เฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นใคร?อยากให้เธออ่อนโยนก็ได้ แข็งกระด้างก็ไม่มีปัญหา หากคิดจะมาปะทะฝีปากกับเธอ คงคิดผิดไปถนัด แน่นอน ส่วนของพลานุภาพและรัศมีก็ไม่มีใครเทียบเฟิ่งเหมียวเหมียวได้
และที่สำคัญ เฟิ่งเหมียวเหมียวเคียงบ่าเคียงไหล่ถังหยุนเฉิง เป็นคุณนายถังมาหลายปี จึงเคยเจอทุกสถานการณ์ คนอย่างเฉิงโหรวโหรวจะเป็นคู่ต่อสู้เธอได้อย่างไร?
เฟิ่งเหมียวเหมียวพูดอย่างเงียบขรึม ทว่ากลับแฝงนัยยะหลายประการ
ประการที่หนึ่ง เฟิ่งเหมียวเหมียวเน้นย้ำว่าคุณหนูใหญ่ถังเป็นที่โปรดปรานของตระกูลถัง สามารถเปรียบเทียบข่าวลือขององค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้อย่างลงตัว
ประการที่สอง องค์หญิงคนนี้ไม่มีฐานะใดๆในตระกูลเย่ ทว่าก็มาเฝ้าศพไว้อาลัยเย่โป๋เหวินในฐานะเจ้าบ้าน เรื่องนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ถึงแม้จะทำให้ทุกคนคิดว่าคุณชายสามเย่จะแต่งงานกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ ทว่าคนส่วนมากก็รู้สึกเอือมระอากับการกระทำขององค์หญิงคนนี้
ลูกสาวบ้านไหนเที่ยวไปเฝ้าศพไว้อาลัยโดยที่ไม่มีสถานะอะไร!
คำพูดของเฟิ่งเหมียวเหมียวเจือความแดกดันอย่างฉายชัด
ถึงเฉิงโหรวโหรวจะโง่เง่าเต่าตุ่น ทว่าก็ฟังออก
เฉิงโหรวโหรวโดนเฟิ่งเหมียวเหมียวสวนกลับจนรู้สึกฉุนเฉียว เธอที่ไร้สมองพูดออกมาว่า “คุณหนูใหญ่ถังกับเย่ซือเฉินมีความสัมพันธ์ไม่เลวไม่ใช่เหรอ?ทำไมถึงไม่มาล่ะ?”
เฟิ่งเหมียวเหมียวเบิกตากว้าง มององค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้อย่างตกตะลึง เธอกล้ำกลืนวาจาหยาบคายลง
โอ้โห สมององค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้มีปัญหาหรือเปล่า?!
ถึงได้กล้าพูดอย่างนี้ตรงนี้?
หากวันนี้เป็นงานมงคลของตระกูลเย่ก็แล้วไป ทว่าวันนี้เป็นงานศพของเย่โป๋เหวินนะ
คนที่มาร่วมงานศพคือเคารพในตัวผู้ตาย ซึ่งถังหยุนเฉิงกับเฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นตัวแทนตระกูลถังเข้ามางาน ถือว่าเป็นการเคารพเย่โป๋เหวินสูงสุด
งานศพไม่ใช่งานแต่งงาน หากไม่สนิทชิดเชื้อกันจริง ผู้ใหญ่ไม่มีทางพาเด็กมาเดินเพ่นพ่านงานแบบนี้หรอก
หากถังหลินมาก็ถือว่าปกติ เพราะถังหลินกับเย่ซือเฉินเป็นสหายรักต่อกัน ทว่าหากถังหยุนเฉิงพาคุณหนูใหญ่ถังมาก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใดนัก
“คุณเฉิงใช่ไหมคะ?” เฟิ่งเหมียวเหมียวมองเฉิงโหรวโหรวด้วยรอยยิ้ม เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่เรียกว่าองค์หญิงอีก เพราะฟังแล้วช่างกระดากนัก เป็นองค์หญิงภาษาอะไรเนี่ย?เหมาะจะเป็นหมูมากกว่า
เฉิงโหรวโหรวได้ยินเฟิ่งเหมียวเหมียวเรียก สีหน้าพลันเปลี่ยนไป ตอนนี้หัวหน้าไม่ให้เธอเปลี่ยนแซ่ เธอยังคงแซ่เฉิงเหมือนเดิม
ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เธอขุ่นเคืองใจ
“ใครๆก็รู้ว่าคุณหนูถังของพวกเราเป็นคนฉลาด มีมารยาท รู้จักกาลเทศ ดังนั้นเรื่องที่คุณหนูใหญ่ถังทำจึงไม่มีใครหาข้อบกพร่องได้ คุณเฉิงกำลังอยากปรักปรำคนของตระกูลถังอยู่หรือ” ตอนแรกเฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้พูดแทงใจดำขนาดนี้ ทว่าเฉิงโหรวโหรวเกินไปจริงๆ น้ำเสียงเฟิ่งเหมียวเหมียวจึงเปลี่ยนไป
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันแต่รู้สึกว่าคุณหนูถังสนิทกับเย่ซือเฉินแล้วก็ควรมาเคารพคุณลุงสักหน่อยค่ะ” เฉิงโหรวโหรวเห็นบารมีจัดเต็มของเฟิ่งเหมียวเหมียว ร่างกายก็หดแกร่ง และเสียงเบาลงหลายส่วน
“คุณเฉิงรู้มาจากไหนคะว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเราสนิทกับคุณชายสามเย่?แล้วคุณเฉิงมีสิทธิ์อะไรมาถามเรื่องนี้?”เวลานี้เฟิ่งเหมียเหมียวหน้าตาบึ้งตึง เสียงเย็นเยียบเพิ่มขึ้นหลายส่วน
มีคนรู้เรื่องเย่ซือเฉินกับฉิงฉิงไม่มาก คนที่รู้ก็ล้วนเป็นคนใกล้ชิดทั้งนั้น
กระทั่งคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ยังไม่รู้เรื่องนี้อย่างละเอียดเลย แล้วเฉิงโหรวโหรวคนนี้รู้ได้ยังไง?
เฟิ่งเหมียวเหมียวฟังออกว่าน้ำเสียงเฉิงโหรวโหรวไม่เป็นมิตร เดิมทีเฟิ่งเหมียวเหมียวคิดว่าเฉิงโหรวโหรวชอบเย่ซือเฉิน ทว่าตอนนี้เห็นทีคงไม่ง่ายอย่างที่คิด
ถังหยุนเฉิงที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่พูดอะไรมาตลอด เวลานี้แววตาก็เริ่มมืดครึ้มหลายส่วน
“ในบ้านตระกูลเย่ งานศพของคุณเย่ คุณเฉิงใช้สถานะอะไร?คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”เฟ่งเหมียวเหมียวพูดอย่างบีบเค้นหลายส่วน
“ฉัน……ฉัน……” เฉิงโหรวโหรวเป็นใบ้ไปเลย ไม่รู้จะตอบเฟิ่งเหมียวเหมียวยังไง เธอก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองยังไม่ได้แต่งงานกับเย่ซือเฉิน ยังไม่มีฐานะอะไรในบ้านนี้
คนที่รายล้อมอยู่นั้นมองเฉิงโหรวโหรวด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป องค์หญิงคนนี้สมองมีปัญหาจริงๆหรือนี่?
“คุณนายถัง เธอเป็นแค่เด็ก อย่าโกรธเธอเลย” คุณย่าเย่แอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก ถึงแม้ท่านจะไม่ชอบใจกับการกระทำของเฉิงโหรวโหรว ทว่าท่านก็ไม่กู้สถานการณ์ไม่ได้
“ฉันไม่ถือสาเธออยู่แล้วค่ะ แต่ฉันเห็นคุณย่าเย่พาเธออยู่ข้างกายตลอดเวลา ฉันยังคิดว่าตระกูลเย่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเสียอีกค่ะ ฉันรู้สึกสงสัย เลยถามดูค่ะ วันหน้าจะได้ไม่มีคนว่าตระกูลถังไม่รู้ความค่ะ” เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่อยากมีเรื่อง ทว่าเธออคติกับคุณย่าเย่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว น้ำเสียงจึงไม่มีความเกรงอกเกรงใจเลยสักนิด
“ขอถามหน่อยค่ะ คุณเฉิงท่านนี้มีสถานะอะไรในบ้านตระกูลเย่คะ?” เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้ตั้งนานแล้วว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่คิดจะทำอะไร คนตระกูลถังก็รู้ด้วย แต่เป็นงานศพของเย่โป๋เหวิน จึงไม่อยากสร้างความวุ่นวาย ทว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวก็รู้สึกคับอกคับใจ วิธีการของคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ทำให้สะอิดสะเอียนมาก มันเหลืออดจริงๆ
ถึงแม้ฉิงฉิงจะเข้าใจเย่ซือเฉิน ทว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ทำถึงขั้นนี้ ฉิงฉิงก็ต้องไม่สบายใจบ้างแหละ ตอนแรกเธอก็อยากอดทนไว้ ทว่าดันมีคนไม่มีแววตาเสนอหน้ามา
เฟิ่งเหมียวเหมียวลั่นวาจานี้ออกมา คนรอบข้างก็รีบแคะขี้หูฟัง ล้วนอยากรู้ว่าคุณย่าเย่จะตอบเช่นไรกันทั่วหน้า
เพราะองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้มาเฝ้าไว้อาลัยเย่โป๋เหวินที่บ้านตระกูลเย่ ทั้งยังรับผิดชอบงานเลี้ยงวันนี้ด้วย เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นการแจ้งข่าวให้ทุกคนรู้ ซึ่งก็คือข่าวที่ว่าคุณชายสามเย่อาจจะแต่งงานกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้
ทว่าถึงเรื่องจะครึกโครมเพียงใด คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็ไม่ยืนออกมาพูดเสียที และไม่เคยช่วยองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้พูดอะไร
“วันนี้เป็นงานศพของเย่โป๋เหวิน เรื่องอื่นค่อยว่ากันนะ” คุณย่าเย่ไม่ได้ตอบคำถามของเฟิ่งเหมียวเหมียวโดยตรง ถึงแม้เย่ซือเฉินจะกลับมาแล้ว ทว่าเย่ซือเฉินก็ไม่มองพวกท่านดีๆเลย และไม่เคยพูดคุยกับพวกท่านด้วย คุณย่าเย่จึงไม่กล้าพูดอะไรเกินควร
“ดูจากความหมายของคุณย่าเย่แล้ว คุณเฉิงไม่ใช่คนของตระกูลเย่ใช่ไหมคะ?แล้วเมื่อกี้คุณเฉิงมีสิทธิ์อะไรมาถามฉัน?” เฟิ่งเหมียวเหมียวได้ยินคำพูดของคุณย่าเย่ก็อดแอบหัวเราะเย้ยหยันไม่ได้
คุณย่าเย่คนนี้น่าสนใจจริงๆ อยากให้เย่ซือเฉินแต่งงานกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ ทว่ากลับไม่กล้ายอมรับ
องค์หญิงคนนี้ไม่รู้สึกเนื้อใจหรือ?!
อันที่จริงเฟิ่งเหมียวเหมียวพูดให้เฉิงโหรวโหรวฟังต่างหาก ขอเพียงเฉิงโหรวโหรวมีสมองก็จะดูท่าทางของคุณย่าเย่ออก น่าจะรู้สึกเสียใจและเนื้อใจบ้าง?
ทว่าสิ่งที่ทำให้เฟิ่งเหมียวเหมียวแปลกใจก็คือ เฉิงโหรวโหรวไม่ได้ถือสาคุณย่าเย่ ทางกลับกัน กลับมองเธอด้วยใบหน้าโกรธเคือง “ฉันกับเย่ซือเฉินหมั้นกันแล้ว พวกเราจะแต่งงานกัน”
เฟิ่งเหมียวเหมียวตะลึงตะไลอีกครั้ง สมององค์หญิงคนนี้มีปัญหาจริงๆ
เย่ซือเฉินไม่เคยพูดอะไรเลย เมื่อกี้คุณย่าเย่ก็กำลังหลีกเลี่ยงคำถามนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่องค์หญิงกลับขึ้นเขียงซะงั้น
ไม่รู้จักสำรวมเลยสักนิด ประเด็นสำคัญคือหน้าไม่อายมาก!!
ตอนนี้คนองค์กรโกสต์ซิตี้กลายเป็นคนหน้าไม่อายกันหมดแล้วเหรอ?!
องค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ทำตัวอย่างนี้ หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้คล้อยตามหรือไม่?!
“โอเค งั้นก็ขอแสดงความยินดีกับคุณเฉิงด้วยนะคะ” เฟิ่งเหมียวเหมียวหัวเราะกะทันหัน เธอคิดว่าคนนี้ยังกล้ามาแย่งชิงกับฉิงฉิงของเธออีกหรือ?ไม่ให้เกียรติฉิงฉิงเลย!!
เพราะคนแบบนี้จะมีคุณสมบัติเป็นคู่ต่อสู้ฉิงฉิงได้ยังไง?!
เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้สึกว่าเมื่อครู่ตัวเองไม่จำเป็นต้องโกรธอะไรเลย
“ยินดีคุณย่าเย่ด้วยค่ะ ดูเหมือนตระกูลเย่ใกล้จะจัดงานมงคลแล้วนะคะ” เฟิ่งเหมียวเหมียวมองไปยังคุณย่าเย่ด้วยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า เพียงแต่ใครก็ฟังออกว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวพูดประชดประชัน
คุณย่าเย่รู้สึกหงุดหงิดในใจ ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ ท่านก็พูดอะไรมากไม่ได้
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเฉิงโหรวโหรวที่ไม่มีสมอง พูดจาเรื่อยเปื่อย ถ้ารู้แต่แรก ท่านก็ไม่ให้เฉิงโหรวโหรวอยู่ข้างๆแล้วละ
ทว่าเมื่อให้เฉิงโหรวโหรวอยู่ข้างๆก็ได้ผลลัพธ์ที่ท่านต้องการแล้ว ตอนนี้ท่านพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้
ตอนนี้ทุกคนกำลังส่งข่าวบอกต่อว่าเย่ซือเฉินจะแต่งงานกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ หากสถานการณ์เช่นนี้เย่ซือเฉินยังปฏิเสธอีก ถึงเวลานั้นหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้คงไม่ยอม และท้ายที่สุดเย่ซือเฉินก็ต้องสมัครใจแต่งงานกับเฉิงโหรวโหรว