เสียงระดับนั้นมีเพียงแค่เจ้าเก่าคนเดียวเท่านั้นที่สามารถได้ยิน แม้แต่เสี่ยวซินที่ยืนอยู่ทางอีกฝั่งหนึ่งของเขาก็ไม่สามารถได้ยินได้โดยเด็ดขาดเช่นกัน!!
“เกี่ยวอะไรกับพวกเรา?” เจ้าเก้ากรอกตามองบนใส่เขา : “พวกเราได้รับมีเพียงแค่แผนAเท่านั้น แผนอื่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเราซะหน่อย พวกเราตามไปมีแต่จะกลัวว่าทำให้แผนของหัวหน้าน้อยพังนะ”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? ถึงตอนนั้นพวกเราก็สามารถจะให้ความร่วมมือกับหัวหน้าน้อยได้ต่างหาก” คุณชายหานตอบกลับออกมาอย่างเต็มที่ สรุปแล้วก็คือเขาไม่อยากจากไปต่างหาก
“ฮึ่ย”เจ้าเก้าอดที่จะส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาไม่ได้ : “คุณไม่มีแม้แต่แผนการของหัวหน้าน้อย แล้วคุณจะไปร่วมมือได้ยังไง ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็บอกมาตรงๆว่าอยากจะอยู่รอดูความวุ่นวายเลยดีจะดีกว่า”
เจ้าเก้าจะมองความคิดเล็กๆของเขาไม่ออกได้อย่างไรกัน
“ทางที่ดีคือคุณคิดให้ดีจะดีกว่านะ ถ้าหากคุณทำแผนของหัวหน้าน้อยพัง หัวหน้าน้อยไม่ยกโทษให้คุณแน่” เจ้าเก้านึกถึงความสนิทสนมที่มีต่อกันหลายปีขนาดนี้จึงยังคิดที่จะเตือนเขาเอาไว้
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็แค่ดู ไม่ต้องร่วมมือ ก็เป็นไม่ได้ทำพังแล้วนี่” เวลานี้คุณชายหานก็ไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองอีกต่อไปแล้วเช่นกัน ใช่ เขาอยากจะอยู่ดูความตื่นเต้นนั่นเอง
เขาอยากจะดู แผนAของเขาสมบูรณ์แบบขนาดนั้น ไม่มีข้อบกพร่อง ก็ล้วนแต่ล้มเหลวไปแล้ว
เขาอยากจะดูว่าแผนBของหัวหน้าน้อยจะยอดเยี่ยมซักขนาดไหน? จะสามารถประสบความสำเร็จได้หรือเปล่า?
เจ้าเก้าไม่มีอะไรจะพูด วันนี้คนๆนี้เชื่อถือไม่ได้เลยจริงๆ เขาก็ไม่กลัวว่าร่างกายจะทรุดโทรมเลยหรือ?!
แต่ เจ้าเก้าเองก็สามารถเข้าใจถึงสาเหตุที่สำคัญที่สุดที่เขาทำแบบนี้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้ไม่มีอันตรายใดๆ ไม่ว่าเขาจะเล่นอย่างไร จะก่อเรื่องอย่างไร ก็จะไม่มีอันตราย
อีกทั้งเจ้าเก้ารู้ว่าเวลานี้คุณชายหานคงจะหวังว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็คือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้
ก่อนหน้านี้การที่เจ้าชายหานถือปืนแล้วจะยิงไปที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถัง คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับยิ้มให้กับคุณชายหานเสียด้วยซ้ำ
ช่วงเวลานั้น เจ้าเก้าเห็นความหวั่นไหวของคุณชายหานอย่างชัดเจน เป็นเรื่องเหลือเชื่อ และยังมีการชื่นชมที่ปกปิดไม่มิดแบบนั้นอีก แม้กระทั่งยังมีความเคารพและยำเกรงอีกด้วย
เธอติดตามคุณชายหานก็นับว่าเติบโตมาด้วยกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอาการแบบนั้นบนใบหน้าของเขา
ดังนั้น เจ้าเก้าสามารถมั่นใจได้ ว่าตั้งแต่ตอนนั้น ก้นบึ้งในใจของคุณชายหานก็หวังว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็คือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขา
ก็เหมือนกันกับเธอ ตอนที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังจับตัวเธอได้ ตอนที่มองถึงสถานะของเธอออก ก้นบึ้งในใจของเธอเองก็หวังว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็คือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ด้วยเช่นกัน
คุณชายหานต้องการที่จะอยู่ดูความตื่นเต้น ก็เป็นเพียงแค่อยากจะรีบแน่ใจถึงสถานะของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังด้วยเพียงเท่านั้น
ความจริงแล้วเธอเองก็เหมือนกัน!!
