หลินชิงเวยยืนอยู่ในโถงด้านหน้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ภายในห้องโถงคือศพ
ขณะเดียวกันเมื่อจ้าวเฟยก้าวเข้ามาและมองเห็นนางก็ชี้หน้าว่ากล่าวนางด้วยเสียงแหลมสูงเปี่ยมโทสะ “หลินชิงเวย! เจ้ากำเริบเสิบสานนัก ถึงกับกล้าวางแผนทำร้ายนางกำนัลข้างกายเปิ่นกง! เปิ่นกงยังคิดว่าไยเช้าวันนี้ไม่พบเชียนเหอ คิดไม่ถึงว่านางกลับมาตายอยู่ในตำหนักของเจ้าอย่างไม่รู้สาเหตุ! เด็กๆ จับกุมนางให้เปิ่นกงเดี๋ยวนี้ นำตัวไปตำหนักคุนเหอให้ไทเฮาเป็นผู้ตัดสิน!”
กระบอกตาจ้าวเฟยแดงเรื่อ ดูออกว่านางเดือดดาลแล้วจริงๆ
ทันทีที่มาถึงก็ยกไทเฮาออกมาข่มให้ข้ารับใช้ในตำหนักฉางเหยี่ยนเกรงกลัว
ข้ารับใช้ที่จ้าวเฟยนำมาด้วยคิดจะก้าวขึ้นมาข้างหน้า ถูกสายตาสงบนิ่งของหลินชิงเวยมองกราดไป นางยกยิ้มร้ายกาจพร้อมเอ่ยกับจ้าวเฟย “ข้าให้จ้าวเฟยมารับศพกลับไป คิดไม่ถึงว่าทันทีที่จ้าวเฟยมาถึง ลำดับแรกกลับมิใช่ไปดูให้แน่ใจเสียก่อนว่าคนที่นอนอยู่ในเรือนเป็นเชียนเหอสาวใช้คนสนิทของเจ้าหรือไม่ กลับต้องการมาไล่เรียงความผิดกับข้า จ้าวเฟยช่างมีเหตุผลเหลือเกิน?”
สีหน้าของจ้าวเฟยชะงักกึก นางหันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้กับขันทีสองคน ขันทีจึงค้อมกายเดินเข้าไปในห้องโถงเปิดผ้าคลุมสีขาวออกดู จากนั้นจึงออกมารายงานว่า “เรียนเหนียงเหนียง คนที่นอนอยู่ในนั้นเป็นเชียนเหอแน่นอนพะยะค่ะ”
จ้าวเฟยพูดกับหลินชิงเฟยอย่างมีกำลังใจหนักแน่น “ยามนี้เจ้ายังมีสิ่งใดจะพูดอีก!”
หลินชิงเวย “ศพของเชียนเหอถูกพบเมื่อเช้า ลอยอยู่ในบ่อน้ำเรือนด้านหลังตำหนักฉางเหยี่ยน ข้าอยากถามจ้าวเฟยเหนียงเหนียงยิ่งนัก เหตุใดเชียนเหอจึงมาตำหนักฉางเหยี่ยนของข้าได้?”
จ้าวเฟยสะอึก ต่อมาจึงกล่าวขึ้นอย่างโกรธแค้น “เปิ่นกงไหนเลยจะรู้ได้ว่าเหตุใดนางจึงมาตายอยู่ที่นี่ การตายของนางย่อมต้องเกี่ยวพันกับตำหนักฉางเหยี่ยนแน่นอน! เจ้าในฐานะประมุขของตำหนักฉางเหยี่ยนต้องรับโทษอย่างเลี่ยงได้ยาก!”
หลินชิงเวยพยักหน้าก้าวลงจากบันไดช้าๆ มาหยุดอยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟยมองนางตรงๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เช่นนั้นจ้าวเฟยต้องการทำอย่างไร วางท่าเช่นนี้ต้องการให้ข้าชดใช้ชีวิตให้เชียนเหอหรืออย่างไร? แต่ข้าเห็นจ้าวเฟยเข้ามาเพื่อบันดาลโทสะใส่ ทว่าข้ากลับไม่เห็นว่าจะมีความรู้สึกเสียใจอันใด”
ดวงตาคู่งามของเจ้าเฟยตวัดกลับมา นางโกรธจนตัวสั่น “เชียนเหอตายไปแล้ว เปิ่นกงเสียใจแล้วจะมีประโยชน์อันใด สิ่งที่เปิ่นกงควรทำที่สุดมิใช่หาตัวฆาตกรเพื่อทำให้วิญญาณบนสรวงสวรรค์ของนางสงบสุขหรือไร!”
“เหนียงเหนียงหาแล้วหรือไม่?” หลินชิงเวยกล่าว “ทันทีที่เหนียงเหนียงก้าวเข้ามาก็ตัดสินใจไปแล้วว่าข้าคือฆาตกรใช่หรือไม่? อีกประการหนึ่ง เชียนเหอเป็นเพียงนางกำนัลขั้นหนึ่ง ฆาตกรเป็นใครยังไม่รู้แน่ชัด จ้าวเฟยต้องการกล่าวโทษดูจะเป็นการรีบร้อนสักหน่อยหรือไม่?”
