บทที่ 151 ผลจากความโกรธเกรี้ยวของคุณชายสามเย่ (5)
“แต่ก็ไม่ใช่แต่งมากัดมั้ง?”ขณะนี้เวินลั่วฉิงรู้สึกเวียนหัว ดังนั้นสมองจึงตามไม่ทำงาน เอ่ยปากพูดหนึ่งประโยคโดยจิตใต้สำนึก
เย่ซือเฉินหยุดชะงัก จากนั้นก็อมยิ้ม“อืม คุณพูดถูก แต่งเมียมาไม่ใช่ใช้มากัด ยังสามารถทำเรื่องที่สำคัญกว่าได้”
ริมฝีปากของเย่ซือเฉินจงใจกัดเบาๆด้วยการถูไถไปมาที่ใบหูของเธอ
ลมหายใจของเขาได้แผ่กระจายจากข้างหูไปยังที่ต่างๆ จนเธอต้องสูดเข้าไปอย่างไม่มีทางเลือก
เย่ซือเฉินดื่มเหล้าเป็นจำนวนมาก ลมหายใจของเขายิ่งแผ่กระจายกลิ่นก็ยิ่งแรงขึ้นทุกที ดังนั้นเวินลั่วฉิงจึงยิ่งเวียนหัวตามไปด้วย
เธอถึงขั้นหายใจลำบาก อ่อนระเหยโรยแรงไปทั้งตัว แผ่นหลังของเธอได้พยายามพิงผนังไว้ แต่กลับรู้สึกว่าร่างกายของตนลื่นไหลลงไปอย่างไม่สามารถประคับประคองให้อยู่ได้
เธอรู้สึกว่าตนกำลังจะเป็นลมแล้ว เธอจำได้ว่าครั้งก่อนเธอดื่มไวน์แดงไปแค่อึกเดียวก็รู้สึกเวียนหัวทันที
กลิ่นเหล้าของเขาที่แรงฉุนครั้งนี้เหมือนจะมากว่าครั้งก่อนที่เธอดื่มไวน์แดงเสียอีก
ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเบลอๆ สมองไม่สามารถตริตรองอะไรได้
มือของเธอยื่นออกไปโดยสัญชาตญาณ อยากจะดึงอะไรไว้เพื่อจะได้ประคองตัวเองไม่ไห้ลื่นไหลไปที่พื้น
ด้านหลังของเธอเป็นผนังบ้านไม่สามารถจับอะไรได้เลย ด้านหน้าคือเย่ซือเฉิน ซึ่งเวลานี้ระดับการยืนของเธอและเขา เมื่อเธอยื่นมือออกไปก็ถึงระดับเอวของเขาพอดี
เธอใช้มือจับเสื้อข้างเอวของเขาไว้แน่น เนื่องจากหายใจลำบาก เธอจึงหายใจแรงๆออกมา
เย่ซือเฉินตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเธอจะตอบสนองเช่นนี้ ทีแรกคิดว่าเธอจะดิ้นหรือต่อต้าน คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นฝ่ายรุกขนาดนี้
บัดนี้ความโกรธในใจของเย่ซือเฉินได้มลายหายไปในชั่วพริบตาเดียว ถึงตอนนี้เธอจะยังไม่รักเขาก็ตาม
ทว่าอย่างน้อยร่างกายของเธอก็ไม่ได้ต่อต้านเขา ไม่ต่อต้านการจูบของเขา อีกทั้งยังมีการตอบสนองด้านอารมณ์ใคร่อีกด้วย
และราวกับว่าเธอจะเกิดอารมณ์ได้ง่ายเป็นพิเศษ เขาแค่กัดที่ใบหูของเธอ เธอกลับอ่อนไปทั้งตัวถึงขั้นยืนไม่มั่นคง แถมยังหายใจเร็วอีกต่างหาก
เสื้อของเขานั้นลื่นเล็กน้อย เวินลั่วฉิงรู้สึกจับได้ไม่มั่นคง ดังนั้นด้วยสัญชาตญาณอยากจะจับให้มั่นคงยิ่งกว่าเดิม เธอจึงยื่นมือไปจับที่เอวของเขา ซึ่งเอวของเขาไม่มีไขมัน ตึงมากเลย ทำให้เธอจับไม่สะดวก นิ้วมือของเวินลั่วฉิงจึงได้ลอบเข้าไปจับเอวในเสื้อผ้าไว้แน่น
เย่ซือเฉินตัวแข็งทื่อ หายใจแผ่วเบา ผู้หญิงคนนี้รู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?
เอวด้านหลังของผู้ชายมันเป็นจุดที่อ่อนไหวต่อการกระตุ้นยิ่งนัก
จากตอนแรกที่เย่ซือเฉินประกบใบหูของเธอไว้ได้เอียงออกมามองเธอแล้ว
เวลานี้เวินลั่วฉิงได้จับเอวของเขาไว้ ตัวอ่อนราวกับไม่มีกระดูกพิงอยู่ในอ้อนกอดของเขา ได้จ้องมองเขาด้วยดวงตาพร่ามัวจะปิดไม่ปิด ริมฝีปากสีแดงเปิดขึ้นเล็กน้อยอย่างงดงาม เป็นการเชิญชวนให้เร้าร้อนยิ่งนัก
อิริยาบถ ณ ตอนนี้ของเธอช่างยั่วยวนใจเหลือเกิน
เย่ซือเฉินไม่รู้ว่าท่าทีของเธอในตอนนี้เป็นเพราะกลิ่นเหล้าของเขา ปากของเขาจึงยกขึ้นอย่างพอใจกับการตอบสนองของเธอ
ปากของเขาเข้าใกล้เธอ พูดให้ถูกต้องก็คือเข้าใกล้ปากที่งดงามของเธอ
เพราะการเข้าใกล้เช่นนี้ ลมหายใจของเขาได้พ่นโดนใบหน้าของเธอ เวินลั่วฉิงจึงต้องสูดกลิ่นเหล้าเข้าไปมากขึ้นอีก จากที่สมองเฉื่อยชาก็ได้หยุดการรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างลงไป
ริมฝีปากของเขาเข้าประกบกับริมฝีปากของเธอ เพื่อจูบเธอไว้
ชั่วขณะนั้น ร่างกายของเขาสั่นคลอเล็กน้อยด้วยแววตาที่ตื่นเต้น เหล้ายิ่งทำให้เกิดความคลั่งไคล้เข้าไปใหญ่
ปกติเขามีความสามารถในการควบคุมตัวเองสูง แต่ตอนนี้แค่เพียงการจูบก็ทำให้เขามีอารมณ์ทางเพศได้……
ความรู้สึกแบบนี้……
ความรู้สึกแบบนี้เคยมีตอน 5 ปีที่แล้ว ตอนที่เขาเคยจูบผู้หญิงคนนั้น
ปกติมีผู้หญิงมาเสนอตัวกับเขามากมาย แต่เขาเป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องพวกนี้ มีแต่ผู้หญิงใน 5 ปีก่อนที่เป็นกรณียกเว้น
ความรู้สึกที่คุ้นเคยในตอนนี้ทำให้เขาแน่ใจว่าเธอคือผู้หญิงใน 5 ปีก่อน
ขณะนี้เธออยู่ในอ้อนกอดของเขาอย่างอ่อนแรง เพราะเธอเมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตนอยู่ที่ไหน
เย่ซือเฉินไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง รู้แต่เพียงว่าเธอนั้นคล้อยตามผิดปกติ
มุมปากของเขายกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ปากของเธอนั้นเปิดเล็กน้อยอยู่นั้น ดังนั้นจึงง่ายต่อการถลำเข้าไป……
เขาจูบอย่างดุเดือดแบบไม่สามารถควบคุมได้ รู้สึกว่าเธอตัวอ่อนยืนไม่มั่นคงแล้ว เขาจึงอุ้มเธอไว้
เหมือนราวกับ 5 ปีก่อน เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอความสามารถในการควบคุมตัวเองนั้นอ่อนแอมาก
“เวินลั่วฉิง”จากนั้นไม่นานเขาก็หยุดจูบแต่ยังคงประกบริมฝีปากไว้เหมือนเดิม เขาหายใจเร็วอย่างเห็นได้ชัดและ เรียกเธอด้วยเสียงเบาๆ
เขาอยากได้ตัวเธอจนมิอาจห้ามได้ และเขาก็ไม่อยากห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน
เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นเรื่องบางเรื่องก็สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
เวินลั่วฉิงยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างอ่อนตัว ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ว่าหายใจถี่ขึ้น
เย่ซือเฉินเห็นเธอไม่ได้ปฏิเสธ มุมปากจึงยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็คิดอยากจะอุ้มเธอขึ้นมา
ทว่าเวลานี้จู่ๆมือถือของเขาก็ดังขึ้น
ดวงตาของเขาลุ่มลึก ใบหน้ามีความไม่พอใจเล็กน้อยและไม่คิดจะสนใจ เขายื่นมืออุ้มเวินลั่วฉิงขึ้นมา
ทว่าเสียงมือถือทำให้เวินลั่วฉิงตกใจตื่นขึ้นมา เธอลืมตาขึ้นเห็นตัวเองอยู่ในอ้อนกอดของเย่ซือเฉิน จึงผลักเขาออกด้วยจิตใต้สำนึกอยากที่จะยืนตัวตรง
แต่ว่าเวลานี้เธอรู้สึกไม่มีแรงเลย ดังนั้นด้วยแรงผลักที่เบามาก จึงผลักเขาออกไปไม่ได้
แต่ว่าเย่ซือเฉินรับรู้การกระทำของเธอ เย่ซือเฉินจึงก้มหน้ามองเธอที่อยู่ในอ้อนกอด
เวินลั่วฉิงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาที่พร่ามัวอย่างงุนงง
แพทย์เคยบอกว่าเธอแพ้แอลกอฮอล์ แต่ก็ยังดีที่ไม่คันหรือมีผื่นแดงขึ้นตามตัว เพียงแต่เมื่อได้กลิ่นเหล้าก็จะเวียนหัว ไม่สามารถวิเคราะห์อะไรได้ หรือหากดื่มเหล้าก็จะทำให้สลบได้เลย
แน่นอนว่าแพทย์ยังเคยบอกว่า ถ้าดื่มมากๆจะอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นหลังจากครั้งก่อนเธอก็ไม่ได้แตะเหล้าอีกเลย
เธอจำได้ว่าเมื่อกี้เขาเข้าใกล้เธอ เข้าใกล้มากจนเธอสูดกลิ่นเหล้าเข้าไปเหมือนจะเวียนหัวและเหมือนจะไม่เวียนหัว แต่เรื่องราวต่อจากนั้นเธอจำไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
หรือเมื่อกี้เธอได้สลบไป ไม่เช่นนั้นก็คงไม่พิงตัวเขาไว้อย่างนี้มั้ง?
แต่เธอจำไม่ได้จริงๆว่าระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้น
การกระทำของเขาในตอนนี้เป็นเพราะเธอเวียนหัว น่าจะอุ้มเธอ ไปที่เตียงหรือเปล่า?
แท้จริงแล้วเมื่อกี้เธอไม่ได้สลบไปเสียทีเดียว แต่ขาดการรับรู้เฉยๆ
เย่ซือเฉินจ้องมองท่าทีที่สับสนของเธอแล้วยิ้ม
เห็นเขากำลังยิ้ม เวินลั่วฉิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปกติเย่ซือเฉินยิ้มน้อยมาก หลังจากที่เธอแต่งงานกับเขาก็เหมือนไม่เคยเห็นเขายิ้มจริงๆเลยสักครั้งเดียว