ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง – ตอนที่ 42 ใครละเว้นใคร

ศีรษะของหลินชิงเวยกระแทกกับกำแพงหนักๆ อย่างจัง นางสะบัดศีรษะด้วยความมึนงง เห็นเงาร่างที่กำลังเคลื่อนไหวเบื้องหน้า ได้ยินเสียงหมัวมัวผรุสวาทก่นด่าด้วยวาจาหยาบคายไม่หยุดปาก ดวงตาดำขลับทั้งคู่ปรากฏรังสีสังหารขึ้นลึกๆ นางประคองหน้าผากของตนกล่าวเสียงต่ำว่า “เจ้ากล้าแตะต้องนาง ก็ลองดู” ฟู่ๆๆ หมัวมัวราวกับไม่ได้ยินเสียงของนาง ยังคงเฆี่ยนตีซินหรูต่อไป ในสายตาของนางแล้ว คนอ่อนหัดราวกับแตงอ่อนเช่นแม่นางสองคนนี้จะก่อคลื่นลมอะไรได้? ชิงหลันเลื้อยออกมาจากแขนเสื้อของนาง มันกำลังเลื้อยอยู่บนพื้น ร่างสีเขียวและลวดลายบนร่างของมันสะท้อนแสงอยู่ภายใต้แสงสว่างจากตะเกียง ราวกับจะคั้นน้ำสีเขียวจากร่างของมันออกมาได้ หลินชิงเวยคลานขึ้นมาจากพื้นอย่างยากเย็นแล้วหันกายเดินกลับไปยังประตูของเรือนหลังเล็ก หมัวมัวนางนั้นได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้นจึงหันกลับมามอง เมื่อเห็นข้างเท้าของตนมีงูตัวหนึ่งจึงตื่นตระหนกจนหน้าถอดสีล้มลงบนพื้นทันที หมัวมัวร้องขึ้นอย่างหวาดหวั่น “ไฉนที่นี่จึงมีงูได้!” ทันทีที่สิ้นเสียงหลินชิงเวยก็ยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับเสียง กรึก ดังขึ้น มือที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ ลั่นดาลประตูของเรือนหลังเล็กอันมืดมนหลังนี้เพื่อปิดตาย ในเมื่อไม่มีทางให้ล่าถอย เช่นนั้นเหตุใดนางยังต้องแสดงความอ่อนแออีกเล่า เหตุใดยังต้องอดทนให้ผู้อื่นมาข่มเหงรังแก? คนบางคน มักจะคิดว่าความอดทนอดกลั้นของผู้อื่นคือความอ่อนแอ เหยียบย่ำลงบนความอดทนอดกลั้นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ที่นี่ไม่เหมือนยุคสมัยปัจจุบัน ไม่ใช่สังคมที่ใช้กฎหมายควบคุมสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่คนกินคนด้วยกัน หากนางไม่ต่อต้านนางก็มีแต่ตายเท่านั้น แผลที่ถูกแส้ตีบริเวณลำคอนั้นยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา เลือดนั้นไหลลงมาตามลำคอขาวผ่องของนาง ทำให้รู้สึกว่านางมีพลังเร้นลับ นางหันหน้ากลับมารอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนริมฝีปากนั้นทำให้ซินหรูรู้สึกชาหนังศีรษะไปทั้งแถบ แม้กระทั่งหมัวมัวที่พบเจอกับหญิงสาวมาทุกประเภทก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหน็บหนาวไปถึงหัวใจ ชิงหลันค่อยๆ บีบคั้นเข้ามาทีละก้าว หมัวมัวถดกายหนีไปถึงมุมกำแพง ร่างของนางแนบชิดติดไปกับผนังกำแพง ไม่มีทางให้ถอยหนีอีกต่อไป ท่าทีหยิ่งผยอง โหดเหี้ยมเมื่อสักครู่นั้นมลายสิ้น ทางหนึ่งจับจ้องงูที่อยู่ข้างเท้าของตน อีกทางหนึ่งไม่ลืมที่จะเงยหน้าไปมองหลินชิงเวย หมัวมัวพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตน “นางคนต่ำช้า ยังโง่งมอะไรอยู่อีก ยังไม่รีบเอางูตัวนี้ออกไปอีก! บางทีข้าอาจจะละเว้นชีวิตเจ้าสักครั้งก็ได้” หลินชิงเวยค่อยๆ ย่อกายลงกวักมือให้กับชิงหลัน หมัวมัวเบิกตากว้าง มองงูตัวนั้นเลื้อยไปหาหลินชิงเวย จากนั้นค่อยๆ พันร่างไปกับข้อมือของนาง นางเล่นกับหัวของงูตัวเล็กนั้นไปพร้อมกับให้ชิงหลันดื่มกินเลือดของนางที่ไหลลงมาตามลำคอ หลินชิงเวยราวกับไม่ได้ยิน นางค่อยๆ เลิกคิ้วกล่าวว่า “เจ้าว่า ใครละเว้นใครนะ?” หมัวมัวปากอ้าตาค้าง ที่แท้งูนี้…งูนี้ออกมาจากร่างของนาง…มิน่าเล่า มิน่าเล่าที่นี่จึงมีงูได้… “เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?” หมัวมัวรับรู้ได้ถึงอันตราย นางคิดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยที่ดูไปแล้วอ่อนหัดเปราะบางนางนี้ กลับเป็นนางปีศาจที่มีความสามารถเลี้ยงงูได้! ลำพังเพียงแค่คิดขึ้นมาก็รู้สึกว่าน่าหวาดกลัวปานนั้น นางอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีก นางจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่ก่อน รอให้ไทเฮากลับมา ค่อยสั่งการให้สังหารนางเสีย! ไหนเลยจะให้คนเช่นนี้มีชีวิตอยู่ในวังหลวงต่อไปได้! หลินชิงเวยเอียงคอมองหน้าหมัวมัว กล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “เจ้ากำลังหวาดกลัว เจ้าคิดจะหนี?” ไม่รอให้หมัวมัวตอบคำ นางกล่าวอีกว่า “เวลานี้เจ้าน่าจะกำลังคิดว่า ออกไปจากที่นี่ก่อน รอให้ไทเฮากลับมา ค่อยสั่งประหารข้า?” หมัวมัวเบิกตาโตขึ้น ถูกหลินชิงเวยหรี่ตามองอย่างจับความในใจได้ นางจึงหัวเราะออกมาและกล่าวว่า “ข้าเดาถูกแล้ว” “เจ้า เจ้า…ไฉนเจ้าจึง…” หลินชิงเวยหยิบแส้ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา ส่งให้ถึงมือของหมัวมัว พลางกล่าวว่า “มา เจ้ามิใช่บอกว่าคิดจะตีพวกเราให้ตายหรอกหรือ เจ้าลงมือต่อได้เลย”

