บทที่351 ลบเมคอัพปลอมตัวของเธอออก (3)
เวินลั่วฉิงนึกไว้อยู่แล้วว่าเย่ซือเฉินต้องรู้เรื่องที่เธอปลอมตัวแน่ และต้องให้เธอเลิกปลอมตัวอย่างแน่นอน
ที่จริงตอนแรกเธอคิดว่าหลังจากกลับเข้าบ้านไปกับเขาแล้ว ก็จะเลิกปลอมตัวทุกอย่าง จากนั้นก็ให้เขาดูให้พอใจ
เพราะเธอรู้ดีว่าไม่สามารถปิดบังต่อหน้าเย่ซือเฉินได้ และเธอก็รู้จักนิสัยของเย่ซือเฉินเป็นอย่างดี
ถ้าหากเธอไม่รับปากเหรอ
เย่ซือเฉินคงได้ทรมานเธอจนจะเป็นจะตายแน่ จากนั้นเขาก็มีวิธีทำให้เธอลบเมคอัพปลอมตัวบนหน้าออกได้ เพื่อดูใบหน้าที่แท้จริงของเธอ
เพราะฉะนั้น เวินลั่วฉิงจึงคิดว่าให้ตัวเองเป็นคนเริ่มก่อนจะดีกว่า
แต่ตอนนี้ยังอยู่ที่ข้างนอก ไม่ถึงที่บ้าน ก็คงไม่รีบร้อนจนต้องเผยออกมาในตอนนี้หรอกนะ
แต่ว่า เย่ซือเฉินบอกว่าที่แต่งหน้าแต่งตัวจนสวยเพราะเพื่อไปพบรุ่นพี่เหรอ
เธอแต่งตัวสวยๆเพื่อลูกรักทั้งสองของเธอแท้ๆ แต่ลูกรักทั้งสองกลับประเทศMไปแล้ว เวินลั่วฉิงจึงไม่อยากอธิบายอะไรมาก
“คุณชอบแบบขี้เหร่ๆไม่ใช่เหรอ แถมก็ชอบแบบลูกเป็ดขี้เหร่สุดๆแบบฉันด้วย” แม้เวินลั่วฉิงคิดว่ากลับบ้านไปแล้วจะเลิกปลอมตัว
แต่พอนึกถึงความพูดที่เย่ซือเฉินพูดก่อนที่จะแต่งงาน นัยน์ตาเธอก็เป็นประกาย จงใจใช้คำพูดตอนนั้นของเขามาตอกกลับเขา
เย่ซือเฉินอึ้งเล็กน้อย จู่ๆหนังตาก็กระตุก จ้องหนังที่อัพเมคปลอมตัวบนหน้าเธอแล้ว ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย มีความขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยเกลียดชังซ่อนอยู่ในนั้น “แล้วยังไงล่ะ”
เย่ซือเฉินคิดว่า หากเธอกล้าบอกว่าที่เธอปลอมตัวให้ขี้เหร่เพราะต้องการให้เขาชอบ เขารับรองได้เลยว่าจะทำให้เธอ…….
