เพียงเป่าฮู่ชายหนุ่มผู้ก้าวย่างไปบนเส้นทางของการต่อสู้ ไม่ว่าจะสนามรบไหนเขาก็ต้องพยายามมีชีวิตให้รอด จากสถานการณ์เหล่านั้นให้ได้ ในมือที่กำม้วนหนังสัตว์ไว้มั่น ดวงตาที่จับจ้องมองไปยังม้วนหนังเก่าๆอย่างไม่วางตาในใจก็คิดว่า เมื่อมันเป็นของดีเพียงนี้ข้าจะสามารถเอาเวลาที่ไหนศึกษามันดีดั่งนั้นจึงเรียกเต่าอักขระออกมา เพื่อคัดลอกอักขระเหล่านั้นให้เข้ามาสู่สมองของตนก่อนสิ่งอื่นใด
“เทพเต่าบ้า ได้เวลาแล้ว มิเช่นนั้นคนของพรรคใต้หล้าที่จับตามองข้าทุกย่างก้าวจะรู้ว่าม้วนหนังเก่าๆนี้ คือสิ่งใดกันแน่”
เป่าฮู่ได้เห็นม้วนหนังสัตว์เก่าๆ ที่กำลังลอยเหนือพื้นดินแสงสีทองที่เปล่งประกายออกมาจากตำราทักษะนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
เพียงไม่นานเป่าฮู่ก็ได้เห็นว่าภาพของสิ่งต่างๆที่งดงามท่ามกลางธรรมชาติที่สดใส เพียงเสียงของการต่อสู้ได้จบลงนั่นเองก็ทำให้ตัวหยุนฟงที่มีความระแวดระวังได้นำพาคนของพรรคใต้หล้าบุกตีฝ่าเข้ามา
ภาพที่เห็นคือกลุ่มศิษย์สำนักซื่อหม่ากำลังอ่อนกำลังลงอย่างมาก ทุกคนต่างนั่งโคจรลมปราณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บและยับยั้งพิษเย็นที่น่ากลัวอันแฝงมากับลมปราณของชายหนุ่มผู้น่าสะพรึงกลัวคนนั้น
“นี่พวกมันทุกคนเป็นอะไร ทำไมข้ารู้สึกเหมือนว่ามีพิษอ่อนๆกำลังกระจายตัวจากตัวของศิษย์สำนักซื่อหม่าที่ตกตายไป”
พิษของอสรพิษฟ้าครามนั้นรุนแรงมากจัดเป็นพิษลำดับที่ 3 ของพิษในใต้หล้านี้
ดังนั้นแม้มันจะเป็นอันดับที่ 3 แต่กลับได้คำว่าราชาพิษมาประกอบด้านหน้าชื่อของมัน
เมื่อตอนนี้พิษที่กระจายไปตามตัวของบรรดาศิษย์ทั้งหลายก็เพียงพอแล้วที่เป่าอู่จะเดินไปยังเบื้องหน้าของชายชราผู้ที่มีชื่อว่า หม่าฟงเสียนที่บาดเจ็บจากพิษที่แฝงมาในลมปราณนั้น
ภายใต้การมองเห็นแต่ไม่อาจที่จะฝืนอะไรได้ หม่าฟงเสียนชายที่ยิ่งใหญ่ในแดนเหนือมาช้านาน กลับต้องมาจบสิ้นชื่อเสียงเพราะเด็กหนุ่มไร้ที่มาคนนี้เนี่ยหนะหรือ
หลังจากที่เป่าฮู่นั่งยองๆมองดูชายชราที่โพร่งดวงตาอันเปิดกว้าง จ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่วางตา
“ต้องการอะไรอีก ตำราก็เอาไปแล้ว ยัง ยังต้องการอะไรอีก”
คำกล่าวของชายชราที่หวาดกลัวคนหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา ต้องมีใครสักคนที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง
เมื่อเสียงที่ดังมาแต่ไกล ด้วยคำสาปแช่งก็คือเสียงที่เล็กแหลมของสตรีที่มองเห็นพ่อของนางกำลังจะถูกศัตรูฆ่าสังหาร หม่าเฟ่ยปิงและลู่จวินหยี ได้พากันลุกขึ้นและจ้องมองมายังชายลึกลับผู้นั้น
“เจ้ามารร้าย ปล่อยท่านพ่อของข้า”
ด้านของลู่จวินหยีกลับมองต่างออกไป กลับมองดูชายหนุ่มผู้นี้ด้วยความชอบใจเพราะช่างแข็งแกร่งและมีใบหน้าที่หล่อเหลามาก
“คุณหนูท่านกำลังจะทำอะไรกัน?”
เสียงของลู่จวินหยีที่ออกแรงยับยั้ง คนที่นางติดตามาตอดไว้และมองมายัง
เป่าฮู่อย่างไม่วางตา
เพียงไม่นานเป่าฮู่ก็ได้จดจำใบหน้าของหญิงสาวนางนั้นได้ หญิงสาวที่นำพาคนมาตรวจพบศพของเหมยฮวา ผู้มีคุณกับตัวเป่าอู่นางนั้น
“เจ้า! เจ้ายังมีชีวิตอยู่?”
เมื่อลู่จวินหยีได้ฟัง นางก็สับสน เพราะนางไม่รู้ว่าคุณชายท่านนี้ไปรู้จักนางได้เช่นไร และยังมองนางด้วยสายาที่แปลกออกไปจากที่มองครั้งแรก
แต่วินาทีนี้หม่าเฟ่ยปิงได้เห็นและมองที่มือของลู่จวินหยีที่คว้าแขนของนางเอาไว้อย่างมั่นเหมาะนี้
“ศิษย์พี่ลู่หักหลังท่านพ่อสำนักหรือ ท่าน! ท่านทำเพื่อสิ่งใด?”
