บทที่ 149 ผลจากความโกรธเกรี้ยวของคุณชายสามเย่ (3)
ถ้าพี่ชายไม่เผด็จการหน่อย รอให้พี่สะใภ้เกิดความเข้าใจจะต้องรอถึงเมื่อไหร่กัน
ดวงตาของเย่ซือเฉินหมุนแล้วกวาดสายตามองเธอแวบหนึ่ง
เมิ่งโร่ถิงแลบลิ้นเสร็จก็กลับเข้าห้องนอนของตน
“หม่ามี้ไปอาบน้ำก่อนแล้วจะนอนเป็นเพื่อนกับลูกรักนะ”อีกฝั่งหนึ่ง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเวินลั่วฉิงได้เบาใจลงแล้ว ในที่สุดก็สามารถนอนกับลูกรักได้เสียที
“อืม อืม”ในที่สุดถังจื่อซีก็วางใจรีบพยักหน้า
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าตอนนี้คงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จึงวางสายเสร็จก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
แต่ว่า เวินลั่วฉิงเข้าห้องน้ำมือถือของเธอก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เวินลั่วฉิงกล่อมจื่อซีนอน ดังนั้นจึงปรับเสียงโทรศัพท์ให้เบาลง ตอนนี้เวินลั่วฉิงอยู่ที่ห้องอาบน้ำและบวกกับมีเสียงน้ำที่ริมไหล ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ยินเสียงของโทรศัพท์
ถังจื่อซีมองที่ห้องอาบน้ำแล้วกระพริบตาไปมา จากนั้นก็กดปุ่มรับสาย
“เวินลั่วฉิง คุณแน่มากเลยนะ”เมื่อรับสาย เสียงที่ราวกับจะฆ่าคนอย่างไม่ปิดปังของเย่ซือเฉินได้ส่งผ่านมาตามโทรศัพท์
เด็กน้อยจื่อซีฟังน้ำเสียงของเย่ซือเฉินที่ราวกับจะฆ่าคนก็กะพริบตารั่วๆ ทำปากโค้งงอ คนคนนี้ดุจังเลย
เธอรู้ว่าคนนี้เป็นสามีของหม่ามี้
“เวินลั่วฉิง ถ้าหลังจากหนึ่งชั่วโมงผมยังไม่เห็นคุณที่บ้าน ก็รับผลที่เกิดขึ้นเองแล้วกัน”ไม่ได้ยินเสียงของเวินลั่วฉิง และเย่ซือเฉินก็ไม่อยากฟังเธอพูดในเวลานี้ด้วยเช่นกัน จึงได้พูดข่มขู่เลยทันที
เด็กน้อยจื่อซีทำปากโค้งงอ จะให้หม่ามี้กลับไปอีกแล้ว มันมากเกินไปแล้วและยังจะดุขนาดนี้ด้วย เหอะ!
ถังจื่อซีกดวางสายทันที
เมื่อคิดไตร่ตรองดีแล้ว เด็กน้อยถังจื่อซีก็ลบประวัติการสนทนาทิ้ง จากนั้นก็ปิดเครื่องโทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงเลย
ใครใช้ให้เขาดุล่ะ ใครใช้ให้เขาแย่งหม่ามี้จากเธอกันล่ะ
เธอปิดเครื่องโทรศัพท์ของหม่ามี้แล้ว ดูสิว่าเขาจะหาหม่ามี้ได้อย่างไรกัน
เย่ซือเฉินเห็นมือถือที่ถูกวางสายทิ้ง ตะลึงไปสองวินาที ดวงตาก็ได้เกิดเปลวไฟแห่งความโกรธขึ้นมา เวินลั่วฉิงกล้าวางสายเขาทิ้งหรือ?
เขาสูดลมหายใจเข้าหนึ่งครั้งแล้วโทรไปอีกหนึ่งรอบ
“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่คุณโทรอยู่ ณ ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้ค่ะ”
เวลานี้เย่ซือเฉินมีความใจร้อนอยากจะฆ่าคนยิ่งนัก เธอไม่เพียงแต่ไม่รับสายของเขา ยังจะมาปิดเครื่องให้อีก
ดี ดีมาก
และในเวลานี้หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการหลอกแม่อย่างลูกคนนี้ได้วางสายแล้ว เมื่อคิดไปสักพักก็รีบวิ่งไปที่ห้องนอนของพี่ชายตน
“พี่ชาย เมื่อกี้มีคนโทรหาหม่ามี้ ดุมากเลย”ถังจื่อซีทำปากโค้งงอ มาฟ้องพี่ชายตนด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
“ใครเหรอ?”เด็กน้อยถังจื่อโม่จะไม่อนุญาตให้ใครมาดุด่าหม่ามี้ของตนเด็ดขาด
“เหมือนจะเป็นสามีของหม่ามี้นะ”เด็กน้อยถังจื่อซีไม่ได้ปิดปัญหาเรื่องนี้ไว้ เพราะเธอรู้จักพี่ชายของตัวเองดี
ดวงตาของถึงจื่อโม่แวววาม สามีของหม่ามี้ดุหม่ามี้เหรอ?
“แล้วเขาพูดว่าไง?”ในน้ำเสียงตอนที่เด็กน้อยถังจื่อโม่ถามได้ปมความเย็นชาไว้ด้วย
“ฉันฟังได้ไม่ชัดเจนว่าพูดอะไร แต่ว่าเขาดุมากจนน่ากลัว ถึงขั้นกล้าดุแม่ ข่มขู่แม่ มันเกินไปจริงๆ” เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเด็กน้อยถังจื่อซีนั้นมีความโกรธเคือง
“อืม เกินไปแล้วจริงๆ”ถังจื่อโม่พยักหน้า ดุหม่ามี้ และยังข่มขู่หม่ามี้ มันเกินไปจริงๆ
“ดังนั้นฉันจึงกดสายทิ้ง”ถังจื่อซีกะพริบตาไปมาด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะได้ใจ
“อืม วางสายถูกแล้ว”ถังจื่อโม่ไม่ได้คิดอะไรมาก รีบพยักหน้าชื่นชมการกระทำของน้องสาวทันที
กล้ามาดุหม่ามี้ วางสายโทรศัพท์ของเขายังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ
“พี่ชาย เขาดุมากขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าโทรมาใหม่แล้วดุแม่จนแม่ร้องไห้ จะทำยังไงดีล่ะ” เด็กน้อยถังจื่อซีขมวดคิ้ว เหมือนราวกับจะเป็นกังวลและเป็นทุกข์นิดหน่อย
ถังจื่อโม่หยุดชะงักไปชั่วขณะ จ้องมองเธอด้วยตาที่กะพริบน้อยๆ“ดังนั้นจึง?”
เขารู้สึกว่าน้องสาวยังพูดไม่จบ น่าจะมีพูดต่อ
“ดังนั้น ฉันจึงปิดมือถือของคุณแม่ พี่ชายว่าฉันทำถูกต้องไหม?”ถังจื่อซีจ้องมองเขาด้วยแววตาเหมือนเด็กน้อยที่รอคอยของรางวัลอยู่
“อืม ถูก” ถังจื่อโม่พยักหน้า กล้าดุคุณแม่ กล้าข่มขู่คุณแม่ มันให้อภัยไม่ได้
“อืมอืม ในเมื่อพี่ชายบอกว่าถูกต้อง งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว” ถังจื่อซียิ้มหวานๆ
ถังจื่อโม่มองน้องสาวของตนอย่างตกตะลึง ยัยคนนี้อ้อมค้อมมาตั้งนั้นเพิ่งจะมาเข้าประเด็น เธอได้ปิดมือถือแม่ไว้แล้วแท้ๆ ยังจะถามเขาว่าถูกไหม มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังหาพวกลงเรือลำเดียวกันอยู่
ถ้าเกิดคุณแม่โมโหขึ้นมาจะได้เอาเขาไปเป็นแพะรับบาปแทน
ดูเหมือนว่าตลอดที่ผ่านมาเขาประเมินน้องสาวต่ำไปเสียแล้ว
“พี่ชาย งั้นฉันกลับห้องก่อนนะ”เป้าหมายของถถังจื่อซีได้บรรลุแล้ว เธอกระโดดโลดเต้นกลับห้องอย่างพอใจ
ถังจื่อโม่มองเงาของน้องสาว มุมปากขยิบเล็กน้อย เขาโดนน้องสาวที่ใสซื่อไร้เดียงสาวางกับดักเสียงแล้ว!
แต่ว่าน้องสาวของเขา ถ้าเขาไม่ปกป้องแล้วจะให้ใครมาปกป้องแทนล่ะ
อีกฝั่งหนึ่ง เย่ซือเฉินโทรหาเวินลั่วฉิงไม่ติด สีหน้ายิ่งเคร่งเครียดขึ้น ดวงตาก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นเช่นกัน แต่ว่าเมื่อโทรไม่ติด เขาก็ไม่รู้จะไปหาเธอที่ไหนดี
เธอไม่ได้กลับมา เย่ซือเฉินคิดว่าเธอน่าจะกลับไปที่บ้านของตระกูลเวิน
เขาตรวจหาเบอร์โทรศัพท์ของบ้านตระกูลเวินก็ได้โทรไปหา
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะเรียนสายกับใครค่ะ?”คนรับใช้เป็นคนรับสาย
เย่ซือเฉินยังไม่เอ่ยปากถามก็มีเสียงส่งมาจากอีกฝั่งหนึ่ง
“คุณพ่อ เป็นฉิงฉิงที่ฟ้องร้องหรวนหรวน ทางตำรวจบอกว่านอกจากฉิงฉิงจะยกฟ้อง ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ปล่อยตัวของหรวนหรวน ท่านบอกฉิงฉิงให้กลับมาได้ไหม ให้เธอไปคุยกับตำรวจว่าให้ปล่อยตัวหรวนหรวนออกมา” วันนั้นที่เวินหรวนหรวนใส่ร้ายเวินลั่วฉิง ก็โดนคุณชายห้าฉิงจับตัวไปให้กับตำรวจ ดังนั้นเวินจีหยันได้ใช้เส้นสายมากมายก็ยังคงช่วยเวินหรวนหรวนออกมาไม่ได้เหมือนเดิม
“คุณพ่อ ฉิงฉิงเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่กลับบ้านกลับช่องตั้งแต่เช้ายันเย็นก็ไม่เหมาะสมเท่าไหร่นะ” จากนั้นเวินจีหยันก็เสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค เป็นคำพูดในทำนองให้ร้ายกับเวินลั่วฉิง
“ถ้าหรวนหรวนไม่ทำร้ายฉิงฉิง ฉิงฉิงจะฟ้องเธอไหม?นั้นมันเป็นเพราะเธอทำตัวของเธอเอง ฉิงฉิงไม่กลับมาก็ต้องมีเหตุผลของเธออยู่แล้ว ฉิงฉิงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำอะไรก็รู้จักนึกคิดแล้ว มีอะไรให้ฉันต้องเป็นห่วงล่ะ”เพียงแต่คุณปู่เวินนั้นเป็นคนที่ฉลาดทันคน ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ดวงตาของเย่ซือเฉินหรี่ขึ้น ดูเหมือนว่าไม่ต้องถามก็รู้แล้วว่าเวินลั่วฉิงไม่ได้กลับไปที่บ้านของตระกูลเวิน
เย่ซือเฉินจึงกดวางสายลง
แต่ว่าเธอไม่ได้กลับไปบ้านตระกูลเวินแล้วไปไหนกันนะ?
ถึงแม้พวกเขาจะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่เขาก็ไม่เข้าก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเธอเลย
เขาปล่อยปละละเลยเธอมากเกินไปแล้วหรือเปล่านะ
เขาควรจะใส่อุปกรณ์ติดตามตัวเธอดีไหม ไม่ว่าเธอจะไปถึงไหนเขาก็จะสามารถหาเจอได้
แต่ว่าตอนนี้เขาจะไปหาเธอได้ที่ไหนกันล่ะ?
“ไปสืบค้นดูสิว่าในเมืองAเวินลั่วฉิงมีที่อยู่อื่นอีกไหม?”เย่ซือเฉินรีบโทรศัพท์
เพราะไม่เคยคิดที่จะไปจำกัดความอิสระเสรีของเธอ เธอไม่พูดเขาก็ไม่เคยถามอะไรมากมาย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่า เขารู้เรื่องของเธอน้อยมาก