“ดังนั้น ฉันเลยทำแบบนี้เพื่อให้เข้ากับความชอบของคุณ” แต่ว่า เย่ซือเฉินยังคิดไม่เสร็จ คำพูดเวินลั่วฉิงก็เอ่ยออกมาแล้ว
ผลเหตุสมควรตายที่เขาคิดไว้อันนั้น เธอยังกล้าเอ่ยออกมาจริงๆด้วย
“เวินลั่วฉิง เธอเชื่อไม่ว่าฉันจะกัดเธอให้ตาย”เย่ซือเฉินขบฟันแน่น เกลียดจนปวดตับไปหมดแล้ว อยากกัดเธอให้ตายจริงๆ
“ทำไมเหรอ คุณไม่ชอบที่ฉันเป็นแบบนี้เหรอ คุณรังเกียจที่ฉันขี้เหร่เหรอ”เวินลั่วเฉิงกะพริบตาปริบๆ อีกทั้งยังเบะปากราวจะร้องไห้ มีความเศร้าและน้อยใจอยู่ด้วย
เย่ซือเฉิน”……”
เย่ซือเฉินโดนเธอทำอึ้งจนพูดไม่ออก
คำพูดเธอ ทำให้เขาถึงกับไปต่อไม่ถูกเลยจริงๆ
แต่ว่า คุณชายสามเย่คนที่ฉลาดเจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจกในตอนนี้ราวกับไม่สังเกตว่า ตอนแรกเป็นเขาเองที่มาจับคน และเป็นเขาที่มาคิดบัญชีกับเธอ แต่ตอนนี้กลับเป็นเขาเสียเองที่ถูกกระทำ
“หากคุณไม่ชอบ และรังเกียจฉัน งั้นฉัน……”เวินลั่วฉิงมองเขาพูดไม่ออกแล้ว จู่ๆก็อยากจะหัวเราะออกมา คำพูดนี้เมื่อก่อนเขาเป็นคนเอ่ยขึ้นเอง โทษคนอื่นไม่ได้
ทันใดนั้นเวินลั่วฉิงก็พบว่าตัวเองเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมากด้วย เรื่องเล็กๆแบบนี้ เธอกลับยังจำมาถึงตอนนี้
“ใช่ ฉันไม่ชอบ เพราะฉะนั้น เอาสิ่งเลอะเทอะพวกนี้ออกจากหน้าเธอไปให้หมดซะ”
เย่ซือเฉินรู้ดีว่าเธอขุดหลุมพรางให้เขา รอเขากระโดดลงไป แต่เขาก็ยังจะกระโดดลงไป เพราะเขาไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้อีกแล้ว
เมื่อก่อน เขาเคยไม่รู้สึกว่ามีอะไร และไม่เคยรู้สึกว่าเมคอัพปลอมตัวบนใบหน้าเธอจะน่าเกลียดอะไร
แต่ว่า พอนึกถึงว่าเธอดูสวยต่อหน้าถังไป๋เชียน เขาก็อิจฉาตาร้อนขึ้นมา เขาถือสา ถือสามากด้วย มีสิทธิ์อะไรไปให้ผู้ชายคนอื่นเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ แต่เขากลับไม่ได้ดู
เขาต้องได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ
“เลอะเทอะเหรอ ฉันคิดว่ามันก็โอเคนะ”เวินลั่วฉิงยกมือ มาจับหน้าของตัวเอง มองเขา แล้วแกล้งถาม”หรือคุณคิดว่ามันไม่สวยเหรอ”
“เวิน ลั่ว ฉิง”เย่ซือเฉินหรี่ตาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเรียกชื่อเธออย่างชัดถ้อยชัดคำ ” ตอนนี้ รีบเอาของเลอะเทอะพวกนั้นบนหน้าเธอออกให้หมด”
“ตอนนี้ทำไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีน้ำยา ไม่มีน้ำยาก็ลบไม่ออก”เวินลั่วฉิงเห็นใครบางคนโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว ท่าทางนั้นมันดูน่ากลัวพิลึก แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
ตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับนึกขำเล็กน้อย
เย่ซือเฉินได้ยินเธอพูดแบบนั้น ก็นิ่งเงียบไปทันที เขาคิดว่าเธอต้องปฏิเสธ ต้องต่อต้าน ต้องขัดขืนสุดฤทธิ์อย่างแน่นอน แต่ความหมายที่ได้ยินจากเธอกลับกลายเป็นมีพื้นที่ให้ต่อรองเจรจา
