หากมีคนจะทำร้ายฉิงฉิงจริงๆ พวกผู้ชายบ้านถัง และลูกชายของเธอถังหลิน สามีของเธอถังหยุนเฉิง รวมถังท่านปู่ถังบ้านเธอ ต้องจับปืนตามฆ่าไปถึงบ้านแน่นอน
ไม่ได้เวอร์วังเลยแม้แต่น้อย!!
“คุณนายถังวางใจได้เลยค่ะ พวกเราไม่ทำร้ายคุณหนูใหญ่ตระกูลถังแน่นอนค่ะ” เจ้าเก้าที่เงียบอยู่ตลอดเวลารีบแสดงท่าที ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นพวกเขาจะไม่ทำร้ายคุณหนูใหญ่ตระกูลถังแน่นอน ถึงแม้ว่าจะทำร้ายตัวเองก็ไม่กล้าทำร้ายคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง
“หวังว่าพวกเธอจะพูดได้และทำได้ ขอแค่พวกเธอไม่ทำร้ายฉิ้นเอ๋อของพวกเรา เรื่องอื่นฉันก็ไม่สนใจแล้ว” เฟิ่งเหมียวเหมียวพอใจในการแสดงท่าทีของเจ้าเก้ามากๆ ในสามคนนี้ หญิงสาวคนนี้ดูได้เรื่องที่สุดแล้ว อีกสองคนไม่ได้เรื่องอะไรเลย คำพูดของหญิงสาวคนนี้เธอเชื่อ และหญิงสาวคนนี้ดูแล้วจริงใจมาก ไม่เหมือนว่ากำลังพูดโกหก
“คุณนายถังวางใจได้ค่ะ พวกเราทำได้แน่นอน” เจ้าเก้าได้ยินคำพูดของคุณนายถังแล้วตื้นตันมาก คิดไม่ถึงว่าคุณนายถังจะพูดง่ายขนาดนี้
คุณชายหานเองก็รู้สึกว่าคุณนายหานพูดง่ายกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังมากๆ
คุณนายถังไม่ร้องขออะไรสูงจริงๆ พวกเขาทำได้แน่นอน จะทำให้คุณนายถังพอใจแน่นอน
ในตอนที่คุณชายหานและเจ้าเก้ารู้สึกว่าคุณนายถังคุยง่าย คุณนายถังก็พูดเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “เรื่องอื่นก็ไม่จำเป็นต้องให้ฉันยุ่ง ฉิ้นเอ๋อของพวกเราจะจัดการเอง”
คุณชายหานแอบเบ้ปากขึ้นไม่ไหวเลย ดังนั้นไม่ใช่ว่าคุณนายถังคุยง่าย แต่ว่าเขาแบ่งงานไว้อย่างชัดเจน ใครควรจะคิดบัญชีก็ให้ใครมาคิด
บ้านถังไม่มีใครธรรมดาเลยจริงๆ!!
แสงไฟในห้องผ่าตัดสว่างอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าการผ่าตัดยังคงดำเนินการอยู่ เวินลั่วฉิงก็ยังไม่ได้ออกมาสักที เฟิ่งเหมียวเหมียวอดเป็นห่วงไม่ไหวแล้ว “ฉิ้นเอ๋อจะเป็นอะไรหรือเปล่า เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ จะเจาะเลือดเท่าไหร่เนี่ย?”
