บทที่ 104 พ่อแท้ๆของลูก (2)
แต่ในตอนท้าย เขาไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย เขาอยากรู้ว่า ถ้าเกิดว่าผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาเป็นผลลัพธ์อื่น เธอจะทำยังไง
ปัญหานี้ ก่อนหน้านี้มู่หรงดัวหยางเคยถามเธอไปแล้ว แต่ว่าตอนนั้นไม่ได้ให้คำตอบ
เวินลั่วฉิงหยุดฝีเท้าลง ดวงตาคู่นั้นกระพริบอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นจริง ฉันจะพาเด็กสองคนนี้หนีไปทันที” ในระหว่างที่เวินลั่วฉิงพูดประโยคนี้ ใบหน้าของเธอเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงหนักอึ้งอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนกลับบ้านของตระกูลเย่ เธออาจจะยังมีโชคเล็กน้อย แต่เมื่อวานที่กลับบ้านของตระกูลเย่ เธอรู้ดีว่าคนในตระกูลเย่เป็นคนยังไง
เย่ซือเฉินถูกพากลับไปที่ตระกูลเย่ทันทีที่เขาเกิด แต่ว่าแม่ของเย่ซือเฉินจนป่านนี้แล้วยังไม่ได้เดินก้าวเข้าไปในบ้านของตระกูลเย่เลยสักก้าว
แม่ของเย่ซือเฉินไม่เพียงแต่ไม่ได้เข้าไปในตระกูลเย่แล้ว อีกทั้งยังไม่สามารถที่จะเจอหน้าเย่ซือเฉินด้วย ตั้งแต่ที่เย่ซือเฉินเกิดมา พวกเขาสองแม่ลูกก็ถูกแยกออกจากกันทันที
นี่แหละคือความโหดร้ายของตระกูลเย่!!
เด็กสองคนนี้เป็นชีวิตของเธอ เธอจะไม่มีทางให้ใครมาแย้งเด็กสองคนนี้ไปจากข้างกายเธอเด็ดขาด ดังนั้น ถ้าเกิดว่าผลการตรวจของวันนี้ เย่ซือเฉินเป็นพ่อแท้ ๆของเด็กสองคนนี้จริง เธอก็จะพาเด็กสองคนนี้หนีไป
มู่หรงดัวหยางสะดุ้งเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างเบา ๆ แต่เดิมเขาคิดว่า ตั้งแต่ที่ฉิงฉิงแต่งงานกับเย่ซือเฉิน หากพวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตก็คงจะดี
ดังนั้น ในเวลานั้น เขาคิดอยากจะเปลี่ยนผลลัพธ์ของการตรวจพิสูทธ์
ยังดี ยังดีที่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
ไม่ว่าเย่ซือเฉินแต่งงานกับเธอเพื่ออะไร ถ้าเกิดว่าเธอหนีไปตอนนี้ สไตล์อย่างเย่ซือเฉินคาดว่าจะสามารถพลิกฟ้าเพื่อตามหาเธอ
ด้วยความสามารถของเย่ซือเฉิน ถ้าแม้ว่าฉิงฉิงของพวกเขาจะเก่งเพียงใด ก็คงหนีไม่พ้น แล้วถ้าเกิดว่าถึงเวลานั้นฉิงฉิงของพวกเขาถูกเย่ซือเฉินจับได้ขึ้นมา เขาคงไม่กล้านึกถึงผลที่จะตามมา
“คุณป็นไรไป? ทำไมถึงมีเหงื่อออกที่หน้าผาก?” เวินลั่วฉิงมองไปที่เขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ทำไมถึงทำท่าทางกลัว ๆ อย่างกับกำลังเห็นผีอยู่อย่างนั้น?
