บทที่ 141 ผู้หญิงของคุณชายสามเย่ (2)
“ดูรูปถ่ายเสร็จแล้วคุณไม่มีอะไรจะพูดเลยหรือ?”อีกฝั่งหนึ่งของสายสนทนา เห่อถงถงไม่เห็นเธอพูดอะไร จึงรู้สึกใจร้อน
“ถ่ายรูปได้ไม่เลวเลย”เวินลั่วฉิงมองดูรูปถ่ายแล้วประเมินตรงไปตรงมา ในรูปถ่ายนั้นผู้หญิงก็สวย ผู้ชายก็หล่อเข้ากันดี
แท้จริงแล้วเวินลั่วฉิงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสองจะเป็นคู่รักกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอก็จะสามารถลดความวุ่นวายไปได้มากมาย
เวินลั่วฉิงจ้องมองรูปถ่ายอยู่ตลอดเวลา ดวงตาประกายเบาๆเหมือนรู้จักมักคุ้นกับเมิ่งโร่ถิงราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ปกติตามหลักแล้วเธอจะมีความจำที่ดีมาก คนที่เคยพบเจอจะไม่มีวันลืม แต่ตอนนี้เธอนึกไม่ออกว่าเคยเห็นเมิ่งโร่ถิงที่ไหนมาก่อน
สำหรับชื่อที่เรียกขานว่าเมิ่งโร่ถิง เธอก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“โอ้!ให้ตายสิ สามีคุณไปแอบนัดเจอผู้หญิงคนอื่น แต่คุณกลับตอบสนองแค่นี้เนี้ยนะ?”จู่ๆเห่อถงถงเกิดรู้สึกใจร้อนขึ้นมา ถ้าเวลานี้อยู่ตรงนั้นก็อยากจะเดินไปตบสักทีหนึ่ง
“มิฉะนั้น?หรือจะไปจับชู้กัน?”เวินลั่วฉิงยิ้มอ่อนๆ เธอแค่พูดหยอกล้อคล้อยตามคำพูดของเห่อถงถง
“ได้ ความคิดนี้เข้าท่าดี” แต่ว่าเห่อถงถงเอาจริง น้ำเสียงมิสามารถบดบังความตื่นเต้นดีใจไว้ได้ “เพื่อนรัก ถ้างั้นพวกเราไปจับชู้กันเถอะ พาเด็กน้อยทั้งสองคนไปด้วยพอถึงเวลานั้นก็ต้องเกิดเรื่องใหญ่โต ทีแรกฉันกับจื่อโม่ก็คิดจะไป……”
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของเห่อถงถงก็รู้สึกขบขัน แต่พอได้ยินประโยคสุดท้าย ดวงตาก็หรี่ขึ้น “คุณกับจื่อโม่คิดจะทำอะไรนะ?”
“ไม่มี ไม่มีอะไรสักหน่อย”เห่อถงถงเป็นคนที่ปากตรงกับใจไม่สามารถปิดปากเงียบไว้ได้ เมี่อกี้ตื่นเต้นจึงเผลอพูดออกไป แต่เธอรู้ว่าจะยอมรับไม่ได้ มิเช่นนั้นจะทำให้จื่อโม่ดูถูกเธอได้
จื่อโม่ได้กำชับแล้วกำชับอีกว่าห้ามไม่ให้ฉิงฉิงรู้แผนการของพวกเขาก่อนเด็ดขาด
“ฉิงฉิง คุณคิดว่าจะทำอย่างไรดี คุณพูดมา ฉันจะไปจัดการแทนเอง”เห่อถงถงรีบเปลี่ยนบทสนทนา “ตอนนี้คุณเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย คุณต่างหากที่ถูกต้องตามหลักขนบธรรมเนียม พวกเราไม่ต้องเกรงกลัวหล่อนหรอก”
“ฉันแค่แต่งงานในนามกับเย่ซือเฉินเท่านั้น ดังนั้นคุณอย่าได้ตื่นตระหนกมากไปนักเลย โอเค ฉันยุ่งอยู่ แค่นี้ล่ะนะ”
หลังจากวางสายเวินลั่วฉิงก็ส่ายหัว ให้เธอไปจับชู้เย่ซือเฉินหรือ?เห่อถงถงคิดได้ยังไงเนี้ย
ในยามค่ำคืน เวินลั่วฉิงกลับถึงบ้าน เพิ่งจะเข้ามาถึงประตูที่ห้องโถงก็ได้ยินเสียงของคุณปู่เย่ที่ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว“นายกำลังหมายความว่าอย่างไรกัน?นายคิดจะทำอะไรกันแน่?ตอนนี้ฉันสอนนายไม่อยู่แล้วใช่ไหม?ฟังคำพูดของฉันไม่เข้าสักคำ ฉันไม่ชอบอะไรนายก็ทำอย่างนั้น?”
