า ข้าผู้เป็นชายแม้จะควรแก้ต่างให้เจ้า แต่นั่นไม่ใช่นิสัยของข้า จงชำระสิ่งที่เจ้าคิดว่าไม่สมควรที่จะต้องมีตัวตนอยู่ตรงหน้า ข้าให้เวลาเจ้าจัดการกับคนกลุ่มนี้เพื่อตัวตนของเจ้าเอง”
เป่าฮู่หลังจากที่ได้กล่าวก็หันกลับไปทางซิวหยูที่ตอนนี้ได้สวมใส่เสื้อผ้าบางชิ้นที่จี้เออร์นำออกมามอบแก่นางใส่ไปก่อนเพื่อปกป้องส่วนต่างๆของร่างกาย
ในขณะที่จี้เออร์ได้ถูกเป่าฮู่เรียกเข้าไปหา เป่าฮู่ก็โยนเสื้อผ้าที่เป็นของ
ผู้ชายในแหวนเก็บของออกมาพร้อมกล่าวว่า
“ใส่มันซะและจงแสดงพลังของเจ้าให้ข้าได้เห็นว่าเจ้าเหมาะสมที่จะติดตามข้าหรือไม่ หากไม่ก็คงต้องสงเจ้ากลับไปยังที่ที่เจ้าจากมาและก้มหน้ารับชะตากรรมนั้นต่อไป
จี้เออร์มานั่งดื่มชาร่วมกับพี่ชายก่อนที่พี่จะจากไปเถอะ”
การที่เป่าฮู่ไม่เห็นกลุ่มศิษย์ที่สวมใส่อาภรณ์ของหอยอดยุทธ์ที่หยู่ตรงหน้า ในสายตาของตัวมันเองก็เพราะ เป่าฮู่คิดว่าระดับลมปราณเพียงเท่านั้นเพลิงของนางก็ล้วนจัดการได้ ใยต้องเดือดร้อนมาให้ตัวเป่าฮู่ออกแรงยิงศรดอกเดียวได้นกสองตัว หนึ่งได้เห็นฝีมือของผู้ติดตาม
สองได้กำจัดตัวตนที่เป็นขยะในสายตาออกไปเสียให้พ้น
การที่จี้เออร์เดินมาหาเป่าอู่ทำให้จี่เหล่ยรู้สึกหงุดหงิด ก่อนที่จี่เหล่ยจะกล่าวออกไปว่า
“ท่านพี่วันนี้หากเราฆ่าเจ้าต้านเสี่ยวนั่นและนำพวกนางมาเป็นผู้หญิงของเรา เชื่อว่าต้องได้รับรางวัลจากท่านผู้นำเป็นแน่”
คำกล่าวที่ดั่งตอกตะปูฝาโรงให้ตนเองนั้น ดังก้องในห้วงสำนึกของตัวมันเอง เมื่อจู่ๆ
เปลวเพลิงที่ไร้ที่มาก็พลันลุกไหม้ บริเวณรอบตัวหย่วนซิวหยู กลับปรากฏเปลวเพลิงสีแดงฉานขึ้นมา ด้วยความร้อนที่มีทำให้จี่ซวงรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย
“ระดับราชาลมปราณขั้นที่ 2 ฮ่าๆๆๆ นับว่าไม่เลว อายุเพียงเท่านี้นับว่าไม่เลว ดี ดี เช่นนี้ข้าชอบ”
อันความเลวที่ฝังลึกในสายเลือดนี้ได้เดือดขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นส่วนเนื้อขาวๆที่ส่องประกายออกมากระทบกับแสงไฟที่สร้างมิติแห่งการมองเห็นได้ลึกล้ำ
หย่วนซิวหยูสะบัดมือหนึ่งครั้ง ก้อนแห่งเปลวเพลิงที่นางสร้างกลับพุ่งออกไปราวกับมันมีชีวิต นางไม่รอช้าร่ายรำตามเคล็ดวิชาที่บรรพชนสังสอนมาทันที
“ระบำหงส์เพลิงสะบัดปีก”
ท่วงท่าที่อ่อนช้อยงดงาม หากไม่ได้เห็นว่านางกำลังต่อสู้ก็คิดว่านางคงออกมาร่ายรำเพื่อมอบความสุขแก่บุรุษที่นางใฝ่ถวิลหา ใต้ท่วงท่าเหล่านั้นแฝงไปด้วยพลังที่น่ากลัวซ่อนอยู่เสมอ
เป่าฮู่ได้เห็นก็รู้สึกดีใจที่หนึ่งในผู้ที่จะติดตามเป็นกำลังให้ตนเองมีความสามารถพอที่จะไม่ต้องมาเป็นภาระในภายภาคหน้า
“นับว่าไม่เลว”
การกล่าวออกมาขณะที่ยกชาขึ้นมาจิบ จี้เออร์ได้เห็นการร่ายรำของหย่วนซิวหยูก็หันมาถาม
เป่าฮู่ทันที ด้วยความสงสัยและความต้องการที่จะรู้เป็นพิเศษ
“นี่พี่ชาย นางงดงามปานนั้นท่านมิสนใจนางบ้างหรือ?”
