บทที่ 144 ถูกคุณชายสามเย่จับได้เสียแล้ว (2)
ดวงตาเย่ซือเฉินเป็นประกายเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าเธอจะเชื่อฟังโทรกลับไป
เห็นปฏิกิริยาของเธอ สีหน้าของเขาก็กลับมาดีขึ้น
แต่ว่าอีกฝ่ายไม่มีการตอบสนองใดๆ ไม่ได้รับสายและไม่ได้กดวางสายด้วย
ดวงตาของเวินลั่วฉิงเป็นประกายเล็กน้อย เป็นอย่างนี้แสดงว่าไม่ได้ยินหรือ?
เวินลั่วฉิงรู้ว่าปกติถ้าเป็นแบบนี้ จื่อซีจะกำมือถือไว้รอสายจากเธอ ดังนั้นมีความเป็นไปได้น้อยที่จะไม่ได้ยิน
ถ้าเช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้อยู่อย่างเดียวก็คือปิดเครื่องแล้ว ไม่ใช่จื่อซีเป็นคนปิดเครื่องเองแน่นอน ในสถานการณ์อย่างนี้คนที่ปิดเครื่องก็ต้องเป็นจื่อโม่เท่านั้น
“พี่ชายทำไมต้องปิดเครื่องด้วย ฉันจะวีดีโอคอลคุยกับหม่ามี้นะ”อีกฝั่งหนึ่ง สีหน้าของจื่อซีไม่พอใจ หม่ามี้กดสายวีดีโอคอลเธอทิ้ง พี่ชายก็มาปิดมือถือของเธออีก
“ตอนแรกหม่ามี้กดวางสาย ต้องเป็นเพราะมีเหตุสุดวิสัย และน้องโทรกลับไปหม่ามี้ก็ไม่รับสายแสดงว่าไม่สะดวกที่จะวีดีโอคอลคุยกับน้อง เดาว่าน่าจะมีคนอื่นอยู่ด้วย เพื่อเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดควรจะปิดเครื่องเอาไว้จะดีกว่า”ถังจื่อโม่เห็นว่าน้องสาวกำลังจะร้องไห้แล้วจึงอธิบายด้วยความอดทน
“มีใครอยู่ด้วย?ป้องกันอะไรกัน?”ถังจื่อซีหยุดชะงัก เหมือนจะเข้าใจไม่เข้าใจ
“สามีของหม่ามี้”คิ้วของถังจื่อโม่ขมวด ไม่รู้กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“เขาเป็นสามีของหม่ามี้ ก็ต้องเป็นแดดดี้ของพวกเราสิ ทำไมถึงต้องระวังเขาด้วย?”ถังจื่อซียิ่งไม่เข้าใจ
ในเวลาอันสั้นถังจื่อโม่ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้น้องเข้าใจดี
“หรืออีกหน่อยหม่ามี้จะเอาแต่สามี ไม่เอาพวกเราแล้วหรือ?ตอนนี้หม่ามี้ก็ไม่ได้มาอยู่กับหนู อยู่แต่กับสามีของหม่ามี้”ถังจื่อซียิ่งพูดยิ่งรู้สึกเสียใจ ปากน้อยๆได้กลั้นน้ำตาไว้เกือบจะร้องไห้ออกมา
ตอนแรกเธอคิดว่าหม่ามี้มีสามี เธอก็จะมีแดดดี้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้หม่ามี้ได้ถูกแย่งไปเสียแล้ว
ถังจื่อโม่เห็นน้องจะร้องไห้ ในใจก็รู้สึกเป็นห่วง“น้องอย่าร้องไห้เลย พวกเราหาโอกาสไปพิสูจน์เขาดูว่าเขาสามารถที่จะเป็นแดดดี้ของพวกเราได้ไหม”
“พิสูจน์ยังไงล่ะ?”จากที่ถังจื่อซีจะร้องไห้ ดวงตาก็เกิดแสงประกายขึ้นมา
ถังจื่อโม่เอียงตัวไปใกล้หูของเธอและกระซิบพูด ถังจื่อซีก็พยักหน้าตลอด ดวงตาคู่นั้นยิ่งเกิดแสงสว่างขี้นไปอีก ใบหน้าอันน้อยๆก็ยิ้มจนชื่นบานเลยทีเดียว
ฝั่งโน้นไม่ได้ตอบสนอง ฝั่งเวินลั่วฉิงจึงยกเลิกสายไปโดยอัตโนมัติ