เวินลั่วฉิงไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่เป็นเพราะเสียงของคุณปู่เย่ดังมาก ทำให้เธอได้ยินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วว่าห้ามนายคบค้าสมาคมกับผู้หญิงคนนั้นอีก ทำไมบ่ายวันนี้เธอมาโผล่ที่บริษัทได้ มิหนำซ้ำยังถูกแอบถ่ายอีกต่างหาก นาย นายจะทำให้ฉันตรอมใจตายให้ได้เลยสิใช่ไหม?”
ได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของเวินลั่วฉิงก็เกิดเป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง คุณปู่เย่กำลังพูดถึงเรื่องเมิ่งโร่ถิง?
“ผู้หญิงที่นายแต่งงานด้วยรู้เรื่องนี้ไหม?”จากนั้นคุณปู่เย่ก็ถามขึ้นมาหนึ่งประโยค ครั้งนี้น้ำเสียงได้ลดต่ำลงแล้ว
แต่ลั่วฉิงไม่ได้ยินเสียงขานตอบของเย่ซือเฉิน
“ฉันขอบอกนายว่าทางที่ดีอย่าให้เธอรู้ มิเช่นนั้นนายก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของคุณปู่เย่สูงขึ้นอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยการข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด “ฉันขอเตือนนายว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปไม่ต้องมีสายสัมพันธ์ใดๆกับผู้หญิงคนนั้นอีกเด็ดขาด มิเช่นนั้นนายอย่าคิดจะได้เงินจะบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปแม้แต่สตางค์เดียว”
เวินลั่วฉิงหยุดชะงักไปชั่วครู่ คุณปู่เย่กลัวเธอรู้เรื่องของเมิ่งโร่ถิง?เป็นเพราะอะไรกัน?กลัวเธอจะหึงหวง?กลัวเธอจะโกรธ?คุณปู่เย่จะมีความหวังดีต่อเธอขนาดนั้นเลยหรือ?
เพราะปกติคุณปู่เย่ไม่พอใจในตัวเธอทุกอย่าง
แต่ว่าเรื่องที่กระจ่างที่สุดก็ต้องเป็นเรื่องที่คุณปู่เย่ไม่ยินยอมให้เย่ซือเฉินกับเมิ่งโร่ถิงติดต่อกัน?และคัดค้านอย่างใหญ่หลวงอีกด้วย
แค่เย่ซือเฉินติดต่อกับเมิ่งโร่ถิงก็อย่าคิดที่จะได้เงินจากบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปแม้แต่สตางค์เดียว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานกับเมิ่งโร่ถิง
ดังนั้นเย่ซือเฉินจึงได้มาแต่งงานกับเธอ?
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าที่เย่ซือเฉินแต่งงานกับเธอมีสองเหตุผล เหตุผลแรกก็เป็นเพราะหุ้นส่วนในบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป เนื่องจากคุณปู่เย่ได้พูดอย่างแน่วแน่แล้วว่า ถ้าเย่ซือเฉินไม่แต่งงานเขาก็จะโอนหุ้นส่วนให้กับคนอื่น และคุณปู่เย่ก็ไม่อนุญาตให้เย่ซือเฉินแต่งงานกับเมิ่งโร่ถิง ดังนั้นเธอจึงซวยที่ถูกเย่ซือเฉินเลือก
เหตุผลที่สองก็ต้องเป็นเพราะเย่ซือเฉินจงใจจะยั่วโมโหคุณปู่เย่ เนื่องจากคุณปู่เย่ไม่ชอบคุณสมบัติของเธอเลยแม้แต่น้อย ตอนเธอเข้าไปอยู่ที่บ้านของตระกูลเย่ครั้งแรก คุณปู่เย่ก็โมโหไม่น้อย
แต่ว่าคุณสมบัติของเมิ่งโร่ถิงก็ไม่ได้แย่อะไร ทำไมคุณปู่เย่ถึงได้คัดค้านขนาดนี้?