คำถามนี้ทำเอาเป่าฮู่มึนงงและไม่นานมันก็คิดว่าจะทำให้แม่นางคนนี้ต้องถูกเหมยซันจัดการอย่างว่าง่าย
“แม่นาง ท่านพร้อมติดตามข้าหรือไม่ ข้ารับรองว่าผู้ที่งดงามเช่นท่าน
ข้าจะถนอมอย่างดี”
คำพูดนี้ทำให้แววตาแห่งความละโมบของนางพองโตนางไม่รอช้ารีบผลักร่างของหม่าเฟ่ยปิงออกมาและกล่าวออกไปถึงสถานะของนางต่อหน้าเป่าฮู่ชายลึกลับที่หล่อเหลาคนนี้
“คุณชาย ลู่จวินหยีขอน้อมรับความปรารถนาของท่านและจะทำให้ท่านมีความสุขตลอดไป”
ลู่จิวนหยีนางเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน หลังจากที่นางได้ในสิ่งที่นางต้องการนางก็พยายามหาทางหนีจากน้ำมือของมารราคะเฒ่ามานานมากแล้ว และบัดนี้เป่าฮู่คุณชายรูปงามได้เสนอทางเดินให้นางเองมีหรือคนเช่นนางจะไม่เดินก้าวออกไป
เพียงเท่านั้นเป่าฮู่ก็ยิ้มและมองไปยังศิษย์ของสำนักซื่อหม่าที่กำลังเผชิญหน้ากับพิษเย็นในกายของพวกมัน
“ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเจ้าคงทรมาน จากสิ่งที่แฝงไปในลมปราณของข้า
ดังนั้น หากต้องการจะรอดมีทางเลือกไม่มากคือทำลายวรยุทธและตันเถียน
ของตนเองซะ แล้วพิษที่แฝงในลมปราณของท่านจะไม่ทำอันตรายแก่ชีวิต”
บัดนี้เป่าฮู่เดินออกมาจากโถงใหญ่ก่อนที่จะพบว่า หยุนฟงได้มาถึงด้านนอกของโถงใหญ่พอดี และเมื่อลู่จวินหยีได้เห็นหยุนฟงนางก็ชายตามองด้วยความแปลกใจ ก่อนที่นางจะเห็นท่าทางที่เป่าฮู่แสดงต่อหยุนฟงอีกครั้งต่อหน้า
“นี่คุณชายฟง ตามข้อตกลงของท่านและข้า จากนี้เราไม่เกี่ยวอะไรกันอีกรับไปตำราที่ท่านและบิดาท่านต้องการ และจงทำตามที่ท่านเห็นสมควร”
เพียงเท่านั้นเป่าฮู่เดินจากมาและกลับมองเห็นลู่จิวนหยีหยุดมองทาง
หยุนฟงอีกครั้ง
“แม่นางท่านคงไม่กลับคำพูดเพียง เพราะเห็นข้ามอบสิ่งที่สำนักท่านหมายตาแก่คุณชายท่านนั้น?”
ลู่จวินหยีหญิงที่เจ้าเล่ห์ นางสนใจตำราที่นางเคยเห็นแล้วไม่นางสนใจเพียงคนที่มีอำนาจและบารมีมากพอจะคุ้มกันภัยให้นางในอนาคตได้ และตอนนี้นางจึงสองจิตสองใจ แต่ก็เลือกที่จะเดินตามเป่าฮู่มาจนถึงเนินหินที่มีหย่วนซิวหยูและเหม่ยซุนรออยู่พร้อมองครักษ์ที่ติดตามมา
“คาราวะคุณชาย ท่านกลับมาแล้ว?”
หลังจากลู่จวินเห็นกล่มคนกลุ่มเล็กๆทำความเคารพในตัวของชายที่นางเลือกติดตามมาด้วยทำให้นางตัดสินใจว่านางนั้นเลือกไม่ผิดเป็นแน่
แต่เพีงเป่าฮู่เดินมาใกล้ตัวขอลู่จวินหยี ก่อนที่จะจี้สกัดจุดลมปราณของนางไว้
“ต้องขออภัยแม่นาง”
“ท่าน!ทำอะไรกับข้า?”
นางถามออกมาขณะที่เห็นเป่าฮู่เดินไปยังเบื้องหน้าชายชราคนหนึ่ง พร้อมก้มกล่าวเบาๆตรงหน้าของคนนั้น
“ท่านลุงเหมยซุน เป็นนางที่ใช้พิษกับคุณหนูเหมยฮวา นางคือธิดาตระกูลลู่ นามลู่จวินหยี หลังจากนี้ก็แล้วแต่ท่านจะจัดการแล้วกัน”
จากนั้นนับว่าเป่าฮู่ช่วยทดแทนหนี้บุญคุณที่เหมยฮวาทำไว้แก่ตัวมันลงไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยการนำพาคนที่สังหารนางมามอบแก่ผู้ที่เป็นบิดาของนางจัดการ
ลู่จวินหยีที่ได้ยินและเห็นนางหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ นางนั้นไม่ได้ทำเพราะความแค้นแต่อย่างใดเพียงต้องการตำแหน่งศิษย์เอกที่ว่างเปล่า เมื่อตอนนี้นางได้มองเห็นบิดาของคนที่นางใช้พิษที่ร้ายกาจนั้นกับศิษย์มากมายในสำนัก