“เปิ่นกงรีบร้อน?” จ้าวเฟยแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เชียนเหอตายในตำหนักของเจ้า หรือเรื่องนี้ยังไม่กระจ่างแจ้งพอ? ไม่ต้องพูดมาก เด็กๆ จับกุมตัวหลินเจาอี๋!”
“จ้าวเฟยเหนียงเหนียง ต่อให้ฆาตกรอยู่ในตำหนักฉางเหยี่ยนของข้า เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะจับกุมข้าไปรับโทษ”
“เจ้าอบรมสั่งสอนสุนัขในตำหนักฉางเหนี่ยนของเจ้าไม่ดี ไม่ใช่ความผิดของเจ้าแล้วเป็นความผิดของใคร?!”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ข้างนอกก็มีเสียงร้องขานขึ้น “ฮ่องเต้เสด็จ–”
คนในตำหนักฉางเหยี่ยนลอบพรูลมหายใจโล่งอกและยืนเอวขึ้นเหยียดตรงอย่างอดไม่ได้
เจ้ามีไทเฮาหนุนหลังมีอะไรให้อวดอ้าง พวกเรายังมีฝ่าบาทหนุนหลัง มีฝ่าบาทหนุนหลังก็คือมีเซ่อเจิ้งอ๋องหนุนหลัง กลัวเจ้ารึ?
จ้าวเฟยหรี่ตาลงจับจ้องหลินชิงเวย พูดด้วยโทสะที่เดือดดาลอย่างที่สุด “ดียิ่งนักหลินชิงเวย เจ้ายังรู้จักยกทัพหนุนออกมาช่วย!”
หลินชิงเวยหัวเราะเบาๆ แล้วเหลือบมองนาง “อนุญาตให้เจ้ามีที่พึ่งพิงได้แต่ไม่อนุญาตให้ข้าหาทัพหนุน? ข้าไม่ได้เบาปัญญาเสียหน่อย”
จ้าวเฟยรีบหันไปถลึงตาใส่ขันทีที่จับกุมหลินชิงเวย “เจ้าโง่ ยังไม่รีบปล่อยนางอีก!”
ขันทีสองคนรีบปล่อยมือทันที ทางด้านนั้นซินหรูเข็นเก้าอี้รถเข็นของเซียวจิ่นเข้ามาในตำหนักฉางเหยี่ยน คนทั้งล้วนหันกลับคุกเข่าอยู่บนพื้น “ถวายบังคมฝ่าบาท!”
แม้เซ่อเจิ้งอ๋องจะไม่ได้มา แต่ผู้ติดตามข้างกายซินหรูและเซียวจิ่นเป็นองครักษ์คนสนิทของเซ่อเจิ้งอ๋อง ขบวนยาวเหยียดด้านหลังล้วนเป็นคนของตำหนักซวี่หยาง เมื่อเปรียบเทียบกับขบวนของตำหนักซวี่หยางแล้ว ทางเจ้าเฟยดูแล้วอ่อนกำลังอย่างเห็นได้ชัด
เซียวเจิ่นเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าเป็นผู้ใหญ่ของเขา “เจิ้นได้ยินว่าจ้าวเฟยมาก่อเรื่องวุ่นวายในตำหนักฉางเหยี่ยน นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
จ้าวเฟยจัดอยู่ในประเภทนักแสดงมือฉมังคนหนึ่ง เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงร่ำไห้ขึ้นมาอย่างน่าเวทนา “ฝ่าบาทโปรดตรวจสอบให้กระจ่างแจ้งด้วยเพคะ เช้านี้หม่อมฉันตื่นขึ้นพบว่าเชียนเหอนางกำนัลคนสนิทของหม่อมฉันหายตัวไปเพคะ จึงออกตามหาไปทั่ว ต่อมาได้ยินว่าเชียนเหอจมน้ำตายอยู่ในบ่อน้ำของตำหนักฉางเหยี่ยน หม่อมฉันจึงรีบรุดมาที่นี่ คิดไม่ถึงว่า…คิดไม่ถึงว่าเชียนเหอตายน่าเวทนา หลินเจาอี๋ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผิดแม้สักกระผีก ฝ่าบาทคืนความเป็นธรรมให้กับหม่อมฉันด้วยเพคะ!”
หลินชิงเวยบิดมุมปาก จ้าวเฟยผู้นี้อายุมากกว่าเซียวจิ่นหลายปี เมื่อคุกเข่าอยู่บนพื้นราวกับเป็นภรรยาตัวน้อยที่กำลังระบายความคับข้องใจ ไฉนนางจึงรู้สึกตะขิดตะขวงใจนักนะ
เซียวจิ่นหันไปมองหลินชิงเวยด้วยสายตาอ่อนโยน ราวกับกำลังบอกนางว่า “มีเจิ้นอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวล” ทว่าสีหน้ากลับถามขึ้นเรียบๆ ว่า “หลินเจาอี๋ เป็นอย่างที่จ้าวเฟยพูดใช่หรือไม่?”
