บทที่ 157 คุณชายสามเย่รู้เรื่องแล้ว (1)
อิริยาบถในตอนนี้ของเธอช่างยั่วยวนใจเหลือเกิน อยากที่จะ……
แต่ในเวลานั้นเสียงโทรศัพท์ของเย่ซือเฉินก็ดังขึ้น เวินลั่วฉิงจึงตกใจได้สติรีบยื่นมือกั้นด้านหน้าเขาไว้
เย่ซือเฉินราวกับแอบถอนหายใจหนึ่งครั้ง จากนั้นก็เอามือถือออกมา ดวงตามีความลุ่มลึกเล็กน้อย
หลังจากที่เย่ซือเฉินรับสายโทรศัพท์ก็เดินออกไป
หลังจากที่เวินลั่วฉิงหลุดพ้นจากการติดตามแล้วก็ติดต่อไปหาเยว่หงหลิงใหม่ เวลาผ่านไปประมาณห้านาที เยว่หงหลิงก็ส่งข้อความมาให้เธอ บอกให้เธอว่าคืนนี้ตีสองให้ไปพบซ่งหยุนที่The Kerry Center Hotel ห้อง 2204
ตอนที่นึกถึงThe Kerry Center Hotelดวงตาของเวินลั่วฉิงก็กะพริบโดยจิตใต้สำนึก 5 ปีก่อนของคืนนั้น เธอกับผู้ชายคนก็อยู่ที่The Kerry Center Hotel……
และเธอยังจำได้ดีว่าตอนนั้นก็อยู่ที่ชั้น22 ห้อง 2202
มันช่างบังเอิญเหลือเกิน ความบังเอิญนี้จะทำให้เวินลั่วฉิงรู้สึกว่า……
เมื่อเวินลั่วฉิงคิดดูแล้ว จึงตัดสินใจโทรไปบอกเย่ซือเฉิน เพราะวันนี้มีภารกิจเฉพาะและเวลาก็ดึกแล้วด้วย เธอคงไม่สามารถออกจากคฤหาสน์ของเย่ซือเฉินในเวลาตีสองไปที่ The Kerry Center Hotel ได้หรอก
ถ้าหากเอาข้อมูลได้แล้วค่อยกลับไปก็คงจะดึกมากไปแล้ว ทางที่ดีไม่กลับบ้านจะดีกว่า มิเช่นนั้นเย่ซือเฉินก็จะเกิดความสงสัยอีก
“คุณสามีค่ะ คืนนี้ฉันมีธุระไม่กลับบ้านแล้วนะคะ?”เมื่อรับสาย เวินลั่วฉิงก็พูดดีดีอย่างอ่อนโยนมาก
เวินลั่วฉิงคิดว่านี่คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก เธอกับเย่ซือเฉินแค่แต่งงานกันในนามเท่านั้นจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถึงจะเป็นสามีภรรยากันจริงๆ แต่ใครก็ต้องมีเหตุสุดวิสัยกันทั้งนั้นแหละ
และจะว่าไป ช่วงก่อนเย่ซือเฉิงเองก็ไม่กลับบ้านกลับช่องบ่อยๆด้วย
“ไม่ได้”เย่ซือเฉินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด และไม่มีช่องว่างการเจรจาเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอยิ่งอยู่ยิ่งกล้าเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว อยากจะไปค้างคืนด้านนอกด้วย?
หลังจากที่แต่งงานกัน เขาไม่เคยขีดกั้นความอิสระของเธอเลย เธอไปทำงานที่บริษัทเวินซื่อกรุ้ปจนกลับดึกกว่าเขาเป็นประจำ เขาก็ทนแล้ว แต่เธอคิดจะไม่กลับบ้านทั้งคืน เขาจะไม่ไม่มีทางทนเด็ดขาด
เวินลั่วฉิงทำหน้าบึ้ง ทำไมเขาไม่มีเหตุผลเลยนะ?
“สามีขา ฉันมีธุระจริงๆนะ”เวินลั่วฉิงกัดฟันทนไว้ พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าเดิม เธอรู้จักเย่ซือเฉินมาพอสมควร จึงรู้ว่าเย่ซือเฉินเป็นคนที่ชอบพูดดีๆด้วยไม่ชอบการพูดจาโอหัง
ดังนั้น เธอรู้สึกว่าพูดอย่างอ่อนโยนกับเย่ซือเฉินอาจจะสามารถเจรจาได้
“อย่ามาเถียง” เพียงแต่เย่ซือเฉินกลับตอบอย่างแน่วแน่ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่ว่าเธอจะมีท่าทีเช่นไร เย่ซือเฉินก็ไม่มีวันยอม
เวินวั่งฉิงกะพริบตารัวๆ จากนั้นก็วางสายทิ้ง ไม่เจรจาก็ไม่เจรจาสิ
เย่ซือเฉินมองมือถือที่ถูกวางสาย ดวงตาทั้งคู่ก็กะพริบไปมา ผู้หญิงคนนี้ยิ่งวันนิสัยยิ่งไม่ได้เรื่อง ถึงขั้นกล้าวางสายเขาทิ้งแล้ว
เย่ซือเฉินอยากจะโทรกลับไปหา
“ท่านประธานครับ กำลังประชุมอยู่นะครับ” เลขาหลิวที่ยืนอยู่ด้านหลังของเย่ซือเฉินได้เตือนขึ้นมาหนึ่งประโยค
วันนี้มีการประชุมหุ้นส่วนของบริษัท หุ้นส่วนหลายท่านต่างมาด้วยเรื่องของการร่วมลงทุนกับบริษัทเวินซื่อกรุ้ป
หุ้นส่วนหลายท่านคิดว่าสถานการณ์ของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปในขณะนี้ บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปไปร่วมลงทุนจะมีความเสี่ยงเกินไป จึงไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของท่านประธานอย่างเห็นได้ชัด
แต่นี่มันเกี่ยวข้องกับบริษัทของคุณนายนะ
ท่านประธานรับสายในเวลานี้ก็ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว แต่รับสายเสร็จยังจะคิดโทรกลับไปอีกเหรอ?
คณะหุ้นส่วนต่างกำลังจ้องมองท่านประธานอยู่เลย
เย่ซือเฉินเงยหน้าขึ้นมองคณะหุ้นส่วนที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ จากนั้นก็หยุดท่าทีการโทรลง
เย่ซือเฉินคิดว่าเมื่อสักครู่เขาแสดงท่าทีได้อย่างกระจ่างแล้ว และพูดอย่างชัดเจนแล้วด้วย ดังนั้นคืนนี้เธอคงไม่กล้าที่จะไม่กลับบ้านหรอก
ทว่าเวินลั่วฉิงไม่ได้กลับบ้านจริงๆ
แต่เย่ซือเฉินก็มีธุระสำคัญอย่างกะทันหัน ดังนั้นจึงไม่ได้กลับบ้านตรงเวลา เนื่องจากต้องไปเอาเอกสารหนึ่งฉบับ ตอนกลางคืนเย่ซือเฉินก็ไปที่ The Kerry Center Hotelด้วย
เย่ซือเฉินไปเอาเอกสารที่ห้องของจี้หซี ดังนั้นเขาก็ไปชั้นที่ 22 ด้วย
เวินลั่วฉิงทำตามเวลาที่เยว่หงหลิงบอก เข้า The Kerry Centerตอนตีสอง
เวินลั่วฉิงทำการแปลงตัว ไม่ใช่สไตล์การแต่งตัวในสถานะคุณหนูใหญ่ตระกูลเวิน และไม่ใช่สไตล์การแต่งตัวตอนอยู่ที่ประเทศ Mอย่างเปิดเผยด้วย
เทคนิคการแต่งหน้าสมัยนี้มันสามารถเปลี่ยนโฉมได้จริงๆ เมื่อดูการแปลงตัวอย่างพิถีพิถันของเวินลั่วฉิงในตอนนี้แล้วเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ว่าจะเป็นลุคของคุณหนูใหญ่ตระกูลเวิน หรือลุคดร.จิตวิทยาก็ตาม เกรงว่าตอนนี้คงไม่มีใครดูเธอออกแน่ๆ
เวินลั่วฉิงเข้าไปที่ห้อง 2204อย่างราบรื่น นาทีแรกที่ซ่งหยุนเห็นเธอก็จำเธอไม่ได้ เกือบจะลงไม้ลงมือกันแล้วเชียว
“ฉันคือเวินลั่วฉิง” เวินลั่วฉิงรีบกล่าวชื่อของตน
ซ่งหยุนจึงถอนหายใจออกแล้วเปิดประตูให้เธอเข้ามา “OMG การแต่งหน้าของคุณยิ่งนานวันยิ่งยอดเยี่ยมมากขึ้น ขนาดฉันยังดูไม่ออกเลย”
“นี่คือข้อมูล คุณเก็บไว้ดีๆอย่าให้ไปตกอยู่ในมือของคนพวกนั้นเด็ดขาด” หลังจากที่ปิดประตู ซ่งหยุนจึงรีบเอาเมมโมรี่การ์ดยื่นให้กับเวินลั่วฉิง
เวินลั่วฉิงรับมาดูแวบหนึ่ง จากนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก เอาเมมโมรี่การ์ดยับเข้าในเสื้อชั้นใน
เธอซ่อนไว้ในตำแหน่งนี้ คนอื่นคงเอาได้ยาก
“คุณไม่กลัวเจอพวกโรคจิตเหรอ……” ซ่งหยุนดูแวบหนึ่งแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “หุ่นอย่างคุณอ่ะ อย่างว่าแต่ผู้ชายเลย ผู้หญิงอย่างฉันยังจ้องตาไม่กะพริบเลย อยากจะเข้าไปจับอย่างอดใจไม่ไหว”
ซ่งหยุนพูดพลางทำท่ายื่นมือเข้าไปจับจุดที่อวบอิ่มของเธอ
“หลบไป”เวินลั่วฉิงรีบขยับไปอีกทางหนึ่ง
“ฉันไปก่อนล่ะ” เวินลั่วฉิงไม่อยากอยู่นาน ตอนเธอเข้ามาก็เห็นมีคนจับตามองเธออยู่ ถึงแม้เธอจะหลุดจากสายตาคนอื่นได้แล้ว แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าพวกเขาจะหาไม่เจอ ดังนั้นการอยู่นานๆจะเป็นอันตรายได้
แน่นอนว่าตอนนี้ซ่งหยุนได้ถูกจับตามอง ช่วงนี้จึงออกจากเมืองAยากหน่อย ปัญหานี้ค่อยแก้วันหลังก็แล้วกัน สิ่งสำคัญในตอนนี้คือเอาข้อมูลออกไปก่อน
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเปิดประตูออกแล้วสังเกตดูรอบๆพบว่าไม่มีสิ่งผิดปรกติจึงได้ออกจากห้องไป
หลังจากที่เวินลั่วฉิงออกจากห้องก็เดินไปที่ลิฟต์เลย
ตอนที่เธอขึ้นมาได้ใช้ลิฟต์ส่วนตัว ลิฟต์ส่วนตัวแอบซ่อนได้ดีกว่าและปลอดภัยกว่า
เพราะเวลานี้ไม่ค่อยมีคนใช้ลิฟต์ส่วนตัวสักเท่าไหร่ ดังนั้นตอนนี้ลิฟต์ก็ยังคงหยุดอยู่ที่ชั้นที่ 22
เวินลั่วฉิงกดหนึ่งครั้ง ลิฟต์ก็ได้เปิดออก
เวินลั่วฉิงเข้าไปที่ลิฟต์แล้วก็กดปุ่มปิดประตู ถึงแม้ว่าลิฟต์ส่วนตัวจะมีระบบการทำงานที่รวดเร็วแล้วก็ตาม
ลิฟต์ได้ปิดอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ตอนที่ลิฟต์กำลังจะปิดสนิทก็มีคนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
เป็นผู้ชายคนหนึ่ง!!
ผู้ชายคนนั้นจ้องมองเข้ามาที่ลิฟต์ พูดให้ละเอียดคือมองมาทางช่องประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดสนิท มือข้างหนึ่งของผู้ชายรีบยื่นมือไปกดปุ่มลิฟต์
ทว่าเขาช้าไปหนึ่งก้าว ลิฟต์ไม่ได้เปิดออกอีก แต่ลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เวินลั่วฉิงอยู่ในลิฟต์ในขณะที่ประตูกำลังจะปิด เธอเห็นผ่านทางช่องประตูเล็กๆว่าคนที่ยืนอยู่ด้านนอกเมื่อกี้คือเย่ซือเฉิน
เกิดอะไรขึ้น?!