หลายปีมานี้ฉิงฉิงอาศัยอยู่ข้างนอก ยังเลี้ยงลูกอีกสองคน ต้องลำบากมาไม่น้อยแน่นอน ปกติก็ต้องยุ่งมากแน่นอน เกรงว่าคงจะไม่มีเวลาไปตรวจร่างกาย ดังนั้น เขาจะต้องให้ฉิงฉิงไปตรวจร่างกายครบทุกด้านให้ได้!!
“อาหารมาเสิร์ฟครบแล้ว มาทานอาหารเถอะ” ท่านย่าถังเรียกให้ทุกคนมาทานอาหาร ถังหยุนเฉิงจึงอุ้มถังจื่อซีแล้วเดินไป นั่งลงยังที่นั่งของเขา
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงหมดแล้ว ถังหยุนเฉิงก็หันไปทางเฟิ่งเหมียวเหมียว แกล้งทำเป็นถามไปว่า “ปีนี้เธอตรวจสุขภาพหรือยัง?”
“บังเลย ยังไม่ถึงเวลาเลย แต่ว่าใกล้แล้ว เดือนนี้แหละ” เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้สึกตะลึงในคำถามของเขาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงถามคำถามนี้ อีกอย่างการตรวจสุขภาพในทุกๆ ปีเขาก็ไปพร้อมกับเธอ เขาไม่มีทางจำไม่ได้แน่นอน
ในใจของเฟิ่งเหมียวเหมียวหนักแน่นลงเล็กน้อย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป้าหมายของเขาไม่ได้อยากถามคำถามนี้ เขาน่าจะมีเป้าหมายอื่น
แต่ว่าคือเป้าหมายอะไรกันแน่? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เฟิ่งเหมียวเหมียวเริ่มมีความคลุมเครือแล้ว ทว่าก็ยังให้ความร่วมมือกับถังหยุนเฉิงอยู่
“อื้ม พอถึงเวลาแล้วไปตรวจด้วย อย่าลืมนะ” ถังหยุนเฉิงพูดกำชับอย่างจริงจังไปประโยคหนึ่ง
เฟิ่งเหมียวเหมียวยิ่งตะลึงงงไปใหญ่ เรื่องการตรวจสุขภาพนี้เธอเคยลืมเมื่อไหร่กัน?
ตอนหนุ่มๆ ยังถือว่าโอเค หลังจากที่อายุเริ่มมากแล้ว เธอกลัวว่าร่างกายของตัวเองจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น ดังนั้นการตรวจสุขภาพในทุกๆ ปีเธอไปตาม และตรวจแบบครบทุกด้านอีกด้วย
“ทรายแล้ว ไม่ลืมแน่นอน” ถึงแม้ว่าในใจเฟิ่งเหมียวเหมียวจะรู้สึกสงสัย ทว่าก็ยังหยักหน้าตอบ
การสนทนาแบบนี้ฟังแล้วปกติมาก ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ทว่าท่านปู่ถังเงยหน้าขึ้นมองไปทางถังหยุนเฉิง
“อื้ม” ถังหยุนเฉิงพยักหน้าตอบกลับ จากนั้นก็ยกถ้วยข้างขึ้นมา คีบผักกากมา ทว่าถังหยุนเฉิงไม่ได้กิน จู่ๆ ก็ยังมองไปทางเวินลั่วฉิงอีกด้วย ราวกับว่าเหมือนนึกเรื่องนี้ขึ้นกะทันหัน “ฉิงฉิงเธอได้ตรวจสุขภาพทุกปีเลยไหม?”
มือที่จับตะเกียบของเฟิ่งเหมียวเหมียวอยู่แข็งทื่อไปทันที เพราะว่าในใจของเธอก็กังวลอยู่แล้วแต่แรกว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้นพอได้ยินคำพูดของถังหยุนเฉิงแล้ว ในใจก็ตกใจทันที
หรือว่า? ร่างกายของฉิงฉิงเกิดปัญหาอะไรขึ้น?
