บทที่ 211 แผนการของคุณชายสามเย่ มันอำมหิตมาก(2)
“เป็นคนที่ผมสั่งให้คอยปกป้องคุณ”เมื่อเย่ซือเฉินได้สติก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วยอมรับโดยตรง
เขาพูดแบบไม่รู้สึกอาย ไม่หน้าแดง หายใจเร็วเลย อย่างกับมีเรื่องนี้อยู่จริง
เวลานี้อารมณ์ของเย่ซือเฉินดีมาก แม้กระทั่งการติดตามของเฉิงจื่อที่เป็นมืออาชีพเธอก็ยังสังเกตเห็น แสดงว่าเธอนั้นเก่งมากๆเลย
ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าเธอคือผู้หญิงในสถานีตำรวจคนนั้น ซึ่งก็คือผู้หญิงในห้าปีก่อนนั้นเอง
ตอนนี้ก็ขาดเพียงหลักฐานชิ้นสุดท้ายแล้ว
เขาเชื่อว่าหลักฐานชิ้นสุดท้ายจะมีในไม่ช้านี้แล้ว
เวินลั่วฉิงแอบขำในใจ พูดได้ดีจังเลยว่าปกป้องเธอ เมื่อก่อนทำไมไม่เห็นเขาส่งคนไปปกป้องเธอเลยล่ะ ตอนนี้แค่ไปช้อปปิ้งที่ห้าง เขาก็ส่งคนไปปกป้องเธอขึ้นมาซักงั้น
แล้วจะว่าไป เธอมีอะไรจำเป็นต้องปกป้องไม่ทราบ?
สะกดรอยตามก็คือสะกดรอยตาม ทำไมพูดซักจนน่าฟังขนาดนั้น
ตอนนี้เธอเริ่มสงสัยว่าการกินข้าวเย็นของวันนี้ เขาจะมีเป้าหมายอื่นแฝงอยู่หรือไม่?
แต่เธอคิดไม่ออกว่าเขาจะทำอะไรได้ในการกินข้าวเย็นวันนี้?
ในห้องวีไอพีหมิงเจ๋
คุณชายถังรับสายโทรศัพท์
“ลูกพี่ใหญ่ คุณชายสามเย่พาผู้หญิงมาหนึ่งคน”
“เวินลั่วฉิง”สีหน้าของคุณชายถังไม่ได้มีความประหลาดใจเลย พูดชื่อของเวินลั่วฉิงได้อย่างถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยน มุมปากยังเผยรอยยิ้มเบาๆ
อันที่จริงเมื่อเขาได้รับสายจากเย่ซือเฉินก็เดาเรื่องนี้ออกแล้ว พูดจากใจจริงว่าเขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้ขึ้น
พอเวลาผ่านไปไม่นาน มือถือของเย่ซือเฉินก็ดังขึ้น
เย่ซือเฉินใส่หูฟังเสร็จแล้วค่อยกดปุ่มรับสาย
“ฝั่งของคุณชายถังรู้แล้วว่าคุณจะพาเวินลั่วฉิงไปพบเขา” อีกฝั่งหนึ่งของสาย ส่งเสียงพูดมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
ตอนนี้เย่ซือเฉินได้ใส่หูฟังไว้ จึงไม่มีใครได้ยินว่าคู่สายพูดอะไรบ้าง แม้กระทั่งเวินลั่วฉิงที่นั่งอยู่ข้างๆเย่ซือเฉินก็ไม่ได้ยิน
“อืม”เย่ซือเฉินตอบด้วยเสียงต่ำๆหนึ่งคำเท่านั้น ฟังจากคำพูดแล้วไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่และสีหน้าก็ไม่ได้แสดงอาการต่างไปจากเดิมด้วย
สำหรับจุดนี้ เขาคาดเดาไว้แล้ว อันที่จริงตั้งแต่ที่เขาได้จัดฉากนี้ขึ้นมาก็ไม่ได้หวังว่าจะเห็นเบาะแสอะไรจากพี่ใหญ่เลย