ดังนั้นเจ้าเก้าจึงไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก และไม่ได้เกลี้ยกล่อมให้คุณชายหานจากไปด้วย
ออกมาจากห้องโถงใหญ่ เวินลั่วฉิงกับเฟิ่งเหมียวเหมียวเดินไปยังตำแหน่งที่จอดรถของพวกเธอโดยตรง ด้านหลังทั้งสามคนก็ยังคงติดตามมาด้วยเช่นเดิม
“พวกคุณนี่ยังไงกัน? วางแผนที่จะตามพวกเรากลับบ้านด้วยอย่างนั้นหรือ?”เฟิ่งเหมียวเหมียวชะงักเท้าแล้วหันกลับมามองพวกเขา เวลานี้เฟิ่งเหมียวเหมียวขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย สามคนนี้แปลกมากจริงๆ
ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ได้ทำร้ายฉิงฉิง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเข้าใกล้ฉิงฉิงเพราะมีจุดประสงค์ ในใจของเฟิ่งเหมียวเหมียวนั้นยังคงมีการระวังป้องกันเอาไว้อยู่บ้าง
“ก่อนหน้านี้คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ได้บอกว่าจะขังพวกเราเอาไว้หรอกหรือ? เพราะฉะนั้นพวกเราจะไปแบบนี้เลยไม่ได้สิ” คุณชายหานไม่ได้รู้สึกอายเลยซักนิดเดียว ตอบกลับไปอย่างมั่นใจ
เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้สึกอึ้งไป ไม่คิดว่าที่เขาพูดนั้นจะดีมีเหตุผลอยู่ด้วย
“พวกคุณไปได้แล้ว”ถึงแม้ว่าเวลานี้เวินลั่วฉิงยังเดาไม่ออกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขา แต่เวินลั่วฉิงมั่นใจในข่าวสารบางอย่างแล้ว เวินลั่วฉิงรู้ว่าในเมื่อขังทั้งสามคนเอาไว้แล้วสอบสวนอีก ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะถามข้อมูลออกมาได้มากกว่าตอนนี้ที่เธอรู้อยู่
เสี่ยวซินอายุยังน้อย คาดว่ายังสามารถมีคำพูดได้อีก แต่เวินลั่วฉิงมองออกว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้เสี่ยวซินรู้ไม่มากนัก คาดว่ายังไม่เข้าใจมากเท่าเธอในตอนนี้
ส่วนอีกสองคนนั้น กลัวว่าต่อให้มีการลงโทษที่โหดร้าย พวกเขาก็จะไม่พูดออกมาให้มากกว่าเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงขี้เกียจจะมาเสียเวลากับพวกเขา
เพราะถึงอย่างไรฟังจากความหมายของพวกเขาแล้ว พวกเขายังมีแผนการอื่นๆอีก ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยหาเบาะแสจากแผนการต่อไปของพวกเขา แบบนี้ก็จะเร็วกว่าและตรงไปตรงมามากกว่าการมาสอบสวนพวกเขาอย่างแน่นอน
“อย่าเลย ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะถามพวกเราอีกหรอกหรือ? พวกเราไปแบบนี้ แล้วคุณจะถามใคร?”เวลานี้คุณชายหานคิดหาวิธีที่จะอยู่ข้างๆเวินลั่วฉิงแบบนี้ จะพูดอะไรก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น
เวินลั่วฉิงเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่นิ่งๆ คนๆนี้ยังจะให้เธอถามเขาอีกอย่างนั้นหรือ?