ทว่าหากร่างกายของฉิงฉิงเกิดปัญหาอะไรขึ้น ก็ไม่ควรจะเป็นหยุนเฉิงที่รู้ก่อน
เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้สึกว่าคำพูดนี้ของถังหยุนเฉิงมีความแปลกเล็กน้อย
“อื้ม สองสามปีก่อนเคยตรวจ ปีที่แล้วไม่ได้ตรวจ ปีนี้ก็ไม่ได้ตรวจ” เวินลั่วฉิงกำลังทานอาหารอยู่ ได้ยินคำพูดของถังหยุนเฉิงแล้วก็อึ้งไปเลย แต่ว่าเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เธอก็ยังละเอียดรอบคอบในเรื่องสุขภาพร่างกายอยู่ จะไปตรวจตามเวลา ตอนที่เธออยู่ประเทศM ถังไป๋เชียนก็ได้จัดการตรวจสุขภาพให้เธอในทุกๆ ปีอยู่แล้ว ทว่าปีที่แล้วมีเรื่องบางอย่างเข้ามาพอดี จึงไม่ได้ไปตรวจ
ปีนี้หลังจากที่กลับไปแล้วก็มีเรื่องมากมาย จึงไม่ได้ไปสนใจ
“ได้ยังไงล่ะ สุขภาพต้องตรวจทุกปี ห้ามประมาทเพราะคิดว่ายังสาว เอาอย่างนี้ละกัน ฉันจัดเวลาให้เธอ เธอไปทำการตรวจสุขภาพเย็นนี้เลย โรงพยาบาลของเราเอง สะดวกและวางใจได้” ถังหยุนเฉิงได้ยินเวินลั่วฉิงบอกว่าไม่ได้ทำการตรวจสุขภาพมาสองปีแล้ว ก็นึกถึงผู้หญิงที่โอบกอดลูกของตัวเองร้องไห้อย่างใจขาดอยู่หน้าโรงพยาบาล
ถังหยุนเฉิงเป็นคนใจอ่อนอยู่แล้ว อีกอย่างคิดอะไรก็คิดไปไกล หลังจากที่เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นที่โรงพยาบาลก็นึกถึงฉิงฉิง จากนั้นในใจก็นึกถึงแต่เรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับฉิงฉิงจริงๆ เขาจะรับไม่ได้แน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพ่อกับแม่แล้ว
ดังนั้น เขาไม่มีทางให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่นอน ถึงแม้ว่าจะมีอุบัติเหตุเล็กน้อยก็ไม่ได้!!
“ถึงแม้ว่าจะทำการตรวจก็ไม่ต้องรีบขนาดนี้หรอกมั้ง?” ท่าทางที่กำลังทานอาหารของเวินลั่วฉิงได้หยุดลง ถังหยุนเฉิงไม่ใช่คนที่นิสัยใจร้อน อีกอย่างเรื่องตรวจสุขภาพต้องรีบขนาดนี้เลยเหรอ?
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่า ถังหยุนเฉิงในวันนี้มีความแปลกเล็กน้อย
“ยังไงก็ต้องตรวจอยู่แล้ว ยิ่งเร็วยิ่งดี ฉันจัดเวลาเรียบร้อยแล้ว เธอไปตอนเย็นนี้เลย ไปโรงพยาบาลของเรานั่นแหละ อุปกรณ์บางอย่างของเราต่างถูกนำเข้าก่อนในเมืองAอยู่แล้ว” ถังหยุนเฉิงกำหนดเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว
“เธอไปเป็นเพื่อนฉิงฉิงเย็นนี้ เธอคุ้นชินกับในโรงพยาบาล” เหมือนว่าถังหยุนเฉิงยังไม่วางใจ จึงกำชับกับเฟิ่งเหมียวเหมียวไปอีกประโยคหนึ่ง
“นี่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงให้ฉิงฉิงรีบไปตรวจขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” ท่านย่าถังเองก็รู้สึกได้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยปกติ ไม่ว่ายังไงแล้วเรื่องการตรวจสุขภาพก็ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนี้
ทว่าดูจากท่าทางของถังหยุนเฉิงแล้วเหมือนว่าฉิงฉิงเป็นโรคร้ายแรงเลย
หัวใจของท่านย่าถังถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที
เวินลั่วฉิงในขณะนี้ได้วางตะเกียบลงแล้ว มองไปทางถังหยุนเฉิง “คุณลุง คุณอาได้ข่าวอะไรมาเหรอคะ?”
