บทที่345 คุณชายสามเย่จับคนร้ายในที่เกิดเหตุ (5)
เวินลั่วฉิงเองก็กังวลกลัวว่าตัวตนของเด็กทั้งสองคนจะโดนขุดคุ้ย เธอกลัวว่าคนอื่นๆจะมาว่าลูกๆทั้งสองคนของเธอ กลัวว่าคนอื่นๆจะพูดว่าลูกทั้งสองคนของเธอเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อ
เธอรู้ว่าที่จริงเด็กทั้งสองคนอ่อนไหวกับเรื่องๆนี้มาก โดยเฉพาะถังจื่อโม่ ไม่อย่างนั้นวันนี้ถังจื่อโม่ก็คงไม่ทำกับเด็กชายตัวอ้วนคนนั้นแรงขนาดนี้
เธอไม่อยากให้เด็กทั้งสองคนได้รับความเจ็บปวดใดใด ที่จริงเธอรู้ว่ากลับไปประเทศM ปลอดภัยที่สุด
แต่ว่า เด็กทั้งสองคนกลับไปประเทศM เธอกลับไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้หย่ากับเย่ซือเฉิน
เธอก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะสามารถกลับไปได้?
“อืม” ถังจื่อโม่พยักหน้า ตอบกลับมาอย่างมั่นใจ ถังจื่อโม่เพื่อนตัวน้อยไม่ได้วู่วาม ตัวเขานั้นมีแผนการ แถมเขากลับไปครั้งนี้ มีภารกิจสำคัญมาก
เขาบอกว่าพ่อที่ให้กำเนิดเขาก็คือโม่เหยียน ดังนั้น เขาก็เลยแอบตรวจสอบเรื่องบางส่วนของโม่เหยียน หลังจากนั้น เขาก็พบเข้ากับเรื่องมหัศจรรย์บางเรื่อง โม่เหยียนคนนั้นกับเย่ซือเฉินมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกันตั้งหลายเรื่อง
เขากลับไปครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะไปตามหาคำตอบสุดท้าย ยังไงเสียทางโน้นมีของครบกว่าหลายอย่าง เวลาตรวจสอบก็ง่ายขึ้น
เวินลั่วฉิงคิดถึงที่ลูกๆทั้งสองคนกลับไป เธอเองก็ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่จะได้เจอลูกทั้งสองอีก?
เธอทำใจไม่ได้จริงๆ
แต่ว่า มองเห็นสีหน้าตั้งใจของถังจื่อโม่ เธอเองก็ไม่สามารถบังคับถังจื่อโม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโต เพียงแค่ไม่ใช่เรื่องที่ทำแล้วผิดกับหลักการ เวินลั่วฉิงล้วนเคารพความต้องการของเด็กๆ
แถม สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ ยังไงก็ไม่มีทางที่จะดูแลเด็กได้ทุกวัน ไม่สามารถดูแลเด็กๆให้ดีได้ ดังนั้น ให้เด็กๆกลับไปประเทศMก่อนก็ดีเหมือนกัน
“แม่ ไม่นานผมจะต้องกลับมาครับ” ถังจื่อโม่มองเห็นท่าทางตัดใจไม่ลงของเวินลั่วฉิง ยื่นมือเล็กออกไปจับไว้กับมือของเวินลั่วฉิง
เขากลับไปครั้งนี้นั้นมีภารกิจ รอจนเขากลับมา ไม่แน่ว่าอาจจะมีเซอร์ไพรซ์ใหญ่ก็ได้!!
เขาคิด อย่างนั้นกับแม่ กับน้องก็ควรนับได้ว่าเป็นเซอร์ไพรซ์?