เฟิ่งเหมียวเหมียวเองก็รู้ว่าคุณหมอต้องรู้ความเหมาะสมแน่นอน ไม่ให้ฉิงฉิงเกิดเรื่องแน่นอน แต่ว่าเฮก็ยังไม่วางใจ
ขณะนี้คุณชายหานและเจ้าเก้าก็เป็นห่วงมาก พวกเขาที่เป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ และยังเป็นคนที่อยู่ข้างกายของลุงเหลียง ปกติแล้วได้รับหน้าที่ไม่น้อยเลย และเป็นสิ่งที่มีความอันตรายสูง พวกเขาไม่เคยกังวลขนาดนี้มาก่อนเลย
ดังน้้น ขณะนี้ไม่มีใครพูดเลย ต่างก็เงียบสงบลง นัยน์ตาแต่ละคู่จ้องมองไปทางห้องผ่าตัด
คนที่ไม่รู้สถานการณ์ เห็นผ่านๆแล้วอาจจะคิดว่าญาติของพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากข้างในอยู่
ในตอนที่แต่ละคนมองไปด้วยความหวัง ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออก ในที่สุดประตูก็เปิดออกแล้ว
เวินลั่วฉิงถูกเข็นออกมาโดยนอนอยู่บนเตียง เพราะว่าเจาะเลือดมากไปหน่อย โรงพยาบาลกลัวว่าเธอจะเป็นลม
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ฉิ้นเอ๋อ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
หลายๆ เสียงพูดออกมาพร้อมกัน มีเสียงของเฟิ่งเหมียวเหมียว เสียงของคุณชายหาน และมีเสียงของเสี่ยวซิน แต่ละคนต่างก็เป็นห่วง ตอนนี้เห็นเวินลั่วฉิงถูกเข็นออกมา ก็ยิ่งกังวลไปใหญ่
“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่าเจาะเลือดไปแล้วกลัวว่าเธอจะเวียนหัวค่ะ” คุณหมอรีบอธิบาย “ต้องขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่บริจาคเลือดให้ ผู้ป่วยได้รับความช่วยเหลือแล้วค่ะตอนนี้”
คุณหมอคนนี้มองไม่ออกว่าเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง และไม่รู้จักคุณนายถัง คิดว่าเป็นเพียงคนธรรมดาที่บริจาคเลือด
แต่ว่า ท่าทีของคุณหมอดูเกรงใจมากๆ
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ คุณลองพูดเรื่องที่ต้องระมัดระวังกับฉันหน่อย ฉันมาดูแลเธอ คุณไปยุ่งเถอะค่ะ” คุณนายถังรีบรับเตียงเข็นมาจากมือคุณหมอ เมื่อกี้คุณนายถังรอยอยู่ข้างนอก รู้ว่ามีคนมากมายกำลังรอการช่วยเหลืออยู่
“ภายใน 24 ชั่วโมง: รักษารอยเข็มให้สะอาด เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการรับน้ำหนักมากเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดออกจากรอยเข็ม หากมีเลือดออกอย่าใช้ความร้อน แต่กดเพื่อหยุดให้เลือดไหล หากอาการหนักขึ้น สามารถให้พยาบาลจัดการได้ ภายใน 48 ชั่วโมง อย่าออกกำลังกายหนัก พยายามหลีกเลี่ยงการทำงานที่สูงอุณหภูมิสูงและงานที่มีความอันตรายอื่น ๆ อย่าดื่มแอลกอฮอล์เป็นต้น สองสามวันหลังจากบริจาคโลหิตนอนหลับให้เพียงพอ กินอาหารปกติ กินผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่ อย่ากินมากเกินไปหรือดื่มมากเกินไป หากมีรอยช้ำรอบรอยเข็ม ให้ประคบร้อนหลังจาก 24 ชั่วโมงเท่านั้นเพื่อส่งเสริมการดูดซึม ไม่ต้องตกใจ มันสามารถดูดซึมได้ภายใน 10 วันขึ้นไป โดยผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การประคบร้อน ในกรณีพิเศษสามารถไปรักษาที่โรงพยาบาลได้ค่ะ” คุณหมอรีบบอกข้อควรระวัง
เฟิ่งเหมียวเหมียวได้ยินแล้วมีความงงเล็กน้อย คุณหมอพูดเร็วเกินไป เธอฟังไม่ค่อยเข้าใจ จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“โอเคค่ะ จำไว้แล้วค่ะ” ขณะนี้เจ้าเก้าเปิดปากพูดแล้ว ตอนที่เจ้าเก้าพูดจริงจังมาก
เฟิ่งเหมียวเหมียวอดไม่ไหวมองไปทางเจ้าเก้า เจ้าเด็กผู้หญิงนี่ความจำดีจริงๆ
หน้าตาสวย นิสัยก็ดี ความก็ก็ดี ฉลาด ดีมาก ดีมาก!!