“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร” มู่หรงดัวหยางส่ายหน้า เขาไม่สามารถบอกเธอว่าภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่
เวินลั่วฉิงก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย การทดสอบความเป็นบิดายืนยันว่าเย่ซือเฉินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กทั้งสอง งั้นก็แปลว่าเย่ซือเฉินไม่ใช่ผู้ชายเมื่อห้าปีก่อนคนนั้น ความสงสัยของเธอก่อนหน้านี้ถูกปัดทิ้งไป
ความกังวลของเธอก่อนหน้านี้หายไปแล้ว
ตอนนี้ อารมณ์ของเวินลั่วฉิงรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์
ขอเพียงแค่เย่ซือเฉินไม่ใช่ผู้ชายเมื่อห้าปีก่อนคนนั้น ที่ผ่านมาก็คงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ระหว่างทางกลับ เวินลั่วฉิงได้รับโทรศัพท์จากเย่ซือเฉิน เมื่อได้ยินว่าเย่ซือเฉินออกเดินทางเพื่อไปทำธุระ อารมณ์ของเวินลั่วฉิงก็ดียิ่งขึ้น
แต่ว่า เย่ซือเฉินที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ สีหน้าของเขาหนักอึ้งเล็กน้อย เธอแค่ได้ยินว่าเขาออกเดินทาง ทำไมถึงได้ดีใจขนาดนั้นล่ะ?
เมื่อรู้ว่าเย่ซือเฉินออกเดินทางเพื่อนไปทำธุระ เวินลั่วฉิงไม่เคยกลับไปที่คฤหาสน์อีกเลย แต่ไปบ้านของเห่อถงถงแทน
“โอ๊ย ในที่สุดผู้ชายของแกก็ปล่อยแกออกมาสักที ฉันคิดว่าแกจะไม่ได้ลุกออกจากเตียงทั้งวันทั้งคืนแล้วเนี่ย” เห่อถงถงเลิกคิ้วใส่เธอ อดไม่ได้ที่จะแซวเธอ
เวินลั่วฉิงมองเธอครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้สนใจเธอ
“เอ๋ วันนี้แกดูแตกต่างไปจากปกตินิดหน่อยนะ กิริยาท่าทางดูดีจริง ๆ อารมณ์ก็ดูไม่เลว อย่าบอกนะว่าคุณชายสามเย่เป็นผลลัพธ์ของความผาสุกนี้?” เห่อถงถงมองมาที่เธอ จู่ ๆ ตาก็เป็นประกาย เวินลั่วฉิงไม่เคยปิดบังเธอมาก่อน และพวกเธอเป็นเพื่อนสาวที่สนิทที่สุด ดังนั้น เพียงเห่อถงถงมองแค่แวบเดียวก็ดูรู้เลยว่าอารมณ์ของเวินลั่วฉิงไม่แย่
ในขณะนั้น ความสงสัยของเห่อถงถงก็ออกมาหมด
“ฉันเอาผมของเย่ซือเฉิน แล้วเอาไปทดสอบความเป็นพ่อกับลูกน้อยสองคน” เธอบอกเห่อถงถง เวินลั่วฉิงไม่เคยปกปิดอะไรอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องของเด็กทั้งสองคนนั้นด้วย
“แล้วผลออกมาเป็นยังไง?” เห่อถงถงตัวแข็ง ช่วงเวลานี้กลายเป็นเรื่องที่จริงจังมาก ไม่มีการนินทาเกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอกับเย่ซือเฉินอีกต่อไป
“ผลออกมายืนยันว่าพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด” ตอนที่เวินลั่วฉิงพูดผลนี้ออกมา มุมของริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงก็ผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด
“แกแน่ใจนะ? แกไปทำการตรวจที่ไหน มันมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?” เมื่อได้ยินผลออกมาเป็นแบบนี้ เห่อถงถงขมวดคิ้ว “ช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันพยายามสังเกตเด็กโม่ ฉันพบว่าเด็กโม่มีความคล้ายกับเย่ซือเฉินอยู่นะ”
ในความเป็นจริงแล้ว เห่อถงถงหวังเสมอว่าเวินลั่วฉิงจะพบความสุขของเธอเอง และหวังมาตลอดว่าเด็กทั้งสองจะมีความสุข ตอนนี้เวินลั่วฉิงแต่งงานกับเย่ซือเฉินไปแล้ว เธอก็หวังว่าเด็กทั้งสองจะเป็นลูกของเย่ซือเฉิน
