การก้าวเท้าลงจากยอดเขาเคียงตะวันของเป่าฮู่ ทุกย่างก้าวล้วนตระหนักถึงสิ่งที่ตนเองนั้นได้ทำลงไป ตามสัญชาตญาณของเป่าฮู่ที่พร่ำร้องออกมานั้น ตอกย้ำว่า เจ้าเฒ่าชราแซ่หยุนผู้นี้ไม่ได้ดีกว่าคนอื่นสักเท่าไหร่
แววตาที่ทะเยอทะยานนั้น ต้องใช่แน่ๆ ต้องใช่ ชายชราคนนั้นอาจรู้ว่าลมปราณที่ตัวเป่าฮู่แอบใช้ออกมาต่อต้านลมปราณวารีพิทักษ์นั่น ต้องมาจากรากเง้าเดียวกัน
นิกายเสวียนอู่นั่นเอง……
แต่ทำไมหยุนเต๋อไม่ฟื้นฟูนิกายเสวียนอู่ที่ตัวมันเคยรู้จักนั้นอีกครั้ง ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
แต่ใครจะยอมหลบอยู่ใต้ปีกของใครได้นานกัน ทุกคนย่อมมีความฝันและความหวังที่จะทำอะไรในนามของตนเอง
เพียงเดินทางลงมาตามเส้นทางเดิมได้เพียงไม่นานเป่าฮู่กลับนึกว่าตาเฒ่าคนนั้นจะยอมเผยตัวตนที่น่ารังเกียจออกมา จากสัมผัสที่รับรู้ได้ว่ามีคนดักซุ่มตนเองอยู่ไม่ต่ำกว่า 100 คน ที่เชิงเขาด้านล่าง ทำให้เป่าฮู่ที่กำลังอารมณ์เสียนั้นได้แสดงท่าทีที่เบื่อหน่ายออกมา
“จะทำอะไรกันแน่ ประมุขหยุนเต๋อ คิดว่าใช้คนมากจะรังแกคนน้อยได้อย่างนั้นเหรอ?”
แต่หลังจากคนเหล่านั้นเผยตัวออกมา การแต่งการกับต่างออกไป เครื่องแบบนั้นคือศิษย์สำนักเจ้าเมืองซื่อหู่ ที่ดูมีคุณค่ามากว่าชุดสวมใส่ของพวกขอทานในพรรคใต้หล้าแห่งนี้ ทำให้เป่าฮู่ได้นึกถึงความชั่วช้าของคนเหล่านี้ ยอมขายจิตวิญญาณให้แก่แดนศักดิ์สิทธิ์ เพียงเท่านั้นความเดือดดาลจากหลายๆเรื่องก็พรั่งพรูออกมา
“อ๊ากกก ไอ้พวกลูกเต่า จะหดหัวอยู่ทำไม ออกมาให้หมดทั้ง 100 คนนั่นแหละ
วันี้บิดาอารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ออกมา!”
เพียงเท่านั้นกลุ่มคนที่เป็นศิษย์สำนักเจ้าเมืองซื่อหู่ทั้ง 100 กว่าชีวิตก็พากกันสงสัยว่าเจ้าบ้าคนนี้ไปเอาความมั่นใจหรือความสามารถอะไรที่จะทานทนรับมือกับยอดฝีมือจากสำนักซื่อหู่ ทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว
แต่คลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของเป่าฮู่ ชายหนุ่มไม่สนใจอะไรอีกเพราะความเดือดดาลที่ได้รับก่อนหน้า จึงได้เดินลมปราณกระตุ้นแก่นแท้แห่งอสรพิษฟ้าครามในตันเถียน และปลดปล่อยวงแหวนสีแดงฉานออกมา
ความโกรธแค้น ความอัดอั้น สายลมที่พัดมาชายอาภรณ์ปลิวไสว แววตาที่ดูเหี้ยมเกรียม และสลับกับสีหน้าของคนทั้ง 100 คนตรงหน้าที่พลันซีดลงอย่างบอกไม่ถูก ใครจะไปคิดว่า จะมีชายหนุ่มอายุไม่ถึง 20 บรรลุระดับราชันลมปราณ และจากยอดเขาแสงที่เปลงจากวงแหวนสีแดงเพลิงนั้นทำให้ชายชราที่ยืนมองลงมาพร้อมหลานชายนามหยุนฟง ทั้งสองกล่าวถึงสิ่งที่สงสัยกันอย่างสนุกสนาน
“ฮ่าๆๆๆ เห็นแล้วหรือไม่ฟงเออร์ว่าเจ้าหนุ่มนั่นมันมีดี ข้าคิดไปเองนี่ว่า เจ้าหมอนั่นมีของสิ่งนั่น แต่กลับเป็นลมปราณพิษเย็นที่แปลกประหลาด ฮ่าๆๆๆ ข้าคงแก่เลอะเลือนไปแล้วจริงๆ”
คำกล่าวนั้นทำให้หยุนเต๋อตัดสินใจว่าจะให้หลานชาย ออกเดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์คนแซ่เป่าเพื่อให้นำตำราเก้าหยินโคจรกลับมาจากสำนักซื่อหม่า