หลินชิงเวยตอบ “เช้าวันนี้พบเชียนเหอตายอยู่ในบ่อน้ำของตำหนักฉางเหยี่ยนจริงๆ เพคะ และเป็นข้า…”
“แค่ก” เซียวจิ่นไอเบาๆ ครั้งหนึ่ง นี่ พี่สาว อยู่ต่อหน้าคนอื่นต้องให้หน้าเจิ้นสักหน่อยกระมัง ทำเช่นนี้ไม่มีผลเสียต่อเจ้า หาไม่แล้วต่อไปย่อมต้องถูกคนตำหนิว่าไม่เจ้าไม่เคารพเจิ้น เช่นนั้นไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็ยากแล้ว
หลินชิงเวยเงียบขรึม บิดมุมปากพูดต่อว่า “และเป็นหม่อมฉันให้คนไปบอกความแก่จ้าวเฟยเพื่อให้มารับศพเพคะ ทันทีจ้าวเฟยมาถึงกลับต้องการจับกุมตัวหม่อมฉันไปไต่สวนและลงโทษที่ตำหนักไทเฮา ทว่ากลับไม่ถามความเป็นมาของเรื่องราวให้ชัดเจนแม้แต่น้อยเพคะ”
ฮึ คิดว่าพี่สาวเป็นคนประเภทอ่อนแอขี้อายหรือ? คิดว่ามีเพียงเจ้าที่ฟ้องเป็น พี่สาวทำไม่เป็น?
เซียวจิ่นถามจ้าวเฟยด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “เป็นอย่างที่หลินเจาอี๋พูดใช่หรือไม่?”
จ้าวเฟยเช็ดหางตาพูดเสียงอ่อน “ฝ่าบาท…หม่อมฉัน หม่อมฉันเพียงแต่เสียใจเกินไปเพคะ ดังนั้น…”
เซียวจิ่นพูดเสียงเย็น “เจ้าเสียใจเกินไป เพราะการตายของนางกำนัลขั้นหนึ่งจึงต้องการจับกุมตัวหลินเจาอี๋ไปรบกวนไทเฮาใช่หรือไม่? หากหลินเจาอี๋ทำผิด ย่อมต้องถูกลงโทษโดยศาลของฝ่ายใน การตายของนางกำนัลจำเป็นต้องตรวจสอบความจริงให้แน่ชัด สำหรับฆาตกรเจิ้นไม่มีทางปล่อยให้ลอยนวลเด็ดขาด หากเรื่องนี้มิใช่ฝีมือของหลินเจาอี๋จะกล่าวโทษหลินเจาอี๋มิได้ เจ้าไม่แยกแยะถูกผิด กระทำการเอาแต่ใจในตำหนักใน รังแกข่มเหงเบื้องบนปิดบังอำพรางเบื้องล่าง ด้วยอาศัยว่ามีคนหนุนหลังเจ้าใช่หรือไม่ ยังมีสิ่งใดที่เจ้าไม่กล้าทำอีก!”
ยามนี้ไทเฮาไม่อยู่จ้าวเฟยไม่อาจไม่ก้มหน้ารับผิด “หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ…หม่อมฉันเพียงแต่ใจร้อนไปชั่วขณะ ขอฝ่าบาทโปรดระงับโทสะเพคะ…”
หลินชิงเวยเอ่ยขึ้นในเวลานี้ “ฝ่าบาท ในเมื่อเชียนเหอถูกพบในตำหนักฉางเหยี่ยน ขอฝ่าบาทโปรดประทานอนุญาตให้หม่อมฉันตรวจสอบหาความจริงในเรื่องนี้เพคะ ด้วยเท่าที่หม่อมฉันทราบ เชียนเหอจมน้ำด้วยมีคนวางแผนสังหารเพคะ”
เซียวจิ่นถาม “เจ้าพบเบาะแสใด?”
หลินชิงเวยกล่าว “หม่อมฉันพบว่าคอของเชียนหอมีรอยนิ้วมือเพคะ พูดจริงๆ แล้วเมื่อคืนหม่อมฉันเกือบจะประสบพบเจอเรื่องเช่นนี้เช่นกันเพคะ” พูดแล้วนางแหวกเส้นผมของนางออกปรากฏให้เห็นคอของตน แล้วจึงเปิดผ้าขาวที่คลุมศพของเชียนเหอขึ้นมา “คอของหม่อมฉันและคอของเชียนเหอล้วนมีร่องรอยเหมือนกันเพคะ แม้กระทั่งรอยนิ้วมือก็เหมือนกันทุกอย่าง”
คนที่อยู่ที่นั่นรวมไปถึงเซียวจิ่นและจ้าวเฟยเมื่อเปรียบเทียบดูแล้วต่างมีความคิดของตน
ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเซียวจิ่นขุ่นมัวลงทันที “เป็นผู้ใดที่กำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้!”