ตั้งแต่ต้นจนจบเวินลั่วฉิงได้ยินแต่เสียงของคุณปู่เย่คนเดียว ไม่ได้ยินเย่ซือเฉินตอบอะไรสักคำ
เวินลั่วฉิงสามารถจินตนาการบรรยากาศภายในห้องหนังสือได้ คุณปู่เย่นั้นมีอารมณ์ที่โกรธจัดราวฟ้าผ่า แต่เย่ซือเฉินนั้นมีอารมณ์ที่อิ่มเอมใจ ไม่สนใจอะไร
มุมปากเวินลั่วฉิงโค้งขึ้นมายิ้ม เธอสังเกตุเห็นว่าคนที่ดูเหมือนเรียบเฉยเย็นชาและยโสอย่างเย่ซือเฉิน แท้จริงเป็นคนที่ใจจืดใจดำ และสามารถทำให้คนตรอมใจตายแล้วไม่คิดจะชดใช้อย่างไร้ความปราณีใดๆอีกด้วย
เวินลั่วฉิงคิดว่าแอบฟังอยู่อย่างนี้ไม่ดี ถ้าคุณปู่เย่รู้เข้าก็จะรู้สึกอึดอัดได้ ดังนั้นเธอจึงเดินย่องๆเข้าห้องนอนไป
หลังจากที่เวินลั่วฉิงกลับเข้าห้องก็ยังคงได้ยินเสียงตะคอกของคุณปู่เย่เล็กน้อย แต่เป็นเพราะมีประตูกั้นไว้หลายบาน จึงได้ยินไม่ชัดเจนนัก
จากนั้นเวินลั่วฉิงก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ได้ยินเสียงมีคนเดินลงจากตึก ฟังจากเสียงเท้าที่เดินลงไปนั้นไม่น่าจะเป็นแค่คนเดียว น่าจะเป็นเย่ซือเฉินกับคุณปู่เย่ออกไปพร้อมกัน
จากนั้นในคฤหาสน์ก็เงียบสงบลง
เวินลั่วฉิงเปิดประตูห้องออก เห็นประตูห้องหนังสือเปิดทิ้งไว้ เห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินไม่อยู่ในห้องหนังสือได้ออกไปพร้อมกับคุณปู่เย่แล้ว
ได้ยินเสียงเท้าของทั้งสองเดินลงไปก็รู้ว่ามีความเร่งรีบ น่าจะมีเรื่องเร่งด่วน
เช้าวันรุ่งขึ้น เวินลั่วฉิงตื่นมาไม่เห็นเย่ซือเฉิน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเย่ซือเฉินไม่ได้กลับมาทั้งคืน
วันนี้เป็นวันเสาร์เวินลั่วฉิงไม่ต้องไปที่บริษัท ในเมื่อเย่ซือเฉินไม่อยู่บ้าน เธอจึงอยากจะไปหาเด็กน้อยทั้งสองคน
แต่จื่อโม่ของเธอบอกเธอว่า เขาจะไปร่วมกิจกรรมของอนุบาล เธอไม่ต้องไป
เวินลั่วฉิงไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ง่ายเลยที่จะได้พักผ่อนอยู่บ้านหนึ่งวัน
ตอนพลบค่ำ เวินลั่วฉิงกำลังทำอาหารอยู่นั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียงประตูใหญ่ดังขึ้น เธอคิดว่าเป็นเย่ซือเฉินกลับมาแล้ว จึงได้เดินออกไป
แต่ว่าเมื่อเห็นคนที่เปิดประตูใหญ่เดินเข้ามา เวินลั่วฉิงก็ตัวแข็งที่อ
ใครสามารถบอกเธอได้บ้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เวินลั่วฉิงเห็นใครคนนั้นเดินเข้าบ้านไปอย่างคุ้นชินกับเส้นทาง
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มาครั้งแรก!
ใช่สิในคฤหาสน์แห่งนี้มีห้องโดยเฉพาะของเมิ่งโร่ถิง ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าเธอมาประจำ
เวินลั่วฉิงจ้องมองเธอแบบไม่ขยับเขยื้อนและไม่ได้พูดอะไร