ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 62

หลังจากนั้นเหมยซุนก็ได้มองลู่จวินหยีและพยายามมองหาสิ่งที่นางจะเก็บซ่อนทุกอย่างเอาไว้มันคือ แหวนเก็บของนั่นเอง

“แม่นาง ข้ารู้สึกเสียใจที่ต้องมาเห็นรุ่นเยาว์ที่เก่งกาจและงดงามเช่นเจ้ากลายมาเป็นคนที่เลือดเย็นอำมหิต เจ้าใช้พิษปราณหยางที่ร้านแรงกับ เหมยฮวาเพียงเพราะสิ่งใดกันแน่ เจ้าก็เพียบพร้อมทุกสิ่ง นางไปทำอะไรให้เจ้า?”

 

จากนั้นเหมยซุนก็นำของที่ลู่จวินหยีคุ้นเคยออกมาต่อหน้านาง แม้นางจะรู้แต่ก็สุดจนปัญญาที่จะต่อต้าน ด้วยมันคือพิษปราณหยางชนิดเดียวกันที่นางเคยใช้มาก่อน

 

เพียงหลังจากนั้นเป่าฮู่ที่ได้เห็นว่าทั้งสองแก้ไขปัญหาของกันและกันจนเสร็จสุดท้ายลู่จวินหยีก็ต้องตกตายเพราะพิษที่นางใช้เข่นฆ่าชีวิตผู้อื่น จนทำให้นางตกตายไปตามๆกัน

 

หลังจากที่จัดการกับสำนักซื่อหม่าลงได้ กระแสของการเปลี่ยนแปลงของดินแดนทางเหนือ แดนเสวียอู่ก็มีผู้นำและนั่นก็คือ พรรคใต้หล้า อันมีหยุนเต๋อเป็นคนนำพา เพื่อจัดการกับแดนศักดิ์สิทธิ์ยึดครองยุทธภพ

 

สำหรับเป่าฮู่และผู้ติดตามหลังจากที่ได้สิ่งที่ตามหากลับคืนมา ระหว่างการเดินทางไปนอกด่านตามแผนที่ซึ่งได้มาจากหยุนฟง บุตรแห่งพรรคใต้หล้าเพื่อตามหาหมู่บ้านตระกูลเป่าที่หลงเหลือเหล่าสมาชิกของตระกูลเป่าเมื่อ100 ปีก่อนนั่นเอง

 

เป่าฮู่เดินทางลัดเลาตามเทอกเขาน้อยใหญ่มากว่า 20 วัน ในที่สุดก็พบว่าเส้นทางอันลำบากธุระกันดารนี้จะมีคนอาศัยอยู่จริงหรือ

“องครักษ์ทั้ง 5 ของข้าจงออกสำรวจตลอดเส้นทางนี้ ข้าจะรอเจ้าตรงจุดสันเขานี้ และได้ความว่าอย่างไรก็จงรีบเร่งกลับมารายงานข้า”

 

หลังจากนั้นองครักษ์ทั้ง 5 ที่ต่างกระจายตัวออกไปตามเส้นทางที่พวกมันได้รับมอบ และบนสันเขากลับมีเพียง เป่าฮู่และหย่วนซิวหยู กำลังหยัดยืนเฝ้าดูบรรยากาศยามเย็นต่อไป

“นายท่านเจ้าคะ นายท่านประสงค์จะทำเช่นไรต่อไปดี?”

เป่าฮู่ที่ได้ฟังกลับหันไปมองท้องฟ้าสีส้มทองก่อนที่จะกล่าวออกไปอย่างมีความขึงขัน

“รอ”

เมื่อคำว่ารอดังออกมาจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากรอจริงๆ แต่เป่าฮู่ไม่ได้รออยู่เฉยๆ เขานั่งลงและเริ่มโคจรลมปราณตามเคล็ดของวิชาลมปราณเทพเต่าดำอีกครั้งและในขณะนั้น ก็ทำความเข้าใจกับรอยต่อที่ต้องเปลี่ยนมาเป็นเคล็ดวิชาเก้าหยินโคจร ทั้งสองคือรากเง้าเดียวกันและต้องทำความเข้าใจทั้งสองอย่างให้ท่องแท้จึงสามารถหลอมพวกมันเข้าด้วยกันได้

