หลังจากร่างชายที่บอบบางเดินผ่านซุ้มประตูของจวนเจ้าเมืองตระกูลหงเข้ามาพร้อมกับทหารที่นำทางมา สิ่งที่หย่วนซิวหยูต้องตกใจก็เพราะบุคคลที่อยู่พูดคุยกับเจ้าเมืองกลับเป็นคนที่นางรู้จัก ก่อนที่หย่วยซิวหยูจะเห็นชายชราคนที่นางเคารพคนนั้นนั่งจิบสุราอย่างหน้าชื่นตาบาน
เพียงอย่างแรกที่ต้องทำคือส่งสารของนายท่านแก่ท่านเจ้าเมือง
เพียงการมาของนางเฒ่าชราหย่วนปงก็รับรู้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยอยู่บ้าง
แต่ใครจะคิดว่าหลานสาวสุดน่ารักที่ถูกขับออกมาจากแดนใต้ต้องพบเจออะไรบ้าง
ที่มากกว่านั้นจะมาอยู่ในชุดบุรุษตรงหน้าของตน
“ท่านเป็นเจ้าเมือง คุณชายส่งคนมาส่งสารแก่ท่าน”
คำกล่าวของทหารหนุ่มที่นำทางซิวหยูมา และสายตาของนาง
หลังจากส่งสารไปให้แก่เจ้าเมืองแล้วนั้น กลับมองไปทางชายชราอย่างไม่วางตา
แม้เฒ่าชราจะสงสัยแต่ก็ไม่แน่ใจ
ด้วยใครจะไปคิดว่าหลานตนจะปลอมตัวเป็นบุรุษแบบนี้และตนเองก็ออกเสาะหาหลายสาวมานานนับเดือนก็ไม่พบร่องรอยใดเลย
ยุทธภพกว้างใหญ่ใครจะคิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ และการที่หย่วนปงเดินทางมายังตระกูลหงเอง ก็เพราะต้องการเชื่อมสัมพันธ์กับหงซวนเจ้าเมืองที่เป็นบิดาบุญธรรมของเป่าฮู่นั่นเอง ด้านหงซวนหลังจากที่รับสารไปแล้วก็กล่าวออกไปว่า
“ลูกชายข้าสบายดีหรือไม่พ่อหนุ่ม”
เพียงหย่วนซิวหยูได้ฟังก็กล่าวออกไปทันที ด้วยน้ำเสียงของนางเอง
“ผู้เยาว์ขอคาราวะท่านเจ้าเมือง นายท่านสบายดีเจ้าคะ”
น้ำเสียงนั้นทำให้ตัวหงซวนตกใจทีแท้คนตรงหน้าคือสตรีและยิ่งกว่าหงซวนกลับเป็นหย่วนปงที่ตกใจมากว่า พร้อมกันนั้นตาเฒ่ากลับลุกขึ้นมายังจุดที่หย่วนซิวหยูยืนอยู่ ตาเฒ่ากลับถามออกไปทันที
“เจ้าหนูหงซวน ข้าขอเสียมารยาท แม่นางเจ้าคือ?”
เพียงเท่านั้นหย่วนซิวหยูกลับหันไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าปู่ของนาง ใครจะไปคิดว่าการที่นายท่านสั่งให้นางทำงานนี้จะทำให้นางได้พบปู่ของนางอีกครั้งนี่เป็นเรื่องที่นงไม่อาจจะรับได้เพราะนางรู้สึกผิดเสมอที่ได้ออกมาโดยที่ไม่ได้ร่ำล่านอย่างถูกต้อง
“ท่านปู่ ซิวหยูเอง ข้า ข้า ข้าคิดถึงท่านมาก”
หลังจากนั้นนางก็ปลดผ้าคลุมหน้าออกเผยให้เห็นถึงรูปโฉมที่งดงาม
จนหงซวนตกใจนี่มันอะไร บุตรชายตนอยู่กับหลานสาวของผู้เฒ่าหย่วนปง
และนางยังเรียกเขาว่านายท่านนี่มันมันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
เมื่อทั้งสามได้พูดคุยกันต่อจนได้ความว่า หย่วนซิวหยูนางได้แยกทางจากเป่าฮู่
ที่เมืองซื่อเอ๋อนี่เอง เสียงหัวเราะชอบใจของหงซวนที่เห็นความก้าวหน้าของบุตรชายบุญธรรมคนนี้
“ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ นับว่ามีวาสนา นับว่ามีวาสนา ท่านผู้เฒ่าหลานสาวของท่านทั้งสองกลับมาพักอยู่ที่นี่ เอาเถอะข้าจะรับรองความปลอดภัยแก่นางเองเพราะสถานการณ์ที่แดนใต้ข้ารู้ว่าตระกูลท่านถูกอำนาจของตระกูลเร่อกดทับจนไม่อาจทำอะไรได้ ฉะนั้นข้าจะดูแลนางเอง”
เมื่อหย่วนซิวหยูได้ฟังว่าชิงเหยียนได้มาพักที่ตระกูลหงด้วยนางก็ตกใจและกล่าวถามถึงสิ่งนั้นจนได้ความว่าน้องสาวของนางพักร่วมกับบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองที่ด้านหลังจวนเจ้าเมือง นางทั้งสองเข้ากันได้ดีเช่นนั้นทำให้นางเบาใจ แต่ที่นางห่วงกับเป็นงานที่นายท่านสั่งมามากว่า
