ตอนที่ 130 เซอร์ไพรส์ไม่ขาดสาย
กิจกรรมบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปจะเริ่มตอนบ่าย จึงยังเช้าอยู่
เมื่อคืนเย่ซือเฉินไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน ส่วนเวินลั่วฉิงก็ไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะจู่ๆเมื่อวานตอนเย็นเย่ซือเฉินขับรถไปรับเธอที่บริษัท ทำให้เธอยังวาดภาพออกแบบไม่เสร็จจึงต้องวาดหลังจากที่กับมาถึงเมื่อคืน
เวินลั่วฉิงไปซื้อซิมการ์ดมือถือใหม่มาหนึ่งอัน เสร็จแล้วจึงโทรบอกคุณปู่เวินและเห่อถงถงว่าเธอได้เปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่แล้ว
จากนั้นเวิ่นลั่วฉิงได้โทรไปหาเย่ซือเฉินหนึ่งสาย แต่เย่ซือเฉินไม่ได้รับสาย
เวินลั่วฉิงจึงทำตามแผนที่วางไว้ ไปรับฉู่หลิงเอ๋อที่สนามบินก่อน
“ฉิงฉิง น้องลากฉันไปช่วยกู้วิกฤตมันเหมาะสมจริงๆหรือ?”หลังจากที่ฉู่หลิงเอ๋อขึ้นรถก็จ้องมองเวินลั่วฉิงคิ้วขมวด “ใช่ ถึงฉันจะเรียนออกแบบจบจากมหาวิทยาลัย R แต่น้องก็รู้ดีนี่ว่าเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรการศึกษาเท่านั้น ฉันไม่ใช่น้อง ฉันไม่มีพรสวรรค์และไม่มีความสนใจด้านการออกแบบเลยสักนิดเดียว ดังนั้นตลอดระยะเวลาสี่ปีที่อยู่มหาลัยฉันไม่ได้ความรู้ด้านการออกแบบเลยสักนิด ตอนนี้น้องให้ฉันมาเป็นนักออกแบบเป็นหลักของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปไม่เท่ากับเป็นการฆ่าฉันให้ตายเลยหรือ?“
สถานะที่แท้จริงของพวกเขามิอาจจะเปิดเผยได้ ดังนั้นจึงต้องมีอีกสถานะหนึ่งมาปิดบัง และต้องมีเอกสารข้อมูลประกอบการอ้างอิงที่สมบูรณ์
เหตุผลที่ฉู่หลิงเอ๋อเข้าไปศึกษาที่มหาวิทยาลัย Rก็เพราะมีมู่หรงดัวหยางสอนอยู่ที่นั้น มิเช่นนั้นแล้วเธอไม่มีทางที่จะสำเร็จการศึกษาอย่างแน่นอน นอกจากความสามารถของตัวเองแล้ว เรื่องอื่นฉู่หลิงเอ๋อจะเรียนไม่เข้าสมองเลย
และแน่นอนว่าเวินลั่วฉิงไม่ได้จบการศึกษาก็จะสอดคล้องเป็นภาพลักษณ์ของเธอในอดีต สำหรับเวินลั่วฉิงแล้วนี่เป็นการปิดบังที่ดีที่สุด
“โอเค ฉันรู้แล้ว ฉันแค่ให้พี่ไปออกหน้าแทนก็เท่านั้นเอง ภาพออกแบบฉันทำเสร็จแล้ว พี่ดูแล้วจำให้ดีนะ……”เวินลั่วฉิงยื่นภาพออกแบบที่เธอเร่งทำออกมาให้กับฉู่หลิงเอ๋อ
เธอไม่สะดวกที่จะออกนาม ดังนั้นจึงขอให้ฉู่หลิงเอ๋อออกหน้าแทน เพราะอย่างไรสักฉู่หลิงเอ๋อก็เรียนออกแบบจากมหาวิทยาลัย Rมาสี่ปีแล้ว
และที่สำคํญฉู่หลิงเอ๋อสามารถให้ความร่วมมือกับแผนการของเธอ ยิ่งสามารถช่วยเธอเก็บความลับทั้งหมดได้อีกด้วย
“ฉิงฉิง ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันดูของพวกนี้แล้วหัวก็พองโต เพราะน้องบอกว่าให้ฉันออกหน้าแทนเฉยๆ ถ้างั้นฉันก็ไม่ต้องดูแล้วจะได้ไหม?”ฉู่หลิงเอ๋อมีสีหน้าที่เคร่งเครียด เธอเกลียดสิ่งเหล่านี้มากทีเดียว
“ไม่ได้ พอถึงเวลาคนของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปซักถามขึ้นมาพี่จะตอบไม่ได้ คำถามที่น่าจะถามฉันได้เตรียมไว้แล้ว พี่ตั้งใจดูแปปหนึ่ง”เวินลั่วฉิงคิดว่าทุกอย่างในวันนี้คงไม่สามารถร่ารื่นได้เสียหมด จึงต้องเตรียมการไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมา
“ไม่ดู ตีให้ตายก็ไม่ดู”ฉู่หลิงเอ๋อเกลียดการท่องจำข้อมูลที่สุด
“รอให้จัดการทุกอย่างเสร็จแล้วพี่ก็สามารถไปดูเด็กน้อยทั้งสองคนได้แล้ว” เวินลั่วฉิงมองเธอแวบหนึ่งแล้วเสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยคด้วยอารมณ์สบายๆ
“หมายความว่าอย่างไรกัน?น้องหมายถึงหากฉันทำได้ไม่ดี ฉันก็ไม่ได้พบเด็กน้อยทั้งสองอย่างนั้นหรือ?”ดวงตาของฉู่หลิงเอ๋อจับจ้องมองเวินลั่วฉิงตาค้างราวกับกระดิ่ง ด้วยอารมณ์ที่ไม่อยากจะเชื่อ
เวินลั่วฉิงมองเธอด้วยรอยยิ้มแต่มิได้พูดอะไร บางครั้งก็ต้องแรงกระตุ้นให้ฉู่หลิงเอ๋อไปทำ ดังนั้น……
“เวินลั่วฉิงน้องโหดมาก ขึ้นขั้นเอาเด็กน้อยทั้งสองมาขู่ฉัน น้องก็รู้ดีว่าเด็กทั้งสองเป็นหัวแก้วหัวแหวนของฉัน”ฉู่หลิงเอ๋อจ้องมองเธออย่างดุดัน
แต่เมื่อเห็นเวินลั่วฉิงยิ้มอย่างชิวๆ ฉู่หลิงเอ๋อก็หายใจแรงๆ“ฉันขอบอกว่าฉันมาเพื่อดูเด็กน้อยทั้งสอง ฉันจึงตอบตกลงกับน้องนะ”
ฉู่หลิงเอ๋อจ้องมองเวินลั่วฉิงอีกแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอาภาพออกแบบมาดูอย่างจนใจ
เวินลั่วฉิงอมยิ้ม ฉู่หลิงเอ๋อเป็นคนตรงไปตรงมา และเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ พวกเขาทั้งสองมีมิตรภาพที่ดีต่อกันอย่างแน่นแฟ้ม
เวินลั่วฉิงขับรถไม่เร็วนะ จะได้สะดวกให้ฉู่หลิงเอ๋อจำในสิ่งที่ควรจะจำ
เวินลั่วฉิงพาฉู่หลิงเอ๋อไปที่บริษัทเวินซื่อกรุ้ป นำเธอไปที่ห้องทำงานที่ได้จัดเตรียมไว้แล้ว ยังไงเสียก็ต้องทำตามขั้นตอนตามหลักการอย่างผิวเผินก่อน
ตอนบ่ายเวินลั่วฉิงกับฉู่หลิงเอ๋อได้ไปที่บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปพร้อมกัน
เวินลั่วฉิงกับฉู่หลิงเอ๋อลงจากรถก็เห็นเฉียวหยูหนานเดินเข้ามา เวินลั่วฉิงแอบยิ้มเย้ยเหยินรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นเพราะเฉียวหยูหนานจงใจรอต่างหาก
“ฉู่หลิงเอ๋อ ใช่เธอหรือ?”เฉียวหยูหนานเห็นฉู่หลิงเอ๋อก็ประหลาดใจ
ถึงแม้ว่าเฉียวหยูหนานจะไม่ใช้รุ่นเดียวกันกับฉู่หลิงเอ๋อ แต่ฉู่หลิงเอ๋อเป็นที่รู้จักมักคุ้นกันดีในมหาวิทยลัย สามารถพูดได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จักเธอเลย ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเกรดเฉลี่ยดี แต่เป็นเพราะฉู่หลิงเอ๋อตบตีเก่ง
ตอนนั้น ฉู่หลิงเอ๋อจึงเป็นนักสู้หญิงในรั้วมหาวิทยาลัย!!
