“แม่ครับ ผมวางสายก่อนนะ”ที่ซือถูมู่หรงโทรไปก็เพราะอยากจะถามคุณนายซือถูว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
จากที่คุณนายซือถูอธิบายเมื่อกี้ ไม่ว่ามันจะจริงหรือโกหก ซือถูมู่หรงก็ได้ผลสรุปออกมาแบบนี้แล้ว
“ได้ๆ ลูกวางเถอะ ส่วนเรื่องเข้าใจผิดในอินเทอร์เน็ตแม่จะหาวิธีแก้ไขเอง”คุณนายซือถูพูดย้ำอีกครั้งว่าจะแก้ปัญหาในเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ท่าทีของเธอดูดีมากจนไม่อาจจะดีกว่านี้ได้อีกแล้ว สำหรับเธอทุกเรื่องสามารถคุยปรึกษากันได้ และทุกเรื่องก็ล้วนมีซือถูมู่หรงเป็นจุดศูนย์กลาง
“ครับ”ซือถูมู่หรงตอบออกไปเบาๆ คุณนายซือถูพูดมาขนาดนี้แล้ว ซือถูมู่หรงก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากอีก
“ถ้าลูกมีเวลาก็กลับมาทานข้าวที่บ้านด้วยนะ นานมากแล้วที่ลูกไม่กลับมาทานข้าวที่บ้าน เดี๋ยวแม่จะให้คุณป้าหลิวเตรียมของที่ลูกชอบทานไว้”เสียงของคุณนายซือถูดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มันแสดงให้เห็นถึงความคิดถึงอย่างชัดเจน เป็นความคิดถึงแบบที่แม่มีต่อลูก
“ผมเข้าใจแล้วครับ”ซือถูมู่หรงในฐานะลูกชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าคงไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องแบบนี้ของคุณนายซือถูได้ กลับกันในฐานะลูกชายคนหนึ่ง เดิมก็ควรหาเวลาไปอยู่กับแม่บ่อยๆอยู่แล้ว
ตอนที่เขาอายุสิบขวบ พ่อของเขาก็ได้จากไป แม่เป็นคนเลี้ยงดูเขามาจนโตเพียงคนเดียว ซึ่งตอนนี้แม่ก็อยู่ตัวคนเดียวด้วย เพราะงั้นแม่คงต้องเหงาแน่นอน
“ลูกรีบพาลูกสะใภ้มาหาแม่เร็วๆนะ สู้ๆ”น้ำเสียงแห่งความคิดถึงของคุณนายซือถูไม่ได้คงอยู่นานนัก เธอเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงสดใสร่าเริงออกมาได้อย่างรวดเร็ว
“รู้แล้วครับ”เดิมสีหน้าที่เคร่งขรึมของซือถูมู่หรงผ่อนคลายลงมาไม่น้อย ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ มันก็คงแก้ไขได้ไม่ยาก
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขาต้องอธิบายเรื่องนี้ให้หลิวหยิงฟังอย่างชัดเจน
“เร็วหน่อย”หลังจากที่ซือถูมู่หรงวางสาย เขาก็เร่งคนขับรถ
“ครับ”คนขับรถหลี่ที่เป็นคนขับได้ยินน้ำเสียงของท่านประธานดูผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าท่านประธานจะคุยกับคุณย่าได้ดีทีเดียว
ซือถูมู่หรงอยากจะโทรหาหลิวหยิง แต่พอคิดไปคิดมาก็ห้ามใจไว้ เขารู้สึกว่าควรพูดอธิบายต่อหน้าเธอดีกว่า
คนขับรถเร่งเครื่องขึ้นอีก หลังจากผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงคฤหาสน์จิ่งเหอ
ซือถูมู่หรงเปิดประตูรถเดินลงไปตั้งแต่รถยังไม่จอดดี
“ท่านประธานช้าๆหน่อยครับ”คนขับรถหลี่ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว โชคดีที่ซือถูมู่หรงเคลื่อนไหวได้อย่างว่องไว เขากระโดลงรถได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีช่วงจังหวะติดขัดเลยแม้แต่นิดเดียว พอก้าวลงจากรถได้ ซือถูมู่หรงก็เดินตรงไปข้างหน้าทันที
คนขับรถหลี่ทำท่าโล่งใจออกมา ท่านประธานรีบร้อนเกินไป นี่ก็ถึงประตูหน้าบ้านแล้ว ไม่ควรทำเหมือนเมื่อกี้เลยจริงๆ มันน่าตกใจมาก
แน่นอนว่าคนขับรถหลี่ได้แต่แอบนินทาอยู่ในใจ เขาไม่กล้าพูดออกมาจริงๆหรอก
“แม่ครับ ผมวางสายก่อนนะ”ที่ซือถูมู่หรงโทรไปก็เพราะอยากจะถามคุณนายซือถูว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
จากที่คุณนายซือถูอธิบายเมื่อกี้ ไม่ว่ามันจะจริงหรือโกหก ซือถูมู่หรงก็ได้ผลสรุปออกมาแบบนี้แล้ว
“ได้ๆ ลูกวางเถอะ ส่วนเรื่องเข้าใจผิดในอินเทอร์เน็ตแม่จะหาวิธีแก้ไขเอง”คุณนายซือถูพูดย้ำอีกครั้งว่าจะแก้ปัญหาในเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ท่าทีของเธอดูดีมากจนไม่อาจจะดีกว่านี้ได้อีกแล้ว สำหรับเธอทุกเรื่องสามารถคุยปรึกษากันได้ และทุกเรื่องก็ล้วนมีซือถูมู่หรงเป็นจุดศูนย์กลาง
“ครับ”ซือถูมู่หรงตอบออกไปเบาๆ คุณนายซือถูพูดมาขนาดนี้แล้ว ซือถูมู่หรงก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากอีก
“ถ้าลูกมีเวลาก็กลับมาทานข้าวที่บ้านด้วยนะ นานมากแล้วที่ลูกไม่กลับมาทานข้าวที่บ้าน เดี๋ยวแม่จะให้คุณป้าหลิวเตรียมของที่ลูกชอบทานไว้”เสียงของคุณนายซือถูดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มันแสดงให้เห็นถึงความคิดถึงอย่างชัดเจน เป็นความคิดถึงแบบที่แม่มีต่อลูก
“ผมเข้าใจแล้วครับ”ซือถูมู่หรงในฐานะลูกชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าคงไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องแบบนี้ของคุณนายซือถูได้ กลับกันในฐานะลูกชายคนหนึ่ง เดิมก็ควรหาเวลาไปอยู่กับแม่บ่อยๆอยู่แล้ว
ตอนที่เขาอายุสิบขวบ พ่อของเขาก็ได้จากไป แม่เป็นคนเลี้ยงดูเขามาจนโตเพียงคนเดียว ซึ่งตอนนี้แม่ก็อยู่ตัวคนเดียวด้วย เพราะงั้นแม่คงต้องเหงาแน่นอน
“ลูกรีบพาลูกสะใภ้มาหาแม่เร็วๆนะ สู้ๆ”น้ำเสียงแห่งความคิดถึงของคุณนายซือถูไม่ได้คงอยู่นานนัก เธอเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงสดใสร่าเริงออกมาได้อย่างรวดเร็ว
“รู้แล้วครับ”เดิมสีหน้าที่เคร่งขรึมของซือถูมู่หรงผ่อนคลายลงมาไม่น้อย ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ มันก็คงแก้ไขได้ไม่ยาก
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขาต้องอธิบายเรื่องนี้ให้หลิวหยิงฟังอย่างชัดเจน
“เร็วหน่อย”หลังจากที่ซือถูมู่หรงวางสาย เขาก็เร่งคนขับรถ
“ครับ”คนขับรถหลี่ที่เป็นคนขับได้ยินน้ำเสียงของท่านประธานดูผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าท่านประธานจะคุยกับคุณย่าได้ดีทีเดียว
ซือถูมู่หรงอยากจะโทรหาหลิวหยิง แต่พอคิดไปคิดมาก็ห้ามใจไว้ เขารู้สึกว่าควรพูดอธิบายต่อหน้าเธอดีกว่า
คนขับรถเร่งเครื่องขึ้นอีก หลังจากผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงคฤหาสน์จิ่งเหอ
ซือถูมู่หรงเปิดประตูรถเดินลงไปตั้งแต่รถยังไม่จอดดี
“ท่านประธานช้าๆหน่อยครับ”คนขับรถหลี่ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว โชคดีที่ซือถูมู่หรงเคลื่อนไหวได้อย่างว่องไว เขากระโดลงรถได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีช่วงจังหวะติดขัดเลยแม้แต่นิดเดียว พอก้าวลงจากรถได้ ซือถูมู่หรงก็เดินตรงไปข้างหน้าทันที
คนขับรถหลี่ทำท่าโล่งใจออกมา ท่านประธานรีบร้อนเกินไป นี่ก็ถึงประตูหน้าบ้านแล้ว ไม่ควรทำเหมือนเมื่อกี้เลยจริงๆ มันน่าตกใจมาก
แน่นอนว่าคนขับรถหลี่ได้แต่แอบนินทาอยู่ในใจ เขาไม่กล้าพูดออกมาจริงๆหรอก
ซือถูมู่หรงมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ หัวใจของเขาค่อยๆจมดิ่งลง เมื่อกี้เขาเห็นว่าเธอกำลังดูข่าวว่าเขาจะแต่งงานอยู่เต็มตา เป็นข่าวที่เขาจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
ทว่าเธอกลับไม่รู้สึกโกรธ หงุดหงิด หรือแม้แต่จะเสียใจเลย แต่เธอกลับยิ้มออกมาอย่างสดใสแทน
นี่มันหมายความว่าอะไร?!
หมายความว่าเดิมเธอไม่เคยสนใจเขาเลยหรอ?!
แล้วยังดูมีความสุขมากขนาดนี้อีก
มีความสุขงั้นหรอ?
เธอเห็นข่าวว่าเขาจะแต่งงานกับคนอื่นแล้วก็เลยมีความสุขอย่างงั้นหรอ?
“เมื่อกี้ดูอะไรอยู่หรอ?”ซือถูมู่หรงเอ่ยปากพูดขึ้นอีกรอบ น้ำเสียงดูแหบพร่านิดหน่อย เขายังนึกว่าเมื่อกี้ตัวเองดูผิดไปรึเปล่าอยู่เลย เธออาจจะไม่ได้เห็นข่าวเรื่องการแต่งงานของเขา
ดังนั้น ซือถูมู่หรงจึงพยายามถามออกไปอีกครั้ง
“เมื่อกี้เห็นข่าวว่าคุณต้องแต่งงาน”หลิวหยิงมองเขา มุมปากยกยิ้มขึ้นมาทันที แถมรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังชัดเจน“ยินดีกับคุณด้วยนะ”
แค่คำว่ายินดี เธอพูดมันออกมาได้อย่างไหลรื่นและจริงใจ
พรุ่งนี้เป็นวันสิ้นสุดครบรอบห้าปีของพวกเขา พรุ่งนี้เธอจะต้องจากไปแล้ว ครั้งก่อนซือถูมู่หรงบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอไป แถมยังบอกอีกว่าให้มีลูกให้เขาหนึ่งคน เธอกังวลมาตลอดว่าซือถูมู่หรงจะไม่ยอมปล่อยเธอไปจริงๆ
แต่ในเมื่อตอนนี้ซือถูมู่หรงจะแต่งงานแล้ว เธอก็เลยไม่จำเป็นต้องกังวลอีก
“ยินดีด้วยงั้นหรอ?นี่คุณพูดว่ายินดีกับผมด้วยงั้นหรอ?”เดิมซือถูมู่หรงก็ยังมีความหวังเล็กๆอยู่ในใจ หวังว่าตัวเองจะดูผิด แต่หลังจากได้ยินคำว่ายินดีด้วยจากปากเธอ หัวใจของเขาก็ดิ่งฮวบลงทันที
“แม่ครับ ผมวางสายก่อนนะ”ที่ซือถูมู่หรงโทรไปก็เพราะอยากจะถามคุณนายซือถูว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
จากที่คุณนายซือถูอธิบายเมื่อกี้ ไม่ว่ามันจะจริงหรือโกหก ซือถูมู่หรงก็ได้ผลสรุปออกมาแบบนี้แล้ว
“ได้ๆ ลูกวางเถอะ ส่วนเรื่องเข้าใจผิดในอินเทอร์เน็ตแม่จะหาวิธีแก้ไขเอง”คุณนายซือถูพูดย้ำอีกครั้งว่าจะแก้ปัญหาในเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ท่าทีของเธอดูดีมากจนไม่อาจจะดีกว่านี้ได้อีกแล้ว สำหรับเธอทุกเรื่องสามารถคุยปรึกษากันได้ และทุกเรื่องก็ล้วนมีซือถูมู่หรงเป็นจุดศูนย์กลาง
“ครับ”ซือถูมู่หรงตอบออกไปเบาๆ คุณนายซือถูพูดมาขนาดนี้แล้ว ซือถูมู่หรงก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากอีก
“ถ้าลูกมีเวลาก็กลับมาทานข้าวที่บ้านด้วยนะ นานมากแล้วที่ลูกไม่กลับมาทานข้าวที่บ้าน เดี๋ยวแม่จะให้คุณป้าหลิวเตรียมของที่ลูกชอบทานไว้”เสียงของคุณนายซือถูดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มันแสดงให้เห็นถึงความคิดถึงอย่างชัดเจน เป็นความคิดถึงแบบที่แม่มีต่อลูก
“ผมเข้าใจแล้วครับ”ซือถูมู่หรงในฐานะลูกชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าคงไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องแบบนี้ของคุณนายซือถูได้ กลับกันในฐานะลูกชายคนหนึ่ง เดิมก็ควรหาเวลาไปอยู่กับแม่บ่อยๆอยู่แล้ว
ตอนที่เขาอายุสิบขวบ พ่อของเขาก็ได้จากไป แม่เป็นคนเลี้ยงดูเขามาจนโตเพียงคนเดียว ซึ่งตอนนี้แม่ก็อยู่ตัวคนเดียวด้วย เพราะงั้นแม่คงต้องเหงาแน่นอน
“ลูกรีบพาลูกสะใภ้มาหาแม่เร็วๆนะ สู้ๆ”น้ำเสียงแห่งความคิดถึงของคุณนายซือถูไม่ได้คงอยู่นานนัก เธอเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงสดใสร่าเริงออกมาได้อย่างรวดเร็ว
“รู้แล้วครับ”เดิมสีหน้าที่เคร่งขรึมของซือถูมู่หรงผ่อนคลายลงมาไม่น้อย ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ มันก็คงแก้ไขได้ไม่ยาก
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขาต้องอธิบายเรื่องนี้ให้หลิวหยิงฟังอย่างชัดเจน
“เร็วหน่อย”หลังจากที่ซือถูมู่หรงวางสาย เขาก็เร่งคนขับรถ
“ครับ”คนขับรถหลี่ที่เป็นคนขับได้ยินน้ำเสียงของท่านประธานดูผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าท่านประธานจะคุยกับคุณย่าได้ดีทีเดียว
ซือถูมู่หรงอยากจะโทรหาหลิวหยิง แต่พอคิดไปคิดมาก็ห้ามใจไว้ เขารู้สึกว่าควรพูดอธิบายต่อหน้าเธอดีกว่า
คนขับรถเร่งเครื่องขึ้นอีก หลังจากผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงคฤหาสน์จิ่งเหอ
ซือถูมู่หรงเปิดประตูรถเดินลงไปตั้งแต่รถยังไม่จอดดี
“ท่านประธานช้าๆหน่อยครับ”คนขับรถหลี่ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว โชคดีที่ซือถูมู่หรงเคลื่อนไหวได้อย่างว่องไว เขากระโดลงรถได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีช่วงจังหวะติดขัดเลยแม้แต่นิดเดียว พอก้าวลงจากรถได้ ซือถูมู่หรงก็เดินตรงไปข้างหน้าทันที
คนขับรถหลี่ทำท่าโล่งใจออกมา ท่านประธานรีบร้อนเกินไป นี่ก็ถึงประตูหน้าบ้านแล้ว ไม่ควรทำเหมือนเมื่อกี้เลยจริงๆ มันน่าตกใจมาก
แน่นอนว่าคนขับรถหลี่ได้แต่แอบนินทาอยู่ในใจ เขาไม่กล้าพูดออกมาจริงๆหรอก