เขาจับประเด็นไว้ที่ตัวของเวินลั่วฉิง
ถึงแม้ว่าเวินลั่วฉิงจะเป็นคนที่ใจเย็นสงบและฉลาดมาก แต่เขาก็มีวิธีของเขา วันนี้เขาจะหาหลักฐานพิสูจน์ให้เรื่องราวมันกระจ่าง
เย่ซือเฉินกดวางสายโดยเร็ว เวินลั่วฉิงไม่ได้ถามและไม่ได้คิดอะไรมาก
หลังจากที่ถึงหมิงเจ๋ เย่ซือเฉินก็จอดรถไว้ที่หน้าประตู แล้วลงจากรถเอากุญแจให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัย ให้รปภ.ไปจอดรถที่ลานจอดรถ
เขาพาเวินลั่วฉิงเข้ามาในหมิงเจ๋ พอเดินมาถึงหน้าห้องวีไอพีที่เขาได้สั่งจองไว้ จู่ๆมือของเย่ซือเฉินก็ยื่นไปคว้าเอวของเธอมากอดไว้ในอ้อนแขน
บางครั้งคนเราสามารถปิดบังอารมณ์ของตัวเองได้ดี มองดูผิวเผินแล้วจะไม่เห็นความผิดปกติแต่อย่างใด
แต่ร่างกายนั้นจะสื่อเป็นภาษากายโดยธรรมชาติ ซึ่งปิดยังไงก็ปิดไม่มิด
ตอนนี้เขากอดเธอไว้อย่างนี้ พอถึงเวลาก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาการตอบสนองทั้งหมดของเธออย่างชัดเจน
เวินลั่วฉิงจ้องมองเขาด้วยความสงสัย เขาอมยิ้ม มือที่โอบเอวเธอนั้นเริ่มจับแน่นขึ้น ซึ่งเขาโอบได้แน่นเพียงใดก็ยิ่งจะรู้สึกปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกายเธอได้มากเท่านั้น
เวินลั่วฉิงคิดจะที่เอ่ยปากพูด แต่จู่ๆเขาก็ได้ผลักประตูพาเธอเดินเข้าไป ในตอนที่ก้าวเท้าเดินเข้าไปอยู่นั้น เขากลับก้มหน้าลงมาจูบเธออย่างกะทันหัน เขารู้ว่าทุกครั้งที่เขาจูบเธอแล้ว เธอจะรู้สึกสับสนจนสมองเบลอๆ ความฉลาดและไหวพริบจะน้อยลงไปด้วย
แน่นอนว่าเวลานี้เขาไม่ได้จูบอย่างลุ่มลึก เพียงแค่จูบเบาๆหนึ่งครั้ง
จากนั้นเขาก็ยืดตัวเธอให้ตรง ให้เธอเห็นชัดเจนว่าในห้องมีคุณชายถังรออยู่ที่นั่นแล้ว
เขาเชื่อเหลือเกินว่า สถานการณ์แบบนี้เธอไม่มีทางที่จะปิดได้อย่างมิดชิดแน่นอน
ตอนนี้เขาจูบเธอก็เพื่อรบกวนสมาธิของเธอและจงใจจะให้คุณชายถังที่อยู่ในห้องเห็น
ตอนแรกเวินลั่วฉิงก็ถูกเย่ซือเฉินกระทำจนเหงื่อเต็มหน้าอยู่แล้ว จากนั้นจู่ๆก็เห็นคนที่อยู่ในห้องก็ตัวแข็งทื่อไปเลยทีเดียว
เธอคิดไม่ถึงว่าในห้องยังมีคนอื่นอยู่ด้วย แต่เห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินรู้ แต่ในเมื่อเขารู้แล้ว ทำไมเมื่อกี้ยังจะมาจูบเธออีกล่ะ?
และจูบตอนที่ผลักประตูเปิดออกอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้เย่ซือเฉินจงใจทำเช่นนั้น!
จงใจจูบเธอเพื่ออะไรกัน?
เพื่อให้คนในห้องเห็น?หรือเพื่อรบกวนสมาธิเธอ?
หรือเป็นเพราะทั้งสองสาเหตุ!!