ชายใดในใต้หล้าที่จะมิสนในทำเป็นเมินเฉยต่ออิสตรีที่งดงามได้กันบ้าง เป่าฮู่ละสายตาจากถ้วยน้ำชาขึ้นมาและมองไปยังร่างหนึ่ง ที่กำลังร่ายรำท่ามกลางเปลวเพลิงที่ส่องสว่างไสว
“ฮึ! น้องจี้เออร์ ใครกันจะอดใจได้ที่เห็นหญิงงามอยู่ตรงหน้าและไม่รู้สึกอะไร
พี่ชายนะก็รู้สึกเช่นชายหนุ่มๆทั่วไป”
เพียงเท่านั้นจี้เออร์ก็เหนื่อยหน่ายใจ เพราะตัวนางคิดว่าพี่ชายคนนี้จะต่างจากบุรุษอื่นทั่วไป แต่ยังมิทันได้ตัดทิ้งไปเป่าฮู่ก็กล่าวขึ้นมา
“แต่………ก็มิใช่ว่าจะไม่มี……คนเช่นพี่ชายเห็นนางกลับคิดว่ายังรู้สึกเฉยๆ
เพราะพี่มีบางสิ่งที่ต้องทำมากกว่าที่ต้องมาสนใจในสิ่งที่ยังมิควรแก่เวลา”
เพียงคำๆนี้ดังขึ้นมานั่นยิ่งทำให้จิตใจของจี้เออร์พองโต ในใจร่ำร้อง เรายังมีโอกาส เรายังมีโอกาส
แต่กลับตรงหันข้ามกับเป่าฮู่ที่มองเห็นเพียงเส้นทางที่ตัวมันและผู้ที่ติดตามต้องเผชิญ
“ยังไม่ได้เรื่อง ต้องเหี้ยมกว่านี้ เพลิงของนางร้อนแรงได้มากกว่านี้”
ด้วยการตัดสินใจต่อต้านและท้าทายกลุ่มหอยอดยุทธ์ และตัวเป่าฮู่เชื่อว่า
พวกของจี่เหล่ยไม่กล้าที่จะแพร่งพายข่าวนี้แน่ เพราะพวกมันเป็นคนเริ่มก่อนนั่นเอง
การได้เห็นลีลาอันอ่อนช้อยยิ่งทำให้เป่าฮู่ได้ดื่มด่ำกับน้ำชาที่เลิศรสมายิ่งขึ้น ทุกการออกท่าอาวุธ เรือนร่างที่โบกสะบัดล้วนที่จะกระชากใจของชายหนุ่มทั้งหลายได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ผู้ที่เป็นศิษย์น้อยใหญ่ที่ติดตามจี่ซวงมา
เมื่อระบำหงส์เพลิงสะบัดปีกได้ทำให้ความเสียหายของกลุ่มศิษย์แห่งหอยอดยุทธ์ต้องหวั่นเกรง ด้วยความเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชนกลุ่มใดนอกเสียจากศิษย์ชั้นสูงทำลายการสร้างค่ายกลของจี่ซวงได้
“บัดซบ! ท่านพี่ เปลวเพลิงของนางไม่ธรรมดา สามารถทำลายแผนของท่านได้”
“ใช่นายน้อย เราควรทำอย่างไรดี?”
เสียงของศิษย์ที่เป็นคนรับใช้ในตระกูลที่เป็นดั่งเพื่อนสนิทของจี่ซวงมาตลอดเวลา
เพียงคำตอบนั้นมิอาจที่จะสลัดภาพที่หญิงเพียงคนเดียวจะสามารถกดดันหนึ่งในกลุ่มศิษย์น่ากลัวของยอดอัจฉริยะที่ดำรงตำแหน่งศิษย์ที่ดีที่สุดของศิษย์ภายนอก