บทที่ 217 เขาเป็นผู้ชายใน 5 ปีก่อน(1)
“ทรัพยากรอย่างนี้ไม่ใช้ก็เสียดายแย่สิค่ะ” เวินลั่วฉิงเข้าใจความหมายของเลขาหลิว เธอทนไม่ไหวหัวเราะออกมา จู่ๆก็รู้สึกว่าเธออ้างเย่ซือเฉินอย่างนี้ก็ไม่เลวเลย
เลขาหลิวหยุดชะงัก ดวงตากะพริบ เขาฟังจากคำพูดของคุณนายแล้ว ทำไมรู้สึกกำลังใช้ประโยชน์จากขยะอยู่ยังไงอย่างนั้น และท่านประธานของตนก็คือขยะที่นำกลับมาใช้ใหม่’!!
“อื้ม อื้ม……”เลขาหลิวตกใจกับความคิดของตัวเอง จนทนไม่ไหวกระแอมออกมาเป็นเสียง
“เลขาหลิวค่ะ ประธานของคุณออกไปทำงานหรือค่ะ?”เวินลั่วฉิงมองเลขหลิว ทันใดนั้นก็ถามขึ้นมาอีกประโยค
“ครับ”เลขาหลิวตอบอย่างรวดเร็วอย่างไม่ได้ลังเลอะไร
“เขาออกไปทำงานนอกสถานที่ก็ไม่ให้คุณติดตามไปด้วยหรือค่ะ?”หางคิ้วของเวินลั่วฉิงยกขึ้น“ให้คุณอยู่มาจับตามองฉันหรือค่ะ”
เวินลั่วฉิงพูดอย่างมั่นใจ เรื่องเมื่อกี้เป็นฟ้องได้เป็นอย่างดี
“คุณนายครับ ท่านประธานก็แค่เป็นห่วงคุณนายครับ”ตอนแรกเลขาหลิวคิดจะช่วยประธานของตนปกปิด แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อสบตากับเวินลั่วฉิงก็เปลี่ยนคำพูดเฉยเลย
หลังจากที่เลขาหลิวพูดจบก็มีเหงื่อออกท่วมตัว แย่แล้ว ทีนี้คุณนายต้องโกรธแน่ๆเลย?
“ออ ขอบคุณท่านประธานของคุณแทนฉันด้วยนะคะ”แต่เวินลั่วฉิงไม่ได้โกรธ มุมปากของเธอกลับยกขึ้นยิ้มเล็กน้อย เรื่องวันนี้เธอควรจะต้องขอบคุณเย่ซือเฉินจริงๆ
แน่นอน เย่ซือเฉินสั่งให้เลขาหลิวจับตาดูเธอ ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกโกรธอะไร
เลขาหลิวหยุดชะงัก คุณนายไม่โกรธจริงๆ?หรือกำลังแสร้งทำ?
เขาดูท่าทางของคุณนายแล้วก็ไม่เหมือนกำลังเสแสร้งอยู่?
อย่างนี้คุณนายก็ไม่โกรธ มีความเป็นกุลสตรีที่อ่อนโยนและเข้าใจผู้อื่นจริงๆ!!!
มิน่าล่ะ ท่านประธานถึงดีเป็นพิเศษกับคุณนายอย่างนี้!!
มิน่าล่ะ หลายปีมานี้ถึงไม่มีใครเข้าสายตาของท่านประธานได้เลย นอกจากคุณนายคนเดียวที่สามารถครองใจของท่านประธานได้
เวินลั่วฉิงเข้าไปนั่งในห้องทำงานสักพักหนึ่ง เธอไม่ถนัดด้านธุรกิจจริงๆ และไม่มีความสนใจในด้านธุรกิจด้วย ดังนั้นเธอนั่งไม่นานก็ออกไป
เวินลั่วฉิงเพิ่งออกจากบริษัทก็ถูกคนดักรออีกแล้ว
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย วันนี้เป็นวันอะไรกันนะ?!