แต่ทำไมเย่ซือเฉินถึงทำแบบนี้
เวลานี้สายตาของเวินลั่วฉิงอยู่ที่ผู้ชายในห้อง คิ้วของเธอยักขึ้นเล็กน้อย
เธอรู้จักผู้ชายคนนี้
เขาคือถังหลิน เธอเคยเห็นข้อมูลของเขาจากรุ่นพี่
ถังหลินกับรุ่นพี่มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน เธอจำได้ว่ารุ่นพี่ติดหนี้บุญคุณถังหลินไม่น้อย
ทำไมถังหลินถึงมาอยู่ที่นี่?เธอนึกขึ้นได้ว่าลูกพี่ใหญ่ของคุณชายหกในเมือง Aก็คือถังหลิน
ดังนั้น ครั้งนี้เย่ซือเฉินจงใจจะพาเธอมาพบถังหลิน
ดวงตาของเวินลั่วฉิงกะพริบเบาๆ ในเวลาอันสั้นๆนี้เธอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
ครั้งก่อนที่เธอไปช่วยคุณชายห้าฉิงก็น่าจะเป็นถังหลินและรุ่นพี่แอบอ้างว่าเป็นเธอ
ครั้งก่อนเย่ซือเฉินไปดักรอเธอที่สถานีตำรวจแต่ไม่เจอ จากนั้นก็สืบเรื่องของเธอมาโดยตลอด เธอเป็นคนที่ถังหลินแนะนำมา ดังนั้นเย่ซือเฉินจึงสงสัยว่าเธอเป็นคนของถังหลิน?
ดังนั้นครั้งนี้เย่ซือเฉินจึงได้นัดเจอกัน เพื่อจะได้จู่โจมอย่างกะทันหัน
ไม่พูดไม่ได้แล้วว่า เย่ซือเฉินนั้นเป็นคนวางแผนการณ์ไกล มันเป็นแผนการที่สูงมากจริงๆ
เขาคิดจะจู่โจมกะทันหัน ก่อนเข้าห้องก็โอบเอวของเธอไว้ เพื่อจะได้ตัดสินจากปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกายเธอ และเมื่อเปิดประตูก็ตั้งใจจูบเธอให้เสียสมาธิ
แผนการที่เป็นขั้นเป็นตอนช่างแยบยลจนไม่มีที่ติดจริงๆ
เมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นเธอก็ไม่สามารถทำได้เช่นนี้
แต่ว่าเสียดายที่เธอไม่ใช่คนของถังหลิน
ดังนั้น เมื่อเธอเจอถังหลินก็คงไม่มีปฏิกิริยาการตอบสนองดั่งที่เย่ซือเฉินต้องการได้
สายตาของเวินลั่วฉิงมองไปทางเย่ซือเฉินรู้สึกอยากจะหัวเราะ แต่สีหน้าก็ไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ
ดวงตาของเย่ซือเฉินหรี่ขึ้น เมื่อกี้เขาไม่ได้สังเกตเห็นถึงปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของร่างกายเธอเลย เธอยังคงผ่อนคลายสบายๆ ไม่มีความร้อนใจใดๆ และไม่รู้สึกตะลึง ไม่รู้สึกประหลาดใจเลย
เมื่อกี้เขาแค่สังเกตเห็นเธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่นั่นไม่ใช่อารมณ์ที่เขาอยากเห็น
เวินลั่วฉิงหันกลับไปมองถังหลินอีกครั้ง
ถังหลินกำลังยิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยน
สุภาพอ่อนโยน?เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าคำนี้ไม่เหมาะสมกับถังหลินเท่าไหร่นัก
ถังหลินต้องเป็นจิ้งจอกที่วางแผนได้อย่างเฉียบแหลมต่างหาก
ทันใดนั้น เวินลั่วฉิงก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รุ่นพี่บอกว่าเย่ซือเฉินมีอำนาจที่น่าเกรงขาม ดังนั้นรุ่นพี่ก็รู้สึกจะรับมือไม่ไหว กลัวช่วยเธอเก็บซ่อนสถานะที่แท้จริงของเธอไม่อยู่
แต่ว่า ในเมื่อถังหลินเคยแอบอ้างตัวเธอเพื่อปฏิบัติการเรื่องนั้น ตอนนี้เย่ซือเฉินจะตรวจสอบเธอ จึงไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ถังหลินคงจะช่วยเธอปกปิดสถานะที่แท้จริงของเธออย่างสุดกำลังแน่นอน
อำนาจของเย่ซือเฉินถึงแม้จะใหญ่โต แต่จะใหญ่กว่าถังหลินเหรอ?
ถังหลินคือหนึ่งในแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล และตระกูลถังที่เป็นหนึ่งของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลก็ถือว่าอยู่แถวหน้าเลยทีเดียว
ดังนั้น ก่อนหน้านี้รุ่นพี่อยากจะสื่อถึงอะไรกันแน่?