สิ่งที่ท่านย่าถังนึกถึงแน่นอนว่าเวินลั่วฉิงก็นึกถึงเหมือนกัน หรือว่าถังหยุนเฉิงได้ข่าวว่าร่างกายของเธอเกิดปัญหาขึ้น
ทว่าช่วงนี้ร่างกายของเธอก็ดีมากแท้ๆ อีกอย่างช่วงนี้เธอก็ไม่ได้ไปทำการตรวจอะไร ถังหยุนเฉิงน่าจะไม่ได้รับข่าวแบบนั้นแน่นอน
ตอนแรกในใจของถังหยุนเฉิงมีความกดดันเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่าตอนนี้ในเมื่อเวินลั่วฉิงถามแล้ว ถังหยุนเฉิงก็ไม่ดีที่จะปิดบังต่อ จึงพูดสถานการณ์ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูโรงพยาบาลที่เจอก่อนกลับบ้านออกมา
“ยังสาวอยู่เลย มีลูกอีกคนหนึ่งด้วย เฮ้อ น่าสงสารจริงๆ” ท่านย่าถังเป็นแม่พระอยู่แล้ว ยังฟังไม่จบก็อดถอนหายใจไม่ไหวแล้ว
“หากเธอทำการตรวจสุขภาพทุกปี อาจจะสามารถตรวจพบโรคได้เร็วกว่านี้ มะเร็งระยะแรกนั้นมีโอกาสรักษาหาสูงมาก ดังนั้นการตรวจสุขภาพจึงสำคัญมากจริงๆ ห้ามไม่ใส่ใจเพราะคิดว่ายังสาว” ถังหยุนเฉิงเน้นย้ำอีกหนึ่งรอบ ความหมายของเธอก็คือให้ฉิงฉิงไปทำการตรวจสุขภาพ กันไว้เผื่อจะเกิดขึ้น!!
“ใช่ ใช่ หยุนเฉิงพูดถูก ฉิงฉิงเธอฟังลุงเธอเลย ไปตรวจเย็นนี้เลย ฉันรู้ว่าร่างกายของฉิงฉิงแข็งแรงมาโดยตลอด พวกเราก็ขอแค่วางใจละกัน” ท่านย่าถังรีบพยักหน้าร่วมด้วย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ารู้สึกตกใจในสถานการณ์ของหญิงสาวที่ถังหยุนเฉิงพูดถึง
อีกอย่างเมื่อกี้ฉิงฉิงบอกว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำการตรวจเลย วันนี้ก็ยิ่งควรจะไปตรวจแล้ว
เฟิ่งเหมียวเหมียวแอบโล่งใจ ตอนแรกเธอคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสถานการณ์แบบนี้
เธอและถังหยุนเฉิงเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี เธอรู้จักกับถังหยุนเฉิงมากเกินไปแล้ว จากนิสัยของถังหยุนเฉิงพอเห็นสถานการณ์แบบนี้แล้วต้องคิดมากแน่นอน ต้องมีความซึ้งแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคือผู้หญิงคนนั้นคล้ายกับฉิงฉิงมาก ถังหยุนเฉิงจะคิดเชื่อมไปถึงบนตัวของฉิงฉิงก็เป็นเรื่องธรรมดา
“โอเคค่ะ” เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าการตรวจสุขภาพไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างเธอก็คิดอยากหาเวลาไปทำการตรวจอยู่แล้ว ในเมื่อถังหยุนเฉิงจัดการให้เธอแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่ปฏิเสธแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นคือโรงพยาบาลบ้านตัวเอง สะดวกและวางใจ ตามหลักแล้วไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
ทว่าเวินลั่วฉิงกลับรู้สึกเหมือนเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา
หญิงสาวที่เป็นมะเร็งกระเพาะระยะสุดท้ายทำไมถึงต้องร้องไห้ฟูมฟายที่หน้าโรงพยาบาล? อีกอย่างยังอุ้มเด็กแล้วร้องไห้อีกด้วย?
ไม่กลัวว่าจะทำให้เด็กตกใจเลยเหรอ?
เธอร้องไห้อยู่หน้าโรงพยาบาลก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย เธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย รักษาไม่หายอยู่แล้ว ไม่ใช่โรงพยาบาลรักษาให้เธอแย่สักหน่อย
อีกอย่างทำไมถึงบังเอิญให้ถังหยุนเฉิงพบเจอ เวินลั่วฉิงก็รู้ว่าถังหยุนเฉิงใจดี ใจอ่อน เจอสถานการณ์แบบนี้ต้องไถ่ถามแน่นอน
พอถามขึ้นมา ก็เกิดปัญหาขึ้นมากมาย หญิงสาวคนนั้นมีอายุๆ คล้ายกับเธอ อีกอย่างหญิงสาวคนนั้นก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอีกด้วย ลูกก็อายุประมาณกับจื่อซีและจื่อโม่
สถานการณ์แบบนี้ ถังหยุนเฉิงต้องนึกถึงเธอแน่นอน จากนั้นก็กลับมาให้เธอไปทำการตรวจสุขภาพ
ปกติแล้วถังหยุนเฉิงไม่ได้กลับมาช่วงบ่าย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขารีบกลับมาในวันนี้!!
เป็นเพราะว่าให้เธอไปทำการตรวจสุขภาพประจำปี จากนั้นก็รีบกลับมา เวินลั่วฉิงต้องยอมรับเลยว่า หญิงสาวที่หน้าโรงพยาบาลคนนั้นส่งผลกระทบต่อถังหยุนเฉิงสูงมาก
หากเรื่องนั้นเป็นความบังเอิญก็ช่างเถอะ หากมีคนกำหนดไว้แล้วล่ะ?
หากมีคนกำหนดไว้แล้วจริงๆ? งั้นคนที่จัดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาทั้งหมดต้องรู้จักถังหยุนเฉิงเป็นอย่างดีแน่นอน
ทว่าหากมีคนวางแผนไว้แล้ว คนที่วางแผนเรื่องนี้มีเป้าหมายอะไรกันแน่?
แค่เพื่อที่จะให้เธอไปทำการตรวจสุขภาพ!
คงจะไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง?
“นายใจอ่อนง่ายเกินไปแล้ว” ท่านปู่ถังที่เงียบอยู่ตลอดเวลาในที่สุดก็เปิดปากพูด ลูกชายของเขาแน่นอนว่าเขารู้จักดีอยู่แล้ว ให้ฉิงฉิงไปตรวจสุขภาพคือเรื่องที่ดี ท่านปู่ถังแค่กังวลว่าจะมีคนวางแผนเอาไว้ ถังหยุนเฉิงจะถูกคนหลอกใช้แล้ว
“คุณพ่อ เรื่องนี้มีปัญหาอะไรเหรอคะ?” เฟิ่งเหมียวเหมียวฟังคำพูดของท่านปู่ถังแล้วก็ตะลึงไปเลย ความโล่งอกที่พึ่งหายไปเมื่อกี้ของเธอถูกกระตุ้นขึ้นอีกครั้ง
“ยังก็ตามระวังหน่อยไม่ผิดอยู่แล้ว เย็นนี้ฉิงฉิงไปตรวจสุขภาพพี่โรงพยาบาลต้องระวังหน่อย” ท่านปู่ถังแค่มีความกังวลเล็กน้อย ไม่ได้มีหลักฐานอื่นๆ
“อื้ม ทราบแล้วค่ะ” เวินลั่วฉิงเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้บังเอิญเกินไปหน่อย ตัดสินใจว่าตอนไปโรงพยาบาลช่วงเย็นจะระมัดระวังหน่อย ดูว่าพอถึงเวลาจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?!