ศีรษะของหลินชิงเวยกระแทกกับกำแพงหนักๆ อย่างจัง นางสะบัดศีรษะด้วยความมึนงง เห็นเงาร่างที่กำลังเคลื่อนไหวเบื้องหน้า ได้ยินเสียงหมัวมัวผรุสวาทก่นด่าด้วยวาจาหยาบคายไม่หยุดปาก ดวงตาดำขลับทั้งคู่ปรากฏรังสีสังหารขึ้นลึกๆ นางประคองหน้าผากของตนกล่าวเสียงต่ำว่า “เจ้ากล้าแตะต้องนาง ก็ลองดู”

ฟู่ๆๆ

หมัวมัวราวกับไม่ได้ยินเสียงของนาง ยังคงเฆี่ยนตีซินหรูต่อไป ในสายตาของนางแล้ว คนอ่อนหัดราวกับแตงอ่อนเช่นแม่นางสองคนนี้จะก่อคลื่นลมอะไรได้?

ชิงหลันเลื้อยออกมาจากแขนเสื้อของนาง มันกำลังเลื้อยอยู่บนพื้น ร่างสีเขียวและลวดลายบนร่างของมันสะท้อนแสงอยู่ภายใต้แสงสว่างจากตะเกียง ราวกับจะคั้นน้ำสีเขียวจากร่างของมันออกมาได้

หลินชิงเวยคลานขึ้นมาจากพื้นอย่างยากเย็นแล้วหันกายเดินกลับไปยังประตูของเรือนหลังเล็ก หมัวมัวนางนั้นได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้นจึงหันกลับมามอง เมื่อเห็นข้างเท้าของตนมีงูตัวหนึ่งจึงตื่นตระหนกจนหน้าถอดสีล้มลงบนพื้นทันที

หมัวมัวร้องขึ้นอย่างหวาดหวั่น “ไฉนที่นี่จึงมีงูได้!”

ทันทีที่สิ้นเสียงหลินชิงเวยก็ยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับเสียง กรึก ดังขึ้น มือที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ ลั่นดาลประตูของเรือนหลังเล็กอันมืดมนหลังนี้เพื่อปิดตาย

ในเมื่อไม่มีทางให้ล่าถอย เช่นนั้นเหตุใดนางยังต้องแสดงความอ่อนแออีกเล่า เหตุใดยังต้องอดทนให้ผู้อื่นมาข่มเหงรังแก? คนบางคน มักจะคิดว่าความอดทนอดกลั้นของผู้อื่นคือความอ่อนแอ เหยียบย่ำลงบนความอดทนอดกลั้นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า

ที่นี่ไม่เหมือนยุคสมัยปัจจุบัน ไม่ใช่สังคมที่ใช้กฎหมายควบคุมสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่คนกินคนด้วยกัน หากนางไม่ต่อต้านนางก็มีแต่ตายเท่านั้น

แผลที่ถูกแส้ตีบริเวณลำคอนั้นยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา เลือดนั้นไหลลงมาตามลำคอขาวผ่องของนาง ทำให้รู้สึกว่านางมีพลังเร้นลับ นางหันหน้ากลับมารอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนริมฝีปากนั้นทำให้ซินหรูรู้สึกชาหนังศีรษะไปทั้งแถบ แม้กระทั่งหมัวมัวที่พบเจอกับหญิงสาวมาทุกประเภทก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหน็บหนาวไปถึงหัวใจ