ใครจะไปคิดว่าการที่เป่าฮู่ระเบิดลมปราณในร่างออกมาพร้อมกระตุ้นแก่นแท้แห่งพิษให้แสดงพลังอำนาจที่มี จะสามารถกลบเกลื่อนที่มาของพลังของตนเองได้จากสายตาที่เลอะเลือนของเฒ่าชราหยุนเต๋อคนนั้น
ด้านเชิงเขาเคียงตะวัน
เมื่อไอพิษที่เย็นเหยียบ จากตัวเป่าฮู่ที่ปลดปล่อยออกมาพร้อม ท่าเท้าที่เคลื่อนที่ดั่งเงาภูติพราย ในม่านหมอกที่เดจากไอเย็นของน้ำแข็ง ที่เหน็บหนาวนั้น
ทุกย่างก้าวชายหนุ่มที่ดวงตาเปล่งประกายเส้นแสงที่อำมหิตออกมาพุ่งเข้าโจมตีผสานกับอสูรลมปราณที่ตัวใหญ่โตกว่า 2 จั่ง ยามกว่า 4 จั่ง ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โต สร้างความหวาดกลัวแก่เหล่าศิษย์น้อยใหญ่ในสำนักซื่อหู่ แม้ตอนนี้จะคิดหนีก็ไม่อาจทำได้แล้ว
กล่าวถึงอสูรลมปราณตนนี้ความน่ากลัวนั้นยากเกินบรรยายเป่าฮู่ที่สั่งให้อสูรลมปราณ ใต้พันธะสัญญาพุ่งทำร้ายกัดกินเหล่าชาวยุทธ์ตรงหน้าให้สิ้น ทำให้ให้พวกมันจดจำภาพที่เหี้ยมโหดนี้ก่อนตาย
เพราะหากจะกล่าวว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนี้ ก็เพราะเป็นการระบายโทสะที่ขุ่นมัวในจิตใจหากไม่ได้ชำระให้หมดสิ้นเส้นทางการฝึกยุทธ์ของเป่าฮู่ต้องพบเจอทางตันในสักวัน วันนี้ต่อให้ต้อชโลมเชิงเขาด้วยเลือดก็จะทำ
การควบคุมกระบี่น้ำแข็งที่งดงาม ด้วยความอ่อนช้อยทุกย่างก้าวสังหารหนึ่งชีวิต ด้วยลิ่มเลือดที่กลายเป็นผลึกน้ำแข็งสีแดงตกเกลื่อนกราดตามพื้น แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งกลิ่นคาวของลิ่มเลือดลงไป
จากนั้นกระบี่ที่ถูกสร้างออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุดก็ทำให้ภาพเหล่านั้นแม้ดูโหดร้ายกลับดูงดงามได้เช่นกัน
การเข่นฆ่าที่สวยงามทำให้หยุนฟงและชายชราที่ได้เห็นภาพการแสดงละครแห่งความตายเบื้องล่างต้องทึ่งในสายตาตนเอง
“ช่างเป็นศิลปะการฆ่าที่งดงาม ท่านปู่เพลงกระบี่นั่นคือสิ่งใดกัน? ข้าสนใจันมากนัก”
ด้วยความสงสัยหยุนเต๋อก็หวนนึกถึงทักษะระดับราชัน เล่มหนึ่งที่มีนามว่ากระบี่ราชันไร้รูปนั่นคือนามของมัน
“ฮ่าๆๆๆ ของดี ของดี แต่ก็เพียงระดับราชันเท่านั้น อย่าไปสนใจ มันมีชื่อว่า กระบี่ราชันไร้รูป ปู่เองก็เกือบหลงลืมมันไป ในแหวนเก็บของในห้องของปู่ก็มีฉบับคัดลอกไว้อยู่ มันคือตำราที่ถูกหอยอดยุทธ์ชิงไป เจ้าหมอนั่นคงไปได้มา
แต่มันไม่สมบูรณ์ด้วยมันมีเพียง การสร้างกระบี่น้ำแข็งอันงดงามนั้นแค่ 2 เล่มเท่านั้น ส่วนเล่มสุดท้ายคงต้องแอบลักจำจากเจ้าหนุ่มนั่นเอาแล้วกัน หรือไม่มันก็มีเล่มเช่นเดียวดกันกับปู่”
ในใจหยุนฟงจึงคิดจะเดินทางร่วมเป็นสหายกับเป่าฮู่เพื่อลอบจดจำเพลงกระบี่ราชันไร้รูปบทสุดท้ายจากเขาในสักวัน หากไม่ก็จะได้แน่ใจว่าเป่าอู่ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ
“น่าสนใจหรือไม่ข้าจะตัดสินใจเอง ท่านปู่เช่นนั้นฟงเออร์ขอไปแสดงบทละครฉากสำคัญก่อน ฟงเออร์ของลา”
หนึ่งต้องการเพลงกระบี่ หนึ่งต้องการทดสอบสิ่งที่ค้างคาในใจ และผลกรรมทั้งหมดกลับมุ่งมาสู่เป่าฮู่ ชายหนุ่มที่กำลังเข่นฆ่ากองกำลังสำนักซื่อหู่ด้วยน้ำแข็งและพิษร้ายอยู่ด้านล่างเชิงเขาอย่างบ้าระห่ำ………