“ไม่ได้รับสาย”เวินลั่วฉิงยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างไร้เดียงสา จะโทษเธอมิได้นะ
เย่ซือเฉินจ้องมองเธอไม่ได้พูดอะไร ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ยังต้องโทรอีกไหมค่ะ?”เวินลั่วฉิงเห็นเขาไม่โต้ตอบ จึงลองถามดู
แน่นอน เธอรู้ว่าถึงจะโทรไปอีกก็ยังเหมือนเดิม
“โทรไปอีก แล้วจะมีคนรับสายหรือ?”เขาหยีตาครึ่งหนึ่งแล้วมองเธอเหมือนจะยิ้มไม่ยิ้ม เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายคงจะสังเกตเห็นอะไรสักอย่าง จากนั้นจึงปิดเครื่อง ดังนั้นถึงจะโทรไปอีกก็ยังคงเหมือนเดิม
เธอรู้ว่าโทรไปแล้วจะเป็นอย่างไร ยังจะจงใจมาถามเขาอีก!เขาได้กัดฟันไว้
เวลานี้เธอยังคงมองเขาอยู่เหมือนเดิม ริมฝีปากสีแดงที่อวบอิ่มมีเสน่ห์ ดวงตาของเย่ซือเฉินมืดครึ้มเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เอียงตัวจะทับไปยังร่างของเธอ
เวินลั่วฉิงสะดุ้งตกใจ ด้วยปฏิกิริยาการตอบสนองอย่างรวดเร็วของร่างกายและสมอง จึงได้พลิกตัวหลบไปอย่างรวดเร็ว
มันเป็นความสามารถที่ซุ้มซ้อนกันมาหลายปี จึงมีการตอบสนองและการกระทำที่รวดเร็ว เมื่อกี้เวินลั่วฉิงคิดว่าเขาจะตีเธอ
เย่ซือเฉินมองเธอด้วยดวงตาที่ลุ่มลึกเข้าไปอีก ผู้หญิงคนอื่นไม่สามารถเทียบความเร็วของเธอได้ ดังนั้น……
เวินลั่วฉิงก็คิดได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองตอบสนองได้ไม่เหมาะสม ในใจจึงรู้สึกตื่นตระหนก
เผอิญว่าเวลานี้มือถือของเย่ซือเฉินดังขึ้น เป็นเสียงแจ้งเตือนข้อความที่เขาตั้งขึ้นโดยเฉพาะ
เย่ซือเฉินนำมือถือออกมา ดวงตาก็เกิดวิบวับเมื่อเห็นข้อความ
เนื้อหาของข้อความนั้นเรียบง่ายกะทัดรัดมาก——คุณชายถังกลับเมืองจิ๋นแล้ว
พี่ใหญ่กลับมาอีกแล้ว?
งานของพี่ใหญ่จะยุ่งมากตลอดเวลา ปกติถ้าไม่มีธุระก็จะไม่มาที่เมือง A บ่อยๆ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน พี่ใหญ่เพิ่งออกไปจากเมือง A นี่มันไม่กี่วันเองก็มาอีกแล้วหรือ?
ครั้งที่แล้วพี่ใหญ่มาก็เพราะเรื่องของคุณปู่ผิง
แล้วครั้งนี้พี่ใหญ่มาด้วยเหตุผลอะไร?
พี่ใหญ่มาครั้งนี้ไม่ได้บอกพวกเราเลย แม้กระทั่งเสินถิงก็ไม่รู้
เขารู้สึกว่าเขาต้องไปคุยกับพี่ใหญ่สักหน่อยแล้ว
เย่ซือเฉินมองเวินลั่วฉิงอย่างลึกล้ำแวบหนึ่งแล้วก็หันหลังเดินออกไป
เวินลั่วฉิงสูดลมหายใจแรงๆ เมื่อกี้เขากำลังจะตบตีเธอใช่ไหม?ใช่ไหม?
เธอดูออกว่าเมื่อสักครู่นี้เขากำลังโกรธอยู่?
เวินลั่วฉิงได้ยินเขาลงจากบ้านแล้วออกไป
ในใจของเวินลั่วฉิงสงสัย ทำไมเขาถึงออกไปแล้วล่ะ?คุณเมิ่งล่ะ?ออกไปกับเขาด้วยกันหรือเปล่า?
ขณะที่เวินลั่วฉิงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆมือถือก็ดังขึ้น เวินลั่วฉิงมองมือถือแวบหนึ่ง นึกถึงตอนที่เย่ซือเฉินเดินเข้ามาในห้องของเธอ แต่เธอกลับไม่เห็นอะไร เธอจึงลงจากเตียงไปปิดประตูห้อง ไตร่ตรองดูแล้วจึงล็อคประตูห้องเสียเลย จากนั้นก็รับสายโทรศัพท์
“ลูกพี่ใหญ่กลับประเทศมาแบ้ว ไปหาคุณบ้างไหม?”เมื่อรับสายปุ๊บ เสียงของมู่หรงดัวหยางก็ส่งผ่านมา
“ไม่มีค่ะ รุ่นพี่กลับประเทศก็น่าจะมีภารกิจต้องทำหรือเปล่า?”เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก หลายปีมานี่รุ่นพี่กลับเข้ามาในประเทศน้อยครั้งมาก หรือจะมีภารกิจที่จะต้องสะสาง
“ไม่ใช่ ลูกพี่ใหญ่น่าจะไปหาคุณนะ”อีกฝั่งหนึ่งของสายมู่หรงดัวหยางแอบถอนลมหายใจ
“รุ่นพี่น่าจะกลับมาพร้อมกับรุ่นพี่หงหลิงหรือเปล่า?”เวินลั่วฉิงไม่ได้รับรู้อะไร ยิ้มเบาๆ
“……”มู่หรงดัวหยางถอนหายใจอีกหนึ่งครั้ง เป็นใครก็สามารถมองออกว่าลูกพี่ใหญ่นั้นชอบเธอ มีเพียงเธอเท่านั้นที่คิดว่าลูกพี่ใหญ่ชอบพี่หงหลิง
“คุณกับเย่ซือเฉินช่วงนี้เป็นไงบ้าง?”มู่หรงดัวหยางไม่ได้พูดอะไรมากมายกับเธอต่อ เขาเคารพสิทธิ์ในการเลือกของเธอเสมอ ในเมื่อเธอได้แต่งงานกับเย่ซือเฉินแล้ว เรื่องของเธอกับลูกพี่ใหญ่เขาจึงไม่ได้จับคู่ให้กันอีกต่อไป
“ยังไม่มีความคืบหน้าด้านของหุ้นส่วนเลย คุณปู่เย่นั้นรับมือยากเอาการ”เวินลั่วฉิงนึกถึงภาพที่ไปบ้านของตระกูลเย่แล้ว ก็รู้ว่าอยากจะช่วยเย่ซือเฉินเอาหุ้นส่วน จำเป็นต้องวางแผนมองการณ์ไกลก่อนถึงจะได้
“ฉันไม่ได้ถามเรื่องนี้ ฉันพูดถึงเรื่องของคุณกับเย่ซือเฉิน เย่ซือเฉินนั้นมีหน้าตาหล่อเหลา หุ่นก็ไม่เลว คุณไม่คิดที่จะฉวยโอกาสนอนกับเขาเสียเลยล่ะ พวกคุณจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะ ไม่นอนก็เสียดายแย่……”
เวินลั่วฉิงได้ยินเขาพูดจาไร้สาระสิ้นดี จึงได้กดวางสายทิ้ง
เธอไปนอนกับเย่ซือเฉินเหรอ?บ้าไปแล้ว?
เวินลั่วฉิงกดวางสายแล้วก็ดูให้แน่ใจว่าเย่ซือเฉินออกไปแล้วจริงๆ จากนั้นก็ได้โทรไปหาจื่อซี แต่มือถือของจื่อซีปิดเครื่องไว้
เธอโทรเข้าเครื่องของจื่อโม่ แต่มือถือของจื่อโม่ก็ปิดเครื่องด้วย
ดวงตาของเวินลั่วฉิงวาววาม เธอคาดเดาได้ว่ามือถือของจื่อซีปิดเครื่องแล้ว แต่ทำไมมือถือของจื่อโม่ก็ปิดเครื่องด้วยล่ะ ปกติจื่อโม่ไม่เคยปิดเครื่องเลยนะ
เด็กน้อยทั้งสองเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าล่ะ?
เวินลั่วฉิงรู้สึกเป็นห่วง จีงรีบโทรไปหาเห่อถงถง เบอร์ของเห่อถงถงนั้นโทรติดอยู่ แต่ไม่มีคนรับสายเลย
จิตใจของเวินลั่วฉิงเริ่มกระสับกระส่าย เธอได้โทรไปอีกแต่ก็ไม่มีคนรับสายเหมือนเดิม
เวินลั่วฉิงเริ่มรู้สึกหวาดกลัว รีบลุกขึ้นไปเอาเสื้อมาหนึ่งตัว แล้วใส่เสื้อไปด้วยเดินออกไปด้วย