“อืม เป็นฉันเอง”ฉู่หลิงเอ๋อมองเฉียวหยูหนานด้วยรอยยิ้มที่ขอบใจยิ่งนัก
“หลิงเอ๋อ ไม่เจอกันตั้งนาน คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ได้ ดีใจจริงๆ”เฉียวหยูหนานเห็นฉู่หลิงเอ๋อยิ้ม ใบหน้าเธอก็มีรอยยิ้มตามไปด้วยตอนนั้นเป็นเพราะความสัมพันธ์ของมู่หรงดัวหยาง ทำให้เฉียวหยูหนานได้เจอกับฉู่หลิงเอ๋อหลายครั้งหลายคราว
ฉู่หลิงเอ๋อมองเฉียวหยูหนานด้วยรอยยิ้มที่ไม่ขาดสาย มันเป็นรอยยิ้มที่สดใสและสวยงาม ใบหน้าที่มีรอยยิ้มราวกับดอกไม้
ปากของฉู่หลิงเอ๋อขยับ ราวกับเป็นนกหวงหลิงที่พูดได้ไพเราะสเนาะหูยิ่งนัก “คนชั้นต่ำมักจะเป็นคนที่หน้าซื่อใจคด”
เป็นใครก็นึกไม่ถึงว่าคนที่กำลังยิ้มอย่างสดใสอย่างฉู่หลิงเอ๋อจะพูดคำนี้ออกมาได้
พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเร็วเกินไป ทำให้ผู้คนตามเธอไม่ทันในระยะเวลาอันสั้น
“เช้านี้ตอนออกจากบ้านลืมดูฤกษ์งามยามดีจากปฏิทินจีน ทำให้ต้องเจอสิ่งอัปมงคลเช่นนี้”ฉู่หลิงเอ๋อเก็บรอยยิ้มพลางหลบไปสองสามก้าวด้วยสีหน้าที่รังเกียจ จากนั้นก็อ้าปากออก ถึงแม้จะไม่ได้ถุยน้ำลายออกมา แต่สีหน้าที่เหยียบหยามก็เด่นชัดมาก
เฉียวหยูหนานมีสีหน้าที่มืดมนทันที ตั้งแต่เด็กยันโตก็ไม่มีโดนใครดูถูกเหยียบหยามมาก่อน
“คุณทำอะไรหรือ?ทำไมคุณถึงมาด่ารองประธานของพวกเราได้”ชายคนหนึ่งที่มาพร้อมกับเฉียวหยูหนานเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็รีบตำหนิฉู่หลิงเอ๋อ
“ฉันจะด่าหล่อน ทำไมหรือ?ไม่พอใจ?ไม่พอใจก็มาต่อยกันดิว่ะ!!”ฉู่หลิงเอ๋อกำเหลือบมองผู้ชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่ดูถูกเหยียบหยาม ท่าทางที่โออวดแกร่งกร้าวมันน่าหมั่นไส้ยิ่งนัก
“คุณช่างไร้เหตุผลสิ้นดี ขาดการอบรมสั่งสอนด้านมารยาทเสียจริงเชียว?บริษัทเวินซื่อกรุ้ปทำไมถึงได้เชิญนักออกแบบที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้ได้?คนอย่างนี้ทำไมถึงยอมให้เข้าบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปได้ล่ะ”ชายคนนั้นเกิดบันดาลโทสะคิดจะไล่คนออกไป
เวินลั่วฉิงยิ้มพลางขมวคิ้วน้อยๆแต่มิได้พูดอะไร
“นายสามารถตัดสินได้เหรอว่าเข้ามาได้หรือเข้ามาไม่ได้?ถ้าแน่จริงให้คนของบริษัทฯตระกูลเย่กรุ้ปมาไล่ฉันกับประธานของฉันออกไปสิ?”ฉู่หลิงเอ๋อขยับปากพลางใช้สายตาที่ดูถูก และด้วยท่าทีที่ไม่เกรงกลัวใดๆ
จากที่โอ้อวดอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเข้าด้ายเข้าเข็มขึ้นมาอีก ฉิงฉิงของเธอเป็นถึงคุณนายบริษัทตระกลูเย่กรุ้ป ใครจะริอาจมาไล่พวกเขา?
ลองมาสิ!
“เฉียว ไอ้คนชั้นต่ำ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาพนันกันดูสิว่าบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปจะไล่คุณหรือไล่พวกฉันกัน?”เวลานี้ฉู่หลิงเอ๋อกำลังใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงคนอื่นด้วยท่าทางที่รู้สึกว่าสมเหตุสมผลอย่างเปิดเผย