ก่อนหน้านี้เขาไม่ตอบคำถามเธอเลยแม้แต่คำถามเดียว เบาะแสทั้งหมดล้วนแต่เป็นสิ่งที่เธอเดาจากคำพูดของพวกเขาทั้งสิ้น
“เหอๆ……”คุณชายหานสบตาเวินลั่วฉิง เห็นได้ชัดว่าเข้าใจความหมายของเวินลั่วฉิง เสียงหัวเราะของเขาในที่สุดก็มีความเคอะเขินแบบทำตัวไม่ถูกเพิ่มเข้ามาด้วย
แต่ต่อให้คุณชายหานจะทำตัวไม่ถูก ก็ไม่จากไปแบบนี้อยู่แล้ว อาศัยเขาก็ต้องให้เขาอยู่ต่อเช่นกัน!!
เวินลั่วฉิงพบว่า คนๆนี้หน้าหนาอยู่พอสมควรเลยจริงๆ เขาอยากจะตาม เวินลั่วฉิงรู้ว่าพูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์
ตรงหน้าไม่ไกลนักก็เป็นสถานที่ที่เธอจอดรถเอาไว้แล้ว เวินลั่วฉิงไม่เชื่อว่าพวกเขาทั้งสามคนจะยังสามารถขึ้นไปนั่งบนรถเธอได้อีก?
เวินลั่วฉิงไม่ได้สนใจพวกเขาอีก แล้วเดินไปทางด้านหน้าต่อ เลี้ยวตรงทางข้างหน้าแล้ว ก็จะถึงที่จอดรถเธอแล้ว
ตอนที่เวินลั่วฉิงเลี้ยวตรงข้างหน้านั้น ก็เห็นรถของเธอแล้ว แต่……เวินลั่วฉิงพบว่ารถของตัวเองทางด้านหน้านั้นถูกชนเป็นรอยใหญ่มากรอยหนึ่ง…..
รถของเธอจอดอยู่ตรงนั้นดีๆ ไม่คิดว่าจะถูกชนได้ อีกทั้งยังถูกชนแรงขนาดนี้ นี่อยู่ในโรงพยาบาลเชียวนะ ในที่จอดรถของโรงพยาบาล รถของเธอเป็นประเภทที่แข็งแรงแบบนั้น ทางฝ่ายนั้นขับรถแบบไหนกันแน่ ขับด้วยความเร็วแบบไหน ถึงได้สามารถชนรถของเธอให้กลายเป็นแบบนี้ได้?
เวินลั่วฉิงแอบพ่นลมหายใจออกมา ตีเธอให้ตายเธอก็ไม่เชื่อว่านี่จะเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ
“นั่นรถของพวกเราใช่ไหม? ทำไมถูกชนจนกลายเป็นแบบนี้กัน?” เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้สึกตกตะลึงไป : “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไม่คิดว่าจะสามารถชนรถพวกเราจนกลายเป็นแบบนี้ได้?”
เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวก็ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยเช่นกัน
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดออกมา เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นมองไปยังคุณชายหานที่อยู่ข้างๆเธออย่างนิ่งๆ
“ไม่ได้เกี่ยวกับผมนะ? ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น จริงๆ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ” คุณชายหานโบกมืออธิบายแทนตัวเองติดๆกัน เรื่องนี้เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ เขาได้รับความไม่เป็นธรรมจริงๆ
แต่ในใจของคุณชายหานกำลังแอบคิดว่าหรือนี่จะเป็นแผนBของหัวหน้าน้อยอย่างนั้นหรือ?
ตรงๆแบบนี้ บุ่มบ่ามขนาดนี้เลยหรือ?!
ทำแบบนี้กับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะดีจริงๆหรือ?!
คุณชายหานมองไปยังคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอย่างระวัง พบว่าสีหน้าของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก
อืม ไม่ว่าจะเป็นใครมาเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะอารมณ์ไม่ดีกันทั้งนั้น
คุณชายหานรู้สึกว่าวิธีนี้ของหัวหน้าน้อยไม่ค่อยดีซักเท่าไรนัก ดูจะเกินไปเสียหน่อย
แต่ เกินไปหรือเปล่านั้นยังคงเป็นประเด็นรองลงมา ที่สำคัญที่สุดนั้นคือจะใช้ได้หรือเปล่า จะสำเร็จหรือเปล่านั่นเอง?
ในใจของคุณชายหานรู้สึกรอคอยมาก ถึงแม้ว่าเวลานี้เขาจะพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้ แต่ก็ยังคงไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นนี้เอาไว้ได้เลย
เวินลั่วฉิงมองเจ้าเก้า เจ้าเก่าไม่ได้เอ่ยพูดออกมา เพียงแต่ก้มหน้าลงช้าๆ เป็นการปฏิเสธในการตอบคำถาม และเป็นการปฏิเสธที่จะสบตากับเวินลั่วฉิงด้วยเช่นกัน เนื่องจากเจ้าเก้ารู้ดีว่าสายตาของเธออาจจะสามารถทำให้คุณหนูใหญ่ตระกูลถังมองเห็นข้อมูลที่มากเกินไปได้
เจ้าเก้าเองก็อยากจะพูดว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเช่นกัน แต่เจ้าเก้าก็กำลังคิดว่าจะเป็นแผนของหัวหน้าน้อยหรือเปล่า หน้าของเจ้าเก้าไม่ได้หนาเหมือนกับคุณชายหาน ดังนั้นจึงไม่สามารถจะบอกว่าไม่เกี่ยวได้อย่างมั่นใจเหมือนกับคุณชายหาน
เวินลั่วฉิงแอบพ่นลมหายใจออกมา ปฏิกิริยาแบบนี้อีกแล้ว ถามไปก็สูญเปล่า เวินลั่วฉิงเดินมาตรงข้างๆรถของตัวเอง ผู้หญิงคนหนึ่งหลังจากที่เห็นเธอแล้ว ก็เดินเข้ามา
“นี่คือรถของคุณใช่ไหมคะ? ต้องขอโทษจริงๆนะคะ เมื่อครู่นี้ฉันไม่ได้ระวังเลยชนรถของคุณเข้า” หญิงสาวมีใบหน้าที่รู้สึกเสียใจ และยอมรับผิดอย่างจริงใจ
“แม่หนู เธอขับรถถังอย่างนั้นหรือ? ขับชนรถพวกเราให้กลายเป็นแบบนี้ได้ในที่จอดรถของโรงพยาบาลเนี่ย?” เฟิ่งเหมียวเหมียวอดที่จะกระตุกมุมปากขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้ว่าแม่หนูคนนี้จะมีท่าทางยอมรับความผิดอย่างจริงใจ แต่เฟิ่งเหมียวเหมียวก็ไม่สามารถเข้าใจได้เลยจริงๆ
หญิงสาวชี้ไปยังรถที่อยู่ทางด้านข้าง เป็นรถวอลโว่คันหนึ่ง ด้านหน้ารถก็มีรอยหนึ่งอยู่ด้วยเช่นกัน เทียบกับรอยที่อยู่ตรงหัวรถของเวินลั่วฉิงได้พอดี
“แม่หนู นี่เธอขับมาชนแรงขนาดไหนกันเนี่ย?” เฟิ่งเหมียวเหมียวอดที่จะกระตุกมุมปากขึ้นมาไม่ได้ รถของฉิงฉิงแข็งมาก รถของหญิงสาวคนนี้ก็แข็งพอด้วยเช่นกัน รถสองคันแบบนี้ คันหนึ่งจอดอยู่ และยังจอดอยู่ในที่จอดรถอีกด้วย ยังสามารถถูกหญิงสาวคนนี้ชนได้แบบนี้ หญิงสาวคนนี้นี่เก่งจริงๆ