ดังนั้น หลังจากที่ได้ยินผลนี้ ปฏิกิริยาแรกของเห่อถงถงคือถามคำถาม
“ฉันให้มู่หรงดัวหยางเป็นคนทำการตรวจนี้เองกับมือ” เวินลั่วฉิงมองไปที่เธอ เสริมประโยคนี้อย่างช้า ๆ
เห่อถงถงนิ่งไปครู่หนึ่ง ถ้าเกิดว่ามู่หรงดัวหยางทำการตรวจเองกับมือ แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ
เย่ซือเฉินออกไปทำงานสามวัน ในเวลาสามวันที่ผ่านมา เวินลั่วฉิงไม่ได้กลับคฤหาสน์ และอยู่ดูแลเด็กสองคนนี้ตลอด
ในวันที่สี่ เวินลั่วฉิงรู้ว่าเย่ซือเฉินกำลังจะกลับมาแล้ว เลยอยากกลับไปก่อนเวลา แต่ว่าเมื่อใกล้เย็นแล้ว เวินลั่วฉิงได้รับข่าวสารบางอย่าง… หลี่หยวนคนขับรถของเย่โป๋เหวินจะเดินทางไปที่ ห้องเล้งจือ505เย็นนี้
หลี่หยวนเป็นคนขับรถคนเดียวกับที่ปรากฏตัวในหมู่บ้านเล็ก ๆ กับเย่โป๋เหวินในตอนนั้น
เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่สามารถถามได้จากปากของเย่โป๋เหวิน อีกทั้ง เธอก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกับเย่โป๋เหวินอีก ครั้งที่แล้วที่เธอไปที่บ้านของตระกูลเย่ก็ไม่ได้เจอกับเย่โป๋เหวิน
ดังนั้น เธอเลยอยากลองสอบถามจากคนขับรถดู ไม่แน่ว่าอาจจะมีผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
เวินลั่วฉิงลองคิดดู หลังจากนั้นก็ตัดสินใจไปที่หมิงเจ๋ ความจริงเกี่ยวกับการตายของแม่ของเธอในปีนั้น เธอจะต้องตรวจสอบให้ชัด
เวินลั่วฉิงอยากลองโทรหาเย่ซือเฉินก่อน เธออยากรู้ว่าเย่ซือเฉินจะกลับมาตอนไหน
“สวัสดีครับ” เสียงรอสายดังขึ้นสามครั้ง โทรศัพท์ก็ถูกรับแล้ว ดูเหมือนจะมีอารมณ์ที่แปลกประหลาดในเสียงของเย่ซือเฉิน
“คุณสามี คุณกลับมาถึงตอนไหนเหรอคะ?” อย่างไรก็ตามเวินลั่วฉิงมีบางอย่างในใจของเธอในขณะนี้ เธอเลยไม่ได้ใส่ใจ
“ค่อนข้างดึกหน่อย ประมาณห้าทุ่มครับ” แนวคิดเรื่องเวลาของเย่ซือเฉินนั้นค่อนข้างน่าเชื่อถือ ดังนั้นเขาจึงให้เวลากับเธอที่แม่นยำมาก
“โอเคค่ะ” เมื่อได้คำตอบแล้ว เวินลั่วฉิงก็กดวางสายทันที
เย่ซือเฉินมองไปที่โทรศัพท์ที่ถูกตัดสายอย่างงุนงง ผู้หญิงคนนั้นวางสายโทรศัพท์เขาไปแบบนี้เลยเหรอ? แล้วการที่เธอโทรมาถามเขาว่าจะกลับกี่โมงนี่หมายความว่าอย่างไร?
แม้ว่าเธอจะไม่ทำตัวเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่อย่างน้อยก็ควรจะพูดอะไรกับเขาหน่อยไหม อย่างเช่นบอกเขาว่าอย่าทำงานจนเหนื่อยเกินไป อะไรพวกนั้น?
หลังจากที่เขาไปทำธุระสามวัน ไม่ได้เจอกันตั้งสามวันแล้วนะ ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเขายังมีงานสำคัญบางอย่างที่ยังจัดการไม่เสร็จ เขาก็คงได้กลับไปก่อนเวลาแล้ว
แต่เธอก็สบายดี ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจอะไรเลย เธอแถมยังมาวางสายเขาแบบนี้
เขาแต่งงานกับผู้หญิงแบบไหนกันเนี่ย?
ซื่อบื้อ แถมยังไม่มีหัวใจอีก !!
เวินลั่วฉิงไม่ต้องการสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น ดังนั้นหลังจากที่เธอออกไป ก็ไปนั่งแต่งหน้าบนรถ
แต่ว่าสิ่งที่เวินลั่วฉิงไม่รู้ก็คือ ในขณะนี้เย่ซือเฉินก็เข้าไปที่หมิงเจ๋เหมือนกัน