“อื้อ” แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงจะต้องเข้าใจในความคิดของถังจื่อโม่ อุ่นใจขึ้นมา จื่อโม่ของเธอนั้นเข้าใจเรื่องราวมากมายจริงๆ
“อย่างนั้นหนูก็จะไปกับพี่ด้วย” ถังจื่อซีตัวน้อยได้ยินว่าพี่ชายจะกลับไป ก็เลยอยากจะกลับไปด้วยเหมือนกัน เธอไม่ต้องการที่จะห่างจากพี่ชาย คุณหนูถังจื่อซีโตมาด้วยกันกับพี่ชาย ติดพี่ชายมาก
“อือ ดีเหมือนกัน ลูกกลับไปพร้อมกับพี่ชาย” เวินลั่วฉิงอุ้มถังจื่อซีไว้ จุ๊บลงไปบนหน้าของเธอ จื่อโม่กลับไปแล้ว ทิ้งจื่อซีไว้ที่นี่คนเดียว เธอยิ่งไม่วางใจ
รอให้เด็กทั้งสองคนกลับไปแล้ว เธอก็ค่อยคิดวิธีที่จะไปจัดการกับตระกูลเย่ พยายามรีบๆช่วยเย่ซือเฉินได้บริษัทตระกูลเย่หรุ้ปมาครอบครอง ถึงตอนนั้น เธอก็สามารถที่จะกลับไปดูแลลูกๆทั้งสองได้แล้ว
“แกไม่คิดที่จะกลับไปพร้อมกันกับเด็กทั้งสองคนเหรอ?” นัยน์ตาของถังไป๋เชียนวูบไหว ถ้าเกิดว่าลูกๆทั้งสองคนต้องกลับไป เขาคิดว่าหว่านล้อมให้เวินลั่วฉิงกลับไปคงไม่ยากเท่าไหร่
ยังไงเสีย สำหรับเวินลั่วฉิงแล้ว ลูกทั้งสองคนชนะทุกสิ่ง เธอดูแลเด็กทั้งสองสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง เรื่องของเย่ซือเฉินยังไงก็ไม่มีทางสำคัญไปกว่าเรื่องของลูกทั้งสองคนได้!
“ฉันยังกลับไปไม่ได้ ฉันรับปากเย่ซือเฉินไว้แล้ว” เพียงแต่ ดูเหมือนเวินลั่วฉิงจะไม่ได้ลังเลขนาดนั้น ถึงขนาดที่ว่าไม่ได้มีความคิด คำพูดนั้นคำพูดเดียวถึงได้ออกมาจากปากแบบนี้
เวิ่นลั่วฉิงแค่พูดว่ารับปากเย่ซือเฉินไว้แล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องของรุ่นพี่เธอรักษาความลับแน่ๆ ในขณะเดียวกันเรื่องระหว่างเธอกับเย่ซือเฉินก็ไม่มีทางที่จะให้คนอื่นรู้เยอะเหมือนกัน รวมไปถึงรุ่นพี่
หัวใจของถังไป๋เชียนหนักอึ้ง เขาคิดไว้แล้วว่าเธออาจจะปฏิเสธ ดังนั้น ต่อจากนี้เขาคิดคำพูดมากมายที่จะใช้หว่านล้อมเธอเอาไว้แล้ว
แต่ว่า ก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน เธอจะปฏิเสธได้ไม่ลังเลแบบนี้ ถึงขนาดที่ไม่ได้ใช้ความคิด
เธอรับปากเย่ซือเฉินเอาไว้แล้ว? เธอรับปากอะไรกับเย่ซือเฉิน?”
เขานึกว่าขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูกๆทั้งสองคน ยังไงเธอก็ต้องเอาเรื่องของลูกทั้งสองคนวางไว้เป็นลำดับแรก
แต่ก่อนเธอเป็นแบบนั้นมาตลอด
แต่ว่าตอนนี้เขาคิดว่า ดูเหมือนว่าเธอเอาเรื่องเย่ซือเฉินมาวางเอาไว้ก่อนหน้าลูกทั้งสองคน
อย่าบอกนะว่าตอนนี้ในใจของเธอเย่ซือเฉินสำคัญกว่าลูกทั้งสองคน?