เวินลั่วฉิงไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ร่างกายของเธอแข็งแรง จริงๆ แล้วไม่ได้รู้สึกเวียนหัวเหมือนที่คุณหมอบอก คุณหมอจะให้เธอใช้เตียงเข็น เธอปฏิเสธไม่ได้ และไม่อยากเสียเวลา ดังนั้นจึงให้ความร่วมมือ
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรเลย เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ว่าเมื่อกี้คุณหมอพูดไปเยอะขนาดนั้น ขณะนี้สีหน้าที่กังวลของเฟิ่งเหมียวเหมียวอีก เวินลั่วฉิงจึงนอนอยู่เฉยๆ ไม่ขยับ
แต่ว่า เวินลั่วฉิงหยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรเบอร์หนึ่งออกไป
แต่ละคนเห็นเวินลั่วฉิงจะคุยโทรศัพท์ ต่างก็เงียบลง
“ฮัลโหล พี่สะใภ้สาม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” ได้โทรหาคุณชายห้าฉิง ทางคุณชายห้าฉิงฟังแล้วมีความวุ่นวายเล็กน้อย
“อุบัติเหตุทางหลวงเมื่อกี้นายรู้เรื่องไหม?” เวินลั่วฉิงโทรหาคุณชายห้าฉิงเพื่อถามเรื่องเกี่ยวกับอุบัติเหตุเมื่อกี้ คุณชายห้าฉิงคือหัวหน้าสถานีตำรวจ สถานการณ์ที่คุณชายห้าฉิงรู้เป็นความจริงมากที่สุด
คุณชายหานและเจ้าเก้าได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงแล้ว ต่างก็เงยหน้าขึ้นมองเวินลั่วฉิง จากนั้นก็สบตากัน คุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นพวกชอบปฏิบัติจริงๆ พึ่งเจาะเลือดไป ก็เริ่มตรวจสอบเรื่องอุบัติเหตุแล้ว
คนที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังโทรไปต้องรู้เรื่องเป็นอย่างดีแน่นอน หากหัวหน้าน้อยทำอะไรขึ้นมาจริงๆ ใช่ว่าจะสามารถปิดบังได้
ถึงแม้ว่าจะสามารถปิดบังคนอื่นได้ เกรงว่าจะปิดบังคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ได้หรอก คุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะสืบ ถึงแม้ว่าจะเป็นจุดสงสัยที่เล็กน้อย ก็สามารถถูกคุณหนูใหญ่ตระกูลถังสืบเจอความจริงได้
สีหน้าของคุณชายหานและเจ้าเก้าค่อยๆ ปล่อยไป หวังว่าจะไม่เกี่ยวกับหัวหน้าน้อย หวังว่าจะไม่เกี่ยวกับหัวหน้าน้อย!!
“ฉันรู้ ตอนนี้ฉันอยู่ในที่เกิดเหตุ สถานการณ์ค่อนข้างหนัก ล่าสุดมีคนเสียชีวิตเจ็ดคน บาดเจ็บสาหัสยี่สิบแปดคน และยังมีส่วนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทำไมพี่สะใภ้สามถึงถามเรื่องนี้กะทันหันล่ะ? ที่เกิดเหตุมีคนที่พี่สะใภ้สามรู้จักเหรอ?” คุณชายห้าฉิงเข้าใจในสถานการณ์เป็นอย่างดี ทว่าคุณชายห้าฉิงไม่เข้าใจว่าทำไมเวินลั่วฉิงต้องโทรถามเขาเรื่องนี้เป็นพิเศษ
“สืบเจอหรือยังว่าเหตุเกิดจากอะไร?” เวินลั่วฉิงฟังคุณชายห้าฉิงเล่าสถานการณ์แล้ว สีหน้าค่อยๆ หม่นหมองลง ตอนแรกเพราะว่าเจาะเลือดไป สีหน้าก็ซีดขาวในขณะนี้ดูแล้วมีความน่ากลัวเล็กน้อย
คุณชายเห็นสีหน้าของเวินลั่วฉิงแล้วก็แอบถอนหายใจ เขารู้สึกว่าขาของเขาสั่นไปไม่กี่ทีโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากสถานการณ์ตอนเด็กครั้งนั้นที่เห็นเรื่องราวโหดร้ายจนขาสั่น โตขนาดนี้เขาไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่เคยไม่ได้เรื่องขนาดนี้มาก่อนเลย
ทว่าขณะนี้ฟังจากคำพูดของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังแล้ว ดูจากท่าทีจองคุณหนูใหญ่ตระกูลถังแล้ว คุณชายหานกลัวออกมาจากใจจริงๆ
เจ้าเก้าก็ตะลึงงันไปอย่างเห็นได้ชัดเจน หัวใจดวงหนึ่งของหนึ่งถูกกระชากขึ้นมา
“คนขับรถเมล์หน้าก็ขับรถด้วยความเหนื่อยล้า เพราะคนขับอีกคนไม่สบาย เขาขับคนเดียวติดต่อกันสองวันหนึ่งคืน เพราะว่าง่วงมากจริงๆ ตอนเข้าไปในอุโมงค์แล้ว ชนกับกำแพงอุโมงค์ จากนั้นก็คว่ำลงในอุโมงค์เลย รถข้างหลังที่เข้าอุโมงค์มาเลี่ยงไม่ได้ ชนรถหลายคัน หลักๆ เป็นรถเมล์ 2 คัน ดังนั้นมีผู้บาดเจ็บสาหัส” เรื่องนี้ยังไม่ใจ ตามหลักแล้วห้ามแพร่ออกข้างนอก ทว่าตอนนี้เวินลั่วฉิงโทรมาโดยเฉพาะ แน่นอนว่าคุณชายห้าฉิงไม่สามารถปิดยังได้อยู่แล้ว
คำพูดของคุณชายห้าฉิงหยุดชะงักไปสักพัก คิดไปคิดมา พูดเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “เมื่อกี้ฉันลองสืบกล้องวงจรทั้งหมดแล้ว ไม่ได้เห็นสถานการณ์ผิดปกติอะไร จากกล้องวงจรสามารถเห็นว่า ตอนนั้นคนคนนั้นกำลังง่วงอยู่ ในรถไม่ได้มีปัญหาอะไร ระหว่างการขับก็ไม่มีปัญหาอะไร คนในรถมากมายขนาดนั้น ไม่เห็นว่าใครจะทำอะไรคนขับรถ ล่าสุดยังไม่เจอข้อสงสัยอะไร”
“พี่สะใภ้สาม ทำไมเหรอครับ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” เพราะคุณชายห้าฉิงรู้ว่าเวินลั่วฉิงไม่ใช่คนประเภทที่จงใจหาเรื่อง หากเวินลั่วฉิงโทรมาถามโดยเฉพาะ ต้องมีเหตุผลพิเศษแน่นอน คุณชายห้าฉิงถึงขั้นนึกถึงแล้วว่าจะมีใครมาทำร้านบ้านถัง ทำร้ายเวินลั่วฉิง หรือทำร้ายพี่สามหรือเปล่า
“ไม่เป็นไรแล้ว นายยุ่งของนายเถอะ” เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของคุณชายห้าฉิงแล้ว สีหน้าก็ค่อยๆ ดีขึ้นเล็กน้อย