เพราะหลังจากที่ติดตามเป่าฮู่มา งานใดที่นายท่านสั่งมานางต้องทำให้สำเร็จละรวดเร็วเพราะนายท่านมักมีแผนต่อไปวางไว้รอเสมอ ดังนั้นหลังจากนางคลายความกังวลใจนางจึงกล่าวออกมาว่า
“เรียนท่านเจ้าเมือง และท่านปู่ ซิวหยูจำเป็นต้องลาพวกท่านไปก่อน แต่ว่าท่านเจ้าเมือง นายท่านขอให้ท่านส่งองครักษ์มาช่วยงานนายท่านเป่าฮู่สัก 2- 3คน เจ้าค่ะ
และให้ข้านำทางไปสมทบกับนายท่านที่เมืองซื่อหู่ยังตระกูลเหมยเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่านายท่านต้องมีแผนการที่ต้องรีบสานต่อเป็นแน่”
เพียงเท่านั้นหย่วนปงคิดจะตามหลานสาวไป แต่หย่วนซิวหยูกลับบอกว่าให้ท่านปูพักอยู่ที่นี่เพราะสิ่งที่นายท่านทำอาจนำภัยมาสู่ตระกูลหงในไม่ช้า หากมีท่านปูคอยปกป้องนั้นย่อมดีกว่านั่นเอง
“ฮ่าๆๆๆ ใครจะไปคิดว่าหลานสาว ที่ยิ้งทะนงคนเก่าได้เลือนหายไปจนหมดเหลือเพียงคนที่มุ่งมั่นทำตามที่เจ้าหนูนั่นสั่งมาอย่างไม่บิดพลิ้ว ฮ่าๆๆๆ ข้าหวังว่าเจ้าหนูนั่นคงเมตตาหลานสาวข้า ในสักวัน”
หย่วนซิวหยูได้ฟังกลับหน้าแดงก่อนที่จะข่มใจตนและนึกถึงสิ่งที่ตนควรทำ พร้อมลุกขึ้นคาราวะปู่ของนางพร้อมขอลาเจ้าเมืองอกไปทันที
“ซิวหยูขอลาท่านปู่ตรงนี้และ ผู้น้อยของท่านเจ้าเมืองไปตรงนี้เจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นม้าที่ควบออกไปอย่างเร่งรีบ ใต้การนำขององครักษ์ที่คุ้มกันหย่วนซิวหยูดั่งคนสำคัญเพราะหงซวนได้ฟังมาว่า นางก็มีพลังที่น่ากลัวซ่อนอยู่ หากว่ากันว่านางคือเทพธิดาหงส์เพลิงก็ไม่แน่จะเป็นไปได้ ดังนั้นการมีคนเช่นนี้มาร่วมแผนการของบุตรชายที่ส่งมาอาจสำเร็จ
สิ่งที่เป่าฮู่ส่งมาแก่หงซวนกลับเป็นคำกล่าวไม่กี่คำ และเท่านั้นก็ทำให้ใจของหงซวนรู้สึกภูมิใจ เพราะตัวหงซวนไม่มีบุตรชาย หากมีเป่าอู่ที่จะสืบทอดทุกอย่างในสักวันและดูแลหงหลี่ไปด้วยนั่นย่อมดีกว่ามิใช่หรือ
(คาราวะท่านพ่อ ลูกต้องขออภัยที่ไปคาราวะด้วยตนเองไม่ได้ แต่ลูกจะนำแดนแดนศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ใต้บารมีตระกูลหงในสักวัน)
สิ่งที่ใครจะอาจเอื้อมนี้ต้องเป็นคนที่สวรรค์เลือกเท่านั้น และหงซวนเชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้สามารถทำได้ หนึ่งในผู้ครอบครองลมปราณเทพเต่าดำที่น่าเกรงขามผู้เฝ้าทวารแห่งทิศอุดร
ด้วยสิ่งนี้ยิ่งทำให้หงซวนมั่นใจเพราะข่าวที่ได้รับจากแหล่งข่าวที่เป่าฮู่สร้างไว้ที่แดนใต้ ก็ยืนยันตอนที่เป่าฮู่ประลองฝีมือกับเต้าอิงเฉิงที่ว่ากันว่าเป็นยอดคนผู้นั้น
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้การตัดสินใจของหงซวนช้าไปได้ เพราะลูกชายกำลังต้องการกำลังคน ตนจึงส่งออกไปทันที 5 คน ซึ่งมากกว่าที่บุตรชายขอมาแน่นอน ด้านเฒ่าชราหย่วนปงก็กล่าวออกมาถึงคำทำนายของเจ้าหนุ่มคนนั้นต่อหน้าหงซวนอีกครั้ง
“นับเป็นวาสนาของเจ้า เจ้าหนูหงซวน เพราะสักวันเด็กนั่นจะสยบใต้หล้าและขึ้นไปยืนจุดที่สูงที่สุด แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะก้าวไปในทิศทางใดเท่านั้นเอง”