 

เป่าฮู่เดินลมปราณมาจนถึงจุดลมปราณสุดท้ายและเมื่อถึงตอนนั้น ก็เริ่มที่จะใช้เคล็ดเก้าหินโคจรออกมา โดยการใช้เพียงเล็กน้อยก็สร้างกระแสลมที่หนาวเหน็บออกมารอบกาย

เพราะการเดินลมปราณที่นาวเหน็บล้วนได้พลังจากแหล่งกำเนิดที่ลึกล้ำมันคือ ความหนาวเหน็บจาก แก่นแท้เหมันต์ที่อยู่ในตันเถียนของเขา

 

“นายท่าน!”

หย่วนซิวหยูได้รับรู้ถึงกระแสลมที่หนาวเหน็บไม่นานรอบกายของเป่าฮู่ต่างกาะกุมไปด้วยแผ่นน้ำแข็งบางๆและเริ่มขยายอาณาเขตอีกครั้งจนเริมกว้างขึ้นกว้างขึ้น

หย่วนซิวหยูได้เห็นนางนั้นไม่รอช้าเดินลมปราณเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหย่วนเข้าปกป้องร่างกายและถอยออกไปจากสันเขากว่าครึ่งลี้และยังคงมีไอเย็นแผ่กระจายปกคลุมทั่วบริเวณ

 

เพียงเท่านั้นทำให้เป่าฮู่ที่อยู่ด้านในความหนาวเหน็บนั้นกลับไม่รู้ถึงสิ่งอื่นใดนอกจากความสุขกายสุขใจ ดั่งกับว่าคามหนาวเหน็บคือญาติมิตรของเขา เป่าฮู่รับรู้ถึงกระแสลมปราณที่หนาเหน็บที่กำลังไหลเข้ามาจากรอบทิศและไหลเข้ามาเข้ามา อย่างไม่มีหยุดหย่อนจนบริเวณรอบๆพลังแห่งฟ้าดินเริ่มเบาบางลงจากแรงดึงดูดของแก่นแท้เหมันต์

แท้จริงเก้าหยินโคจรก็คือ เคล็ดลมปราณเทพเต่าดำส่วนหนึ่งที่แยกออกไปเพื่อลดทอนพลังของเคล็ดวิชานี้ให้มีความรุนแรงที่น้อยลง หากไม่ทำเช่นนั้นอาจทำให้ผู้ใช้ต้องแบกรับภาระจนถูกความหนาวเหน็บกัดกินจนตกตายไปจนสิ้น

 

แต่สำหรับชายหนุ่มที่มีแก่นแท้แห่งความหนาวเหน็บในร่างมากว่า 100ปีนั้นกับไร้ความหมาย เพราะเขาสามารถเข้ากันได้ดีกับความหนาวที่เหมือนญาติมิตรนี้ได้ดี

“น่าอัศจรรย์ ร่างกายข้า และทักษะที่ท่านปู่หามาได้ ลมหายใจเทพสามารถทำให้ข้ายกระดับและความเข้าใจกับการโคจรลมปราณในร่างใต้เคล็ดวิชาเก้าหยินโคจรได้เป็นอย่างดี และยังทำให้ข้าเข้าใจเคล็ดวิชาอื่นๆได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น”

 

ดังนั้นเก้าหยินโคจรที่ผ่านการหลอมรวม ณ จุดสูงสุดสรอบกายของเป่าฮู่ก็ปรากฎเป็นกระดองเต่าที่สร้างจากน้ำแข็งและด้านในช่องว่างของกระดองกับมีอักขระที่งดงามสีทองสลักไว้ และยังมีกลิ่นอายของพิษอสรพิษฟ้าครามแผ่ออกมาจากกระดองเต่าสีขาวนวลนั้น

 

จากความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ดวงตาที่เปล่งประกายของเป่าฮู่ ได้ลืมตาขึ้นมาด้วยความแน่วแน่ วันนี้เป่าฮู่รู้แล้วว่าทำไมแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องการช่วงชิงเคล็ดลมปราณเทพแห่งแดนเหนือที่ขึ้นชื่อว่าแกร่งกล้าที่สุดและเป็นปราการที่ผ่านไปได้ยากที่สุด

 

แม้จะสามารถครอบครองลมปราณที่น่าอัศจรรย์นี้ได้ ก็ยังมีข้อแตกต่างระหว่างชั้น เป่าฮู่มีระดับเพียงราชันขั้นสูงจากการดูซับลมปราณจากรอบด้านและผลจากการทะลวงจุดของตัวเป่าฮู่ ทำให้ตอนนี้เป่าฮู่มีระดับราชันขั้นสูง

 

 

แต่ก็เพียงขั้นราชันไม่อาจที่จะต่อกรกับขั้นจักรพรรดิได้นานพอ เป่าฮู่จึงตัดสินใจที่ฝึกฝนตนเองงให้หนักและหนักยิ่งขึ้นไปอีกด้วยอีกหนึ่งปีตัวเป่าฮู่ต้องไปรับเฒ่าหลางจงจากตระกูลเต้ามาให้ได้

 

การที่จะฝ่าปราการที่แข็งแกร่งของตระกูลเต้าและเหล่ายอดยุทธของแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าไปย่อมต้องแกร่งกล้าสามารถจนทำเช่นนั้นได้

 

“ชะตาฟ้าลิขิตหรือ ข้าไม่เชื่อหรอก เพราะชีวิตข้าข้าจะลิขิตเอง บัดนี้ข้าอายุเพียง 19 ปีข้าสามารถบรรลุได้ถึงระดับราชัน แต่พวกเจ้าแก่จนปานนั้นเพียงระดับจักรพรรดิลมปราณ เทพเต่า ข้าจะยกระดับของข้าแบบกล้ากระโดดได้เช่นไร?”

การถามคำถามของตนเองต่อเต่าอักขระที่ตอนนี้กำลังยิ้มย่องออกมาจากวงแหวนอัญเชิญ ทำให้ตัวเป่าฮู่สงสัย เจ้าเต่าบ้านี่มันมีความเป็นมาอย่างไรทำไมถึงดูลึกลับมากเช่นนี้ทั้งที่ขนาดตัวของมันเพียงหนึ่งฝ่ามือเท่านั้นเอง

 

เมื่อเป่าฮู่ที่ขอความคิดเห็นจากเต่าในพันธะสัญญาของตน เต่าอักขระที่บ้ายอก็เดินออกมาด้วยท่าทางอัปลักษณ์และยิ้มหัวเราะออกมา

กรี๊กๆ กรี๊กๆ

“เจ้าหนูคิดยกระดับตนเองอย่างก้าวกระโดดมันไม่ยาก สำหรับเจ้าที่ตอนนี้เพิ่มระดับมาได้รวดเร็วแบบนี้ได้ ก็นับว่าแหกกฎฟ้ามากแล้ว ปรับสภาพร่างกายของเจ้าให้ดีก่อน เพราะหากต้องการเพิ่มระดับลมปราณจริงๆข้าพอมีวิธีแต่จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากนางหนูคนนั้น”

 

ขณะที่หย่วนซิวหยูกำลังเดินขึ้นมาจากเชิงเขาทำให้เป่าฮู่เกิดสงสัยว่าซิวหยูจะต้องช่วยตัวเป่าอู่ในการยกระดับจะช่วยอย่างไร

“นาง! แล้วนางจะช่วยข้าได้อย่างไร?”

เพียงคำถามนั้นทำให้หย่วนซิวหยูรู้ได้จากการรับรู้ของนาง นางเองก็ถามเต่าอักขระที่น่าทึ่งตนนี้ออกไปเช่นกัน จนทั้งคู่ได้รับกลับมาก็เพียงความมึนงง

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset