บทที่ 202 ฐานะที่แท้จริงของคุณชายสามเย่ (2)
“แต่ด้วยอำนาจของเขา เมื่อเขาสืบหาขึ้นมา ฉันก็ไม่สามารถจะปิดบังอะไรได้” ขณะที่เขาพูดประโยคนี้แววตาเป็นประกาย ฟังดูแล้วเหมือนประโยคธรรมดาทั่วไปแต่กลับมีความลับอะไรซ่อนอยู่
เขาเชื่อในความฉลาดหลักแหลมของเธอ เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้ชัดเจน แค่เปรยออกมาเพียงเล็กน้อย เธอก็สามารถฟังออกแน่นอน
“อำนาจของเขาเหรอ” ไม่ผิดคาด เวินลั่วฉิงจับสังเกตในสิ่งสำคัญที่เขาต้องการจะสื่อออกมาได้
อำนาจของเย่ซือเฉินเหรอ
รุ่นพี่พูดว่าอำนาจของเย่ซือเฉิน แต่ไม่ใช่อำนาจของตระกูลเย่ ระหว่างสองอย่างนี้มันแตกต่างกันมากเลยนะ
“อืม” ชายคนนั้นยิ้มออกมาอย่างพอใจ แน่นอนว่าปราศจากเสียง เวินลั่วฉิงไม่มีทางได้ยิน และไม่มีทางมองเห็นอีกด้วย
“อิทธิพลของเขานั้น เกรงว่าบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปสิบบริษัทก็เทียบไม่ได้ ฉันกลัวว่าจะต้านทานไม่ไหว” เขาพูดเสริมขึ้นมาอีกประโยค
ประโยคที่เขาพูดนั้นต้องการสื่ออะไรบางอย่างอย่างเห็นได้ชัด บริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปสิบบริษัทรวมกันยังสู้อิทธิพลที่เย่ซือเฉินมีไม่ได้งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นเย่ซือเฉินก็ไม่ได้ต้องการครอบครองบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปจริง ๆ น่ะสิ
เวินลั่วฉิงเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมาก ยังไงเธอก็ต้องฟังตรงจุดนี้ออก
แต่ไม่ว่าเย่ซือเฉินต้องการครอบครองบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปหรือไม่นั้น สัญญาที่เธอได้ทำกับเย่ซือเฉินนั้นระบุไว้อย่างชัดเจน และเธอก็รับปากเย่ซือเฉินไว้แล้ว ว่าถ้าเย่ซือเฉินยังไม่ได้ครอบครองบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ป เธอห้ามเอ่ยถึงเรื่องหย่าร้างเป็นอันขาด
ในเมื่อเธอรับปากเย่ซือเฉินไว้แล้ว เธอก็ต้องทำให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็ไม่สามารถทำให้เธอกลายเป็นคนผิดคำพูดไปได้เด็ดขาด
“รุ่นพี่คะ ฉันทราบแล้วค่ะ” เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไรมากมาย เธอพูดเพียงว่าเธอรู้แล้วด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำลงแค่นั้น และไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว
ผู้ชายที่อยู่ในสายนั้นได้แต่สูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ เขาคิดไม่ถึงว่าเขาพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยแม้แต่น้อย ยังคงเลือกที่จะอยู่ข้างเย่ซือเฉิน
เธอบอกว่า เธอกับเย่ซือเฉินแต่งงานกันเพราะมีข้อตกลงบางอย่าง เขาก็เชื่อ
อีกทั้งเขาก็ได้สืบแล้วว่าตอนแรกเย่ซือเฉินบีบบังคับเธอด้วยซ้ำ
แต่เพียงเพราะถูกบังคับงั้นเหรอ ถ้าการบังคับเธอแล้วมันได้ผล รู้อย่างนี้เขาใช้วิธีนี้ไปนานแล้ว ทำไมต้องเสียเวลารอมาตั้งหลายปีด้วย
ในตอนแรกเย่ซือเฉินบีบบังคับก็จริงอยู่ แต่สำหรับเธอแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะหาทางหลีกหนีไม่ได้สักหน่อย
หลายปีมานี้ เขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรมาไม่กล้าบังคับอะไรเธอแม้แต่น้อย
เพราะเขารู้ดีว่าเธอเกลียดคนที่หลอกลวงเธอ เกลียดคนที่บีบบังคับเธอ
แต่ทำไมกับเย่ซือเฉิน เธอถึงยอมเขามากมายขนาดนี้
ทำไมถึงได้ปฏิบัติต่อเย่ซือเฉินพิเศษกว่าคนอื่น
ที่จริงตอนนี้เขาอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าหยินหลง เขายืนอยู่บนที่สูง สามารถมองเห็นเธอได้อย่างชัดเจน ทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่เขากลับรู้สึกว่าระหว่างเธอและเขากลับห่างไกลกันเหลือเกิน
“รุ่นพี่…” เวินลั่วฉิงเห็นเขาเงียบไปอยู่พักใหญ่ จึงเอ่ยเรียกขึ้นมา เธอรู้สึกวันนี้รุ่นพี่มีท่าทีแปลก ๆ
เดี๋ยวรุ่นพี่บอกว่ามีธุระ เดี๋ยวบอกว่าไม่มีอะไร ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย
เขากลั้นหายใจชั่วครู่ ขณะที่เขายืนอยู่บนที่สูง ก็ได้มองมาที่ร่างของเธอ นัยน์ตามืดลงเล็กน้อย สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อยากบังคับเธออยู่ดี
เขาไม่อยากจบบทสนทนาลง แต่ก็ไม่อยากทำให้เธอสงสัยไปมากกว่านี้ เขาถอนหายใจ และกำลังจะเอ่ยปากพูด
แต่ทันใดนั้น เขาก็มองเห็นเย่ซือเฉิน เขาอยู่ที่ชั้นห้า เย่ซือเฉินอยู่ที่ชั้นสอง และเวินลั่วฉิงอยู่ที่ชั้นหนึ่ง
ห้างสรรพสินค้าหยินหลงเป็นห้างฯ ภายใต้การบริหารของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ป วันนี้เย่ซือเฉินมีธุระที่นี่พอดี
แววตาชายคนนั้นเป็นประกาย ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนความคิด : “ฉิงฉิง เธออยู่ที่ห้างสรรพสินค้าหยินหลงใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ รุ่นพี่รู้ได้ยังไง” เวินลั่วฉิงตกตะลึงเล็กน้อย รุ่นพี่รู้ได้ยังไงกันว่าเธออยู่ที่ห้างสรรพสินค้าหยินหลง
“ฉันก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันเห็นเธอแล้วล่ะ เธอยืนอยู่ตรงไหนนะอย่าไปไหน รอฉันก่อน ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้” เขาให้เวินลั่วฉิงยืนรอเขาอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ไม่ได้ให้เวินลั่วฉิงขึ้นมาหาเขา ก็เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาไปหาเวินลั่วฉิงที่ชั้นหนึ่ง เย่ซือเฉินที่ยืนอยู่ชั้นสองยังไงก็ต้องมองเห็นพวกเขา
เขาตั้งใจอยากให้เย่ซือเฉินมองเห็น…
ถ้าหากเย่ซือเฉินเห็นเข้า จะต้องมีปฏิกิริยาตอบโต้แน่นอน ถึงตอนนั้นเขาก็จะให้ฉิงฉิงเห็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของเย่ซือเฉิน
“รุ่นพี่ จะพบกันที่ห้างฯ นี้เหรอ” เวินลั่วฉิงตะลึงงัน แล้วถามกลับทันที
เดิมทีเธอรู้สึกว่าวันนี้รุ่นพี่มีท่าทีแปลก ๆ ยิ่งตอนที่ได้ยินคำพูดของรุ่นพี่ ในใจเธอรู้สึกได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
ด้วยฐานะของรุ่นพี่ ไม่มีทางที่จะเอ่ยปากอยากพบหน้ากันในสถานที่อย่างนี้แน่นอน อีกทั้งนี่ไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอและรุ่นพี่เลย ทันใดนั้น เธอก็สงสัยขึ้นมาว่ารุ่นพี่คนนี้เป็นตัวปลอม