ชิงหลันค่อยๆ บีบคั้นเข้ามาทีละก้าว หมัวมัวถดกายหนีไปถึงมุมกำแพง ร่างของนางแนบชิดติดไปกับผนังกำแพง ไม่มีทางให้ถอยหนีอีกต่อไป ท่าทีหยิ่งผยอง โหดเหี้ยมเมื่อสักครู่นั้นมลายสิ้น ทางหนึ่งจับจ้องงูที่อยู่ข้างเท้าของตน อีกทางหนึ่งไม่ลืมที่จะเงยหน้าไปมองหลินชิงเวย

หมัวมัวพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตน “นางคนต่ำช้า ยังโง่งมอะไรอยู่อีก ยังไม่รีบเอางูตัวนี้ออกไปอีก! บางทีข้าอาจจะละเว้นชีวิตเจ้าสักครั้งก็ได้”

หลินชิงเวยค่อยๆ ย่อกายลงกวักมือให้กับชิงหลัน หมัวมัวเบิกตากว้าง มองงูตัวนั้นเลื้อยไปหาหลินชิงเวย จากนั้นค่อยๆ พันร่างไปกับข้อมือของนาง นางเล่นกับหัวของงูตัวเล็กนั้นไปพร้อมกับให้ชิงหลันดื่มกินเลือดของนางที่ไหลลงมาตามลำคอ

หลินชิงเวยราวกับไม่ได้ยิน นางค่อยๆ เลิกคิ้วกล่าวว่า “เจ้าว่า ใครละเว้นใครนะ?”

หมัวมัวปากอ้าตาค้าง ที่แท้งูนี้…งูนี้ออกมาจากร่างของนาง…มิน่าเล่า มิน่าเล่าที่นี่จึงมีงูได้…

“เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?” หมัวมัวรับรู้ได้ถึงอันตราย นางคิดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยที่ดูไปแล้วอ่อนหัดเปราะบางนางนี้ กลับเป็นนางปีศาจที่มีความสามารถเลี้ยงงูได้! ลำพังเพียงแค่คิดขึ้นมาก็รู้สึกว่าน่าหวาดกลัวปานนั้น นางอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีก นางจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่ก่อน รอให้ไทเฮากลับมา ค่อยสั่งการให้สังหารนางเสีย!

ไหนเลยจะให้คนเช่นนี้มีชีวิตอยู่ในวังหลวงต่อไปได้!

หลินชิงเวยเอียงคอมองหน้าหมัวมัว กล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “เจ้ากำลังหวาดกลัว เจ้าคิดจะหนี?” ไม่รอให้หมัวมัวตอบคำ นางกล่าวอีกว่า “เวลานี้เจ้าน่าจะกำลังคิดว่า ออกไปจากที่นี่ก่อน รอให้ไทเฮากลับมา ค่อยสั่งประหารข้า?”

หมัวมัวเบิกตาโตขึ้น ถูกหลินชิงเวยหรี่ตามองอย่างจับความในใจได้ นางจึงหัวเราะออกมาและกล่าวว่า “ข้าเดาถูกแล้ว”

“เจ้า เจ้า…ไฉนเจ้าจึง…”

หลินชิงเวยหยิบแส้ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา ส่งให้ถึงมือของหมัวมัว พลางกล่าวว่า “มา เจ้ามิใช่บอกว่าคิดจะตีพวกเราให้ตายหรอกหรือ เจ้าลงมือต่อได้เลย”

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋องเพราะไม่อยากแต่งไปเป็นนางสนมที่ถูกลืม “หลินเสวี่ยหรง” จึงได้วางยา “หลินชิงเวย” พี่สาวของตนให้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทน ทั้งยังตามมาวางยากำหนัดนางอีกถึงในวัง เพื่อใส่ร้ายว่านางคบชู้ ทำให้ ‘หลินชิงเวย’ หญิงสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติเข้าร่างมาต้องตกกระไดพลอยโจรไปมีอะไรกับหนุ่มนิรนามที่มาช่วยนางไว้ จนถูกจับได้ว่าคบชู้สู่ชาย ทำให้นางโดนเนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น แม้นางจะทำใจ ยอมอยู่อย่างสงบในตำหนักเย็น ทว่าโลกใบนี้ ไม่ปล่อยให้นางมีความสุขง่ายๆ เช่นนั้น นางจึงต้องใช้ปัญญาและความสามารถทางแพทย์ปกป้องตัวเอง ผนวกกับการได้พบกับชายผู้ยิ่งใหญ่เย็นชาปากไม่ตรงกับใจอย่าง “เซ่อเจิ้งอ๋อง” การได้พบกับเขาทำให้นางค่อยๆ พบความหวัง ที่จะได้กลับมามีอิสรภาพอีกครั้ง! หลินชิงเวย: ท่านอ๋อง ท่านมองลำคออันขาวผ่องของข้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเช่นนั้น นี่ข้ากำลังปลุกอารมณ์ของท่านหรือ ? เซ่อเจิ้งอ๋อง: คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเจ้าจะเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset