เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้คิดอะไรมาก ตอบกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดเลยว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวนั้นรู้ดีถึงการจัดการนี้ของถังหยุนเฉิง
ร่างของเวินลั่วฉิงนั้นแข็งทื่อไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด หัวใจเต้นแรง หมายความว่าอะไรกัน?
คำพูดของคุณป้าหมายความว่าอะไร?
ถังหยุนเฉิงบอกว่ารอให้เธอกับเย่ซือเฉินจดทะเบียนสมรสกันก่อนแล้วค่อยเปิดเผยสถานะของเธอกับลูกอย่างนั้นหรือ?
ถ้าอย่างนั้นข่าวบนอินเตอร์เน็ตนั่นคืออะไรกัน?
ไม่ใช่ว่าคุณลุงให้นักข่าวเปิดเผยออกมาอย่างนั้นหรือ?
ถ้าหากไม่ใช่คุณลุงให้คนเปิดเผยออกมาแล้วจะเป็นใคร?
“ฉิงฉิง เธอเป็นอะไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม? หรือว่าเธอรู้สึกว่าการจัดการของลุงเธอมีปัญหา?” เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นใบหน้าท่าทางที่จริงจังของเวินลั่วฉิงก็ตกใจ ปกติแล้วเวินลั่วฉิงจะนิ่งและสุขุมมาโดยตลอด น้อยครั้งมากที่จะมีสีหน้าท่าทางแบบนี้ เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้สึกเหมือนกับว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรแล้ว
“คุณป้าคะ ฉันอยากรู้ว่าก่อนหน้านี้คุณลุงมีติดต่อนักข่าวแล้วหรือยัง บอกกับนักข่าวเรื่องของฉันกับลูกแล้วหรือยังคะ?” ตอนนี้เวินลั่วฉิงทำได้เพียงคาดเดาว่าถังหยุนเฉิงนั้นได้ติดต่อนักข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว หรือบางทีก็เอ่ยถึงเรื่องนี้แล้ว นักข่าวคนนั้นอดที่จะเปิดเผยออกไปก่อนไม่ได้
แต่เรื่องนี้ หลังจากที่เวินลั่วฉิงถามออกมาแล้วก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลย ข้อแรก ถังหยุนเฉิงจะทำอะไรนั้นมีความสุขุมมาโดยตลอด ไม่มีทางเกิดความผิดพลาดแบบนั้นเด็ดขาด
ข้อสอง ในเมื่อเป็นนักข่าวที่ถังหยุนเฉิงเชื่อใจ นักข่าวจะต้องไม่มีทางพูดไปทั่วหากไม่ได้รับการอนุญาตจากถังหยุนเฉิงอย่างแน่นอน
“ไม่มีอยู่แล้วสิ เรื่องของเธอกับลูกสองคน ลุงเธอรอบคอบมากเลยนะ เพราะฉะนั้นไม่มีทางหลุดพูดกับนักข่าวไปได้อย่างแน่นอน ฉิงฉิง ทำไมเธอถามแบบนี้? เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?” เฟิ่งเหมียวเหมียวรับรู้ได้ว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นแล้วเวินลั่วฉิงจะต้องไม่ถามแบบนี้แน่ๆ
เวินลั่วฉิงจับโทรศัพท์มือถือในมือไว้แน่น คิดแล้วนั้นก็เอาโทรศัพท์มือถือส่งให้ตรงหน้าเฟิ่งเหมียวเหมียว ให้เฟิ่งเหมียวเหมียวได้เห็นรายงานข่าวนั้นอย่างชัดเจน
“เรื่องของเธอกับลูกเปิดเผยแล้ว?” ตอนที่เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นข่าวก็ตกตะลึงไปแล้ว : “ลุงเธอมีทักนักข่าวไปก่อนแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ปฏิกิริยาแรกที่เฟิ่งเหมียวเหมียวนึกถึงนั้นคือความเป็นไปได้นี้
“ถามคุณลุงดีกว่าค่ะ” เวินลั่วฉิงรู้ว่าเดาไปทั่วแบบนี้ไม่มีประโยชน์ สู้ถามให้ชัดเจนเลยจะดีกว่า
“ถามอะไรฉันอย่างนั้นหรือ?” ถังหยุนเฉิงเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงแล้ว จึงเดินเข้ามา
“หยุนเฉิง คุณไม่ได้บอกนักข่าวเรื่องฉิงฉิงกับลูกหรือเปล่า? คุณให้พวกเขาเปิดเผยเรื่องสถานะของฉิงฉิงกับลูกด้วยไหม?” เฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นพวกใจร้อน เมื่อเห็นถังหยุนเฉิงแล้วก็รีบเอ่ยถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เปล่านี่” ถังหยุนเฉิงงุนงงเล็กน้อย : “ทำไมหรือ?”
ถังหยุนเฉิงเป็นคนฉลาด เห็นได้ชัดว่าเดาอะไรได้แล้ว
เฟิ่งเหมียวเหมียวรีบเอาโทรศัพท์มือถือของเวินลั่วฉิงส่งให้ตรงหน้าถังหยุนเฉิง : “ฉันอ่านดูแล้ว เรื่องของฉิงฉิงกับลูกมีการรายงานออกมาแล้ว บอกว่าฉิงฉิงของพวกเราแต่งงานแล้ว อีกทั้งยังมีลูกชายลูกสาวคู่นึงด้วย ถ้าหากไม่ใช่คุณให้นักข่าวรายงาน แล้วจะเป็นใครคะ?”
ถังหยุนเฉิงอ่านรายงานข่าว คิ้วของเขาขมวดขึ้น : “จะเป็นพ่อกับแม่หรือเปล่า?”
ถังหยุนเฉิงเองก็ทำได้เพียงคาดเดาไปในทางนี้ เนื่องจากว่านี่คือความเป็นไปได้ที่ดีที่สุด ถ้าหากไม่ใช่พวกเขา เกรงว่าเรื่องราวจะยิ่งซับซ้อนมากยิ่งขึ้นแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อพ่อกับแม่เอาเรื่องนี้ให้คุณจัดการแล้ว จะต้องไม่แทรกมือเข้ามาแน่ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย พ่อกับแม่รู้ถึงความเหมาะสมอยู่แล้ว” เฟิ่งเหมียวเหมียวปฏิเสธการคาดเดานี้ของถังหยุนเฉิงออกมารวดเดียว
ถังหยุนเฉิงเม้มปาก ไม่ได้เอ่ยพูดออกมา ความจริงแล้วถึงแม้เมื่อครู่นี้เขาพูดออกมาแบบนั้น แต่เขาเองก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลยเช่นกัน
ส่วนถังหลินนั้นก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เรื่องที่เขาออกปากว่าจะจัดการนั้น ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ถังหลินจะแทรกมือเข้ามา
แต่เขาก็ไม่อยากจะคาดเดาไปในทางที่ไม่ดี
“พ่อกับแม่น่าจะตื่นแล้ว เราลงไปข้างล่างดูกันดีกว่าค่ะว่าคือสถานการณ์อะไรกันแน่” ถังหยุนเฉิงเก็บของเรียบร้อยแล้ว จึงเดินออกมาจากห้อง สีหน้าของถังหยุนเฉิงเวลานี้มีความจริงจังและหนักแน่นมาก
เห็นได้ชัดว่าเวลานี้สีหน้าของถังหยุนเฉิงดูจริงจังและหนักแน่นอยู่บ้าง ทั้งสามคนรีบลงบันได้มา เวลานี้ท่านปู่ถังและท่านย่าถังตื่นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ในห้องโถงใหญ่
เห็นทั้งสามคนลงมาด้วยกัน ท่านย่าถังก็รู้สึกประหลาดใจ มองดูทั้งสามคนที่แต่ละคนดูมีความจริงจัง ดวงตาของท่านย่าถังมีแสงแวบเข้ามาเบาๆ : “เช้าตรู่ขนาดนี้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“แม่คะ วันนี้ตั้งแต่เช้าตรู่มีคนเอาเรื่องของฉิงฉิงกับลูกเปิดเผยออกไปแล้วค่ะ” เฟิ่งเหมียวเหมียวลงมาอย่างรวดเร็ว แล้วเอาโทรศัพท์มือถือของเวินลั่วฉิงให้คนแก่ทั้งสองคนดู
“นี่คือ…….” ท่านย่าถังอึ้งไป เงยหน้าขึ้นมามองสองสามคนอย่างรวดเร็ว : “ไม่ใช่พวกแกให้คนเปิดเผยออกไป”
ทั้งสามคนรีบส่ายหน้า
“ถังหลินล่ะ? ถังหลินรู้เรื่องนี้ไหม?” ตอนนี้ขาดเพียงแค่ถังหลินคนเดียวเท่านั้น ท่านย่าถังทำได้เพียงคิดไปที่ถังหลินแล้ว ส่วนเย่ซือเฉินกับฉิงฉิงอยูห้องเดียวกับฉิงฉิง ดูจากปฏิกิริยาของฉิงฉิงแล้ว เย่ซือเฉินจะต้องไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องถามผม ผมไม่รู้ครับ” ถังหลินเดินลงมาพอดี สีหน้าหนักหน่วงอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงก็มีความเยือกเย็นด้วยเช่นกัน
“เห็นเหมือนกันใช่ไหมคะ” เวินลั่วฉิงมองไปยังถังหลินอย่างรวดเร็ว ได้ยินคำพูดของถังหลินแล้ว เวินลั่วฉิงก็รู้ว่าถังหลินจะต้องเห็นข่าวแล้วอย่างแน่นอน
“อืม เห็นแล้ว ไม่รู้ว่าสรุปแล้วใครเป็นคนกระจายข่าวออกไปกันแน่” ดวงตาคู่นั้นของถังหลินหรี่ลง มีกลิ่นอายแห่งความอันตรายอยู่ด้วย
เรื่องนี้ถ้าหากไม่ใช่คนของตระกูลถังเปิดเผยออกไป ปัญหาก็อาจจะรุนแรงมาก
“คนที่รู้เรื่องสถานะของฉิงฉิงกับลูกก็มีอยู่ไม่กี่คน คนที่รู้สถานการณ์ภายในก็ล้วนแต่เป็นคนที่เชื่อถือได้ คงจะไม่ทำเรื่องแบบนี้เป็นการส่วนตัว” ถังหยุนเฉิงเองก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของปัญหานี้ ดังนั้น ถังหยุนเฉิงจึงมีสีหน้าที่หนักหน่วงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“จะเป็นคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่หรือเปล่า? พวกเขาจะรู้กันแล้วใช่ไหม?” ท่านย่าถังอดที่จะเดาไม่ได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แล้วก็ไม่รู้จุดประสงค์ของฝ่ายนั้นด้วย ท่านย่าถังหวังว่าคนที่ทำจะเป็นคุณปู่เย่และคุณย่าเย่
“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องเด็กทั้งสองคนแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าฉิงฉิงเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลถัง ถ้าหากพวกเขารู้ว่าฉิงฉิงเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ก็อาจจะไม่กำหนดเรื่องการแต่งงานของเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้กับเย่ซือเฉินเป็นการส่วนตัวแบบนี้หรอกครับ” ถังหลินปฏิเสธการคาดเดาของท่านย่าถังไป คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เป็นคนฉลาดเฉียบแหลมมาตลอดอยู่แล้ว
ตระกูลถังถึงแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เท่ากับองค์กรโกสต์ซิตี้ขนาดนั้น แต่ตระกูลถังเองก็ไม่ได้ประมาท เมื่อก่อนคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็พยายามประจบประแจงตระกูลถังด้วยเช่นกัน เพียงแต่ครั้งที่แล้วเป็นเพราะตระกูลถังเกิดเรื่องขึ้น คุณปู่เย่มั่นใจว่าตระกูลถังจะไม่สามารถลุกขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นจึงเหยียบตระกูลถังเอาไว้ ผิดใจกับตระกูลถัง
คุณปู่เย่รู้สึกว่าประจบประแจงตระกูลถังนั้นไม่มีความหวังแล้ว ถ้าหากคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่รู้ว่าเวินลั่วฉิงเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง เรื่องราวจะต้องไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน!!
“หรือบางทีพวกเขาเพิ่งจะมารู้ตอนนี้ล่ะคะ?” ดวงตาของเฟิ่งเหมียวเหมียวมีแสงวาบขึ้นมา แล้วรีบเสริมอีกประโยคอย่างรวดเร็ว!!