“เวินลั่วฉิง คุณแน่มากเลยนะ”เย่อหยู่เฟิงจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่โกรธจัด ราวกับเธอทำความผิดที่ใหญ่หลวงจนไม่สามารถให้อภัยได้
เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก เกิดอะไรขึ้น?เย่อหยู่เฟิงมาวุ่นวายอะไรอีก?
“5ปีก่อน คุณแกล้งทำเป็นป่วยแล้วจากไปอย่างไม่มีข่าวคราว ครั้งนี้คุณก็เล่นซ่อนตัวกับผม ไม่ให้ผมแม้แต่เบอร์และไม่ติดต่อกับผมอะไรเลย ถ้าวันนี้ผมไม่มาดักรออยู่หน้าบริษัท คุณจะหลบผมถึงเมื่อไหร่กัน?”เย่อหยู่เฟิงมองสีหน้าเธอที่ไม่รู้ประสีประสายิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
ดวงตาเวินลั่วฉิงกะพริบเบาๆ เย่อหยู่เฟิงด่าว่าอย่างนี้มันแปลกมากเลย เธอหลบเขาอยู่?พูดด้วยสาเหตุใดล่ะ?
คืนนั้นเขาได้ช่วยเธอไว้ ถ้าเขาต้องการให้เธอช่วยเหลืออะไรตอบแทน เธอก็ยินดี แต่เขาพูดเช่นนี้มัน……
ฟังเหมือนกับภรรยาที่ถูกทอดทิ้งยังไงอย่างนั้น!!
“เวินลั่วฉิง คุณอย่าบอกผมนะว่าคุณไม่เคยคิดจะติดต่อหาผมเลย?ไม่เคยคิดจะติดต่อผมเลยใช่ไหม?”เย่อหยู่เฟิงเห็นการตอบสนองของเธอ ดวงตาจึงหรี่ขึ้นจ้องมองเธออย่างอันตราย
“ใช่ ไม่เคย”เวินลั่วฉิงพูดตามความจริง และตอบอย่างตรงไปตรงมา เธอไม่เคยคิดที่จะไปหาเขา?ทำไมเธอต้องไปหาเขาด้วยล่ะ?
เธอรู้ดีว่าเย่อหยู่เฟิงเป็นคนที่อันตรายมาก เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกใจดำ และมีความขี้สงสัยมากๆด้วย คนอย่างเขาไม่เหมาะสมที่จะให้เธอคบค้าสมาคมด้วย
และบวกกับเรื่องของคืนนั้น หากเธอไปหาเย่อหยู่เฟิงก็จะทำให้เย่ซือเฉินสงสัยได้ง่าย
“เวินลั่วฉิง……”เย่อหยู่เฟิงถอนหายใจแรงๆ จ้องมองเธอด้วยดวงตาที่โกรธจัด ราวกับอยากจะเผาเธอให้สิ้นซากไปเลย
บัดนี้สายตาของเย่อหยู่เฟิงน่ากลัวมาก แต่เวินลั่วฉิงยังคงทำตัวสบายๆอยู่
เมื่อเย่อหยู่เฟิงเทียบกับเย่ซือเฉิน ยังห่างกันเยอะ เธอเคยชินกับสายตาที่เย็นชาของเย่ซือเฉินแล้ว เธอจึงสามารถต้านสายตาที่เป็นรองเช่นนี้จากเย่อหยู่เฟิงได้อย่างหายห่วง
เธอจึงหาข้อดีที่อยู่กับเย่ซือเฉินได้แล้วหนึ่งข้อ!!