มีใครแอบขโมยโทรศัพท์ของรุ่นพี่หรือเปล่า แล้วเลียนแบบเสียงรุ่นพี่ สวมรอยเป็นรุ่นพี่แล้วโทรหาเธอ
ชายคนนั้นหยุดนิ่งทันที เขากำโทรศัพท์ไว้แน่น เขาฟังออกว่าน้ำเสียงเธอแฝงไปด้วยความคลางแคลงใจ ถึงขั้นหวาดระแวง
เธอสงสัยในตัวเขาเหรอ ถึงขั้นหวาดระแวงเขาเลยงั้นเหรอ
การที่เขารับรู้ทำให้ใจเขาแทบสลาย
เขาดูแลปกป้องทะนุถนอมเธอมาหลายปี แต่เธอกลับสงสัยเขา หวาดระแวงเขา
มันทำให้เขาเจ็บปวดเหลือเกิน
แต่เขาก็นึกถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของเธอ เธอมีสัญชาตญาณการระวังตัวสูงมาก อาการของเขาในวันนี้ดูผิดปกติมากเกินไป มีความขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่แปลกที่เธอจะระแวงสงสัย
เขานึกถึงสไตล์การจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ของเธอขึ้นมาได้ รู้ว่าเธอเป็นคนเด็ดขาด ทำอะไรคล่องแคล่วปราดเปรียว ไม่อืดอาดยืดยาดให้เสียเวลา
หลายปีมานี้ ในเรื่องความรัก แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยให้โอกาสผู้ชายคนไหนได้เข้าใกล้หรือมาพัวพันกับเธอเลย
ในเรื่องความรัก เธอปิดตัวเองแน่นหนามาตลอด เธอมีเส้นขอบเขตที่เธอสร้างขึ้น เธอจะไม่มีวันล้ำเส้นนั้นแม้แต่ก้าวเดียว และแน่นอนว่าเธอก็ไม่ยอมให้ใครก้าวล้ำเข้ามาเช่นกัน
ตั้งแต่เริ่มแรก เธอให้สถานะเขาเป็นได้แค่รุ่นพี่ เพื่อน จนกระทั่งเป็นญาติ แต่ยังไงก็ไม่ใช่คนรัก
ดังนั้น หลายปีมานี้ เขาจึงไม่กล้าแสดงความในใจออกมา อีกทั้งเธอไม่เคยเปิดโอกาสให้เขาได้พูดความในใจเลยสักครั้ง
ถ้าหากตอนนี้เขาลงไปพบหน้าเธอ เพื่อให้เธอได้เห็นธาตุแท้ของเย่ซือเฉิน แต่เขาก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องที่เหนือการควบคุม
ช่างเถอะ ก็แค่เวลาอีกหนึ่งปีเอง เขากุมหัวใจเธอมาหลายปีแต่ก็ไม่สามารถทำให้ใจเธออบอุ่นขึ้นมาได้เลย เขาไม่เชื่อว่าเวลาเพียงหนึ่งปีเย่ซือเฉินจะทำให้ใจเธอละลายได้
ยิ่งเธอกับเย่ซือเฉินนั้นแต่งงานกันเพราะมีข้อตกลง เธอจึงไม่มีทางที่จะเปิดโอกาสแบบนั้นให้เย่ซือเฉินแน่นอน
เขาน่าจะร้อนรน คิดมากเกินไปหน่อย
“ฉิงฉิง พอดีฉันมีธุระเร่งด่วน ต้องขอตัวก่อนนะ ไว้คราวหน้ามีโอกาสค่อยพบกันนะ” เขาไม่ได้ตอบคำถามของเวินลั่วฉิง แต่กลับเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน
เขารู้จักเธอดีมาก รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำให้เธอหายสงสัยและหวาดระแวงได้
“…” เวินลั่วฉิงได้ยินที่เขาพูดก็รู้สึกโล่งอก ดูท่าเมื่อกี้เธอคงจะระแวงมากเกินไป นี่คือรุ่นพี่ตัวจริง ไม่ได้มีใครมาสวมรอยเป็นเขา
เป็นเพราะอาชีพของเธอทำให้เธอเป็นคนที่ระแวดระวังตัวมากเกินไปหน่อย หวังว่ารุ่นพี่จะไม่ได้คิดมากนะ
จากนั้นเขาก็วางสายไปโดยไม่ลังเลสักนิด แต่หลังจากวางสาย เขากลับไม่ไปจากที่นี่ ยังคงยืนอยู่ด้านบนคอยมองดูเธอ และคอยดูเย่ซือเฉินที่อยู่ชั้นสอง เขาอยากคอยดูว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น