มีอยู่แวบหนึ่ง คำพูดที่ถังไป๋เชียนเตรียมเอาไว้ในตอนแรกก็ได้ติดค้างอยู่ในลำคอ พูดไม่ออก
ถังไป๋เชียนเป็นคนฉลาด แถมถังไป๋เชียนเข้าใจเวินลั่วฉิง เขารู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขายังพูดมากอีก เกรงว่าจะทำให้เธอสงสัย
เขาต้องการที่จะแยกเธอกับเย่ซือเฉิน แต่ว่าบนจุดๆนี้ เขากลับไม่ต้องการให้เธอรู้
“ได้ อย่างนั้นพี่จะพาตัวเด็กทั้งสองคนกลับไปก่อน แกเองก็รีบๆกลับไป” ถังไป๋เชียนฝืนบังคับให้ตัวเองพูดประโยคแบบนี้ออกมา ทำลายคำพูดจริงๆในใจของเขา
“ขอบคุณค่ะรุ่นพี่” ริมฝีปากของเวินลั่วฉิงยกยิ้มขึ้น ยิ้มออกมาบางๆ ลูกทั้งสองคนโตอยู่ในประเทศMตั้งแต่เด็ก ที่นั่นมีครอบครัวใหญ่ของพวกเขาอยู่ พวกเขาเหมือนกับญาติ ดังนั้นลูกทั้งสองคนกลับไป เธอกลับไม่กังวล
แต่ก่อนตอนที่เธอมีภารกิจ ก็มีทุกๆที่คอยช่วยดูแลลูกทั้งสอง
อีกด้าน เย่ซือเฉินมองข้อความบนโทรศัพท์ที่คุณชายห้าฉิงส่งมาให้ ดวงตาที่หรี่ลงมีแววตาแตกต่างออกไป หลังจากนั้นริมฝีปากก็ค่อยๆยกยิ้มขึ้น
ในตอนที่เย่ซือเฉินได้รับตำแหน่งที่คุณชายห้าฉิงส่งมานั้น เขาเพิ่งจะเดินมาถึงข้างๆตัวรถพอดี ตำแหน่งที่คุณชายห้าฉิงส่งมานั้นอยู่ใกล้กับตึกใหญ่บริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ถ้าเกิดว่าทะลุผ่านไปทางถนนเล็กๆตรงกลาง ต้องการเวลาเพียงแค่สิบนาที ถ้าเกิดว่าขับรถอ้อมไปไกล เสียเวลา
ดังนั้นเย่ซือเฉินตั้งใจจะวิ่งไป อัตราความเร็วในการวิ่งหนึ่งร้อยเมตรต่อวินาทีไม่กี่นาทีก็ไปถึง
แต่ว่าเขาเพิ่งจะวิ่งได้ไม่กี่ก้าว คุณชายห้าฉิงก็ส่งข้อความ แถมยังส่งมาติดๆกันสองข้อความ
เย่ซือเฉินหยุดอยู่สองวินาที หลังจากนั้นก็วิ่งไปด้านหน้า
เขารู้ความสามารถของเวิ่นลั่วฉิง ความระแวดระวังของผู้หญิงคนนั้นสูงจนน่าตกใจ ฉิงถิงเจอเธอแล้วหลังจากนั้นค่อยโทรหาเขา
จากความสามารถของเธอ ไม่มีทางที่จะไม่พบฉิงถิง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีถังไป๋เชียนอีก ดังนั้น เย่ซือเฉินเลยกลัวว่าฉิงถิงนั้นจะโดนจับได้แล้ว
ดังนั้นเขาคิดว่าข้อความสองข้อความนี้คงไม่มีทางที่ฉิงถิงจะเป็นคนส่ง ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้เดาผิด ข้อความคงจะเป็นถังไป๋เชียนที่ส่ง
ดังนั้น เย่ซือเฉินก็เลยเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก ตอนที่เขาวิ่งไปถึงทางออกๆหนึ่ง ก็รีบเขม่นโทรศัพท์มือถือในมือ หลังจากนั้นก็เห็นว่าตำแหน่งของฉิงถิงเริ่มมีการขยับ
มองออกว่า ฉิงถิงคือกำลังขับรถมุ่งหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก
เย่ซือเฉินนึกว่า ข้อความทั้งสองข้อความคือถังไป๋เชียนเป็นคนส่ง ฉิงถิงในเวลานั้นอาจจะโดนบังคับ ไม่สามารถที่จะต่อต้านได้ แต่ว่ายังไงฉิงถิงออกห่างไปแล้ว อย่างนั้นก็หมายความว่าถังไป๋เชียนเองก็ไปแล้ว
เขานึกว่าพอถังไป๋เชียนออกไปแล้ว ฉิงถิงจะโทรศัพท์มาบอกกับตัวเองให้แน่ชัด
แต่ว่า เขาไม่ได้รับสายโทรศัพท์จากฉิงถิง แถมตอนนี้ฉิงถิงก็ยังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตลอดอีก?
ดวงตาของเย่ซือเฉินหรี่ลง วิ่งไปแล้วก็โทรหาคุณชายห้าถิงไป ตอนนี้เขาต้องการแค่ให้ฉิงถิงบอกเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
ฉิงถิงที่กำลังขับรถมองเห็นว่าบนโทรศัพท์กำลังแสดงชื่ออยู่ เปลือกตาก็กระตุกแรงมาก
เขาไม่อยากจะโกหกพี่สาม ไม่อยากจริงๆ