“ฉันยังมีธุระ ไปก่อนนะ”เวินลั่วฉิงไม่คิดจะคุยกับเขาต่อ ตอนนี้เย่อหยู่เฟิงมีท่าทางเช่นนี้ เธอคิดว่าควรอยู่ห่างๆเขาไว้จะดีกว่า
“ยังจำห้าปีก่อนที่คุณนอนกับผู้ชายคนนั้นในโรงแรมได้ไหม?”ดวงตาของเย่อหยู่เฟิงหรี่ขึ้น ไม่ได้รั้งเธอไว้ แต่พูดขึ้นมาหนึ่งประโยคกะทันหัน
เย่อหยู่เฟิงเป็นคนที่ฉลาดและเจ้าเล่ห์มาก เขารู้ดีว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะให้เธออยู่ต่อ
เวินลั่วฉิงหยุดเดินแล้วรีบหันไปมองเขา ถ้าหากเป็นคนอื่นพูดเธอคงจะไม่เชื่อ แต่เย่อหยู่เฟิงเป็นคนพูดเธอจึงต้องเชื่อ เพราะเย่อหยู่เฟิงรู้เรื่อง 5 ปีก่อนเป็นอย่างดี
ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะห้ามเย่อหยู่เฟิงไม่ให้ไปสืบ แต่ด้วยนิสัยที่ขี้สงสัยอย่างเย่อหยู่เฟิงแล้วมีหรือจะอยู่นิ่งๆ
“รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครไหม?”เย่อหยู่เฟิงเห็นการตอบสนองของเธอ มุมปากก็ยกขึ้น ดวงตาที่งดงามดั่งดอกท้อได้เผยรอยยิ้มออกมา
“คุณรู้หรือ?”สำหรับเรื่อง 5 ปีก่อน เวินลั่วฉิงไม่เคยและไม่คิดจะสืบหาความจริงเลย แต่หากเย่อหยู่เฟิงรู้แล้ว เธอจะไม่สนใจไม่ได้
เย่อหยู่เฟิงมีนิสัยกล้าลองดี่กลัวนรกสวรรค์…. และเย่อหยู่เฟิงเป็นคนที่ถนัดแต่เรื่องทำลายล้าง ไม่ชอบแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นเลย
“ใช่ ผมรู้ หลังจากนั้นผมได้ลองไปสืบหาดู ซึ่งความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั่นโดยแท้ ผมสืบได้แล้วจริงๆ และคนพวกนั้นยังไม่รู้ตัวด้วย”เย่อหยู่เฟิงยิ้มอย่างได้ใจและโอ้อวด มันเป็นความหยิ่งผยองเฉพาะตัวของเขา
เพราะรอยยิ้มที่หยิ่งผยองของเขา เมื่อดูจากดวงตาที่งดงามของเขาแล้วจะเห็นแสงที่ส่องเป็นประกายอย่างตระการตา
ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ดวงตาของเวินลั่วฉิงก็กะพริบ ดูเหมือนเขาจะรู้แล้วจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ต้องเกิดความวุ่นวายแน่ๆ
“คือใคร?”เวินลั่วฉิงเม้มปากเล็กน้อย ทนไม่ไหวถามขึ้นมาหนึ่งประโยค เธออยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร หลังจากที่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครแล้วเธอถึงจะรู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป
หวังว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ใช่ผู้ชายที่เอาไม่อยู่ แต่เธอยังจำเรื่องนั้นได้ดี ตอนนั้นผู้ชายคนนั้นอันตรายและน่ากลัวมาก!
เวินลั่วฉิงถอนหายใจหนึ่งครั้ง รู้สึกว่าจะมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลย!
“อยากรู้หรือ”เย่อหยู่เฟิงจ้องมองเธอ ดวงตาดอกท้อที่งดงามได้ยกหางคิ้วขึ้นและยิ้มอย่างชอบใจยิ่งนัก
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่กวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง มันเป็นสายตาที่ธรรมดาเรียบง่าย แต่เหมือนน้ำแข็งที่สามารถเย็นแทงเข้ากระดูกได้!
เย่อหยู่เฟิงสบตาเธอก็รู้สึกใจสั่น แววตาของเธอช่างน่ากลัวเหลือเกิน เขาโตขนาดนี้แล้วยังเป็นครั้งแรกที่เห็นแววตาที่น่ากลัวเช่นนี้
“ได้ ได้ ผมบอกคุณว่าเขาคือใคร”เย่อหยู่เฟิงบิดปากเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจจริงๆ ตอนแรกเขาเป็นคนคุมเกมส์อยู่แท้ๆ ทำไมเพิ่งจะเริ่มปะทะเขาก็เป็นรองเสียแล้ว?