แต่ว่า เขาสงสัยเล็กน้อยว่าเธอจงใจจะถ่วงเวลา เพราะผู้หญิงคนนี้มันเจ้าเล่ห์สุดๆ แถมยังถนัดสงครามประสาทอีกด้วย
“น้ำยาล่ะ “นัยน์ตาเย่ซือเฉินเป็นประกาย พร้อมกับรีบถามออกไป กลัวว่าจะโดนเธอหลอก
“อยู่ที่บ้าน”ครั้งนี้ เวินลั่วฉิงตอบไปโดยตรง ทีแรกเธอคิดว่ารอให้กลับบ้านไปก่อนแล้วเธอจะสารภาพความจริงกับเขา
เย่ซือเฉินจ้องมองเธอ ดวงตาฉายแวววาว แล้วแวบวาบอีก ก็มองไม่เห็นถึงความผิดปกติอันใดจากใบหน้าเธอ จู่ๆเขาก็ตะโกนบอกเฉิงจื่อที่ขับรถอยู่ด้านหน้า “กลับคฤหาสน์ ให้ไวที่สุด
เสียงนั้นของเขา หากคุณตั้งใจฟัง ก็จะพบความรีบร้อนอยู่ในนั้น และยิ่งไปกว่านั้นคือเขาได้บอกว่าให้ขับให้ไวที่สุด
คุณชายสามเย่คิดว่าในเมื่อเธอบอกว่าน้ำยาที่สามารถลบเมคอัพปลอมตัวทั้งหมดของเธอได้อยู่ที่บ้าน ถ้างั้นถึงบ้าน เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะมาปฏิเสธอีก
เมื่อนึกว่าจะสามารถได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอในไม่ช้า ในใจตอนนี้ของเขาก็แอบตื่นเต้นเล็กน้อย
เวินลั่วฉิง ฟังออกถึงความผิดปกติของเสียงเขา จึงจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจแวบหนึ่ง
ในตอนนี้เอง จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของเย่ซือเฉินก็ดังขึ้นมา
เย่ซือเฉินหยิบโทรศัพท์ออกมา ตอนเห็นชื่อฉิงถิงปรากฏบนจอโทรศัพท์ แววตาคู่นั้นก็ประกายความคิดหนักเล็กน้อย แต่ก็กดรับสายอยู่ดี
เวินลั่วฉิงในตอนนี้กำลังนั่งอยู่ข้างกายเขา จึงเห็นว่าเป็นฉิงถิงคนโทรเข้ามา เมื่อนึกถึงว่าเป็นฉิงถิงเป็นคนแจ้งข่าวให้เย่ซือเฉินในก่อนหน้านั้น เวินลั่วฉิงก็ไม่ค่อยจะชอบฉิงถิงสักเท่าไหร่
เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่ฉิงถิงโทรมาหาเย่ซือเฉินในตอนนี้ต้องการจะทำอะไรอีก
“พี่สาม ขอโทษครับ”เมื่อรับโทรศัพท์ เสียงฉิงถิงก็ดังขึ้นมา เพราะตอนนี้เวินลั่วฉิงถูกเย่ซือเฉินดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมอก ในระยะที่ใกล้มาก ดังนั้นเธอจึงได้ยินเสียงฉิงถิงจากในสายด้วย
เมื่อได้ยินฉิงถิงพูดว่าขอโทษ คิ้วของเวินลั่วฉิงก็ขมวดด้วยความสงสัย
เกินอะไรขึ้นงั้นเหรอ
แม้ตอนนั้นรุ่นพี่คิดแผนแยกฉิงถิงไปออกได้แล้ว แต่เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าจากความสัมพันธ์ระหว่างฉิงถิงกับเย่ซือเฉินแล้ว เมื่อฉิงถิงได้หลุดพ้นจากการควบคุมของถังไป๋เชียน ต้องบอกความจริงให้กับเย่ซือเฉินแน่
ถ้าไม่งั้น เย่ซือเฉินคงไม่สามารถตามพวกเธอได้แน่ เวินลั่วฉิงคิดว่าฉิงถิงต้องเห็นทางที่เธอกับรุ่นพี่หนีไป แล้วเอาไปบอกเย่ซือเฉิน เย่ซือเฉินถึงได้ตามมาถูกทาง และตามพวกเธอได้ทัน
แต่ว่า คำพูดขอโทษของฉิงถิง ทำให้เวินลั่วฉิงรู้สึกได้ว่าเรื่องมันอาจไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคาดเดาเช่นนั้น
เย่ซือเฉินไม่หลีกเลี่ยงเวินลั่วฉิงไม่ให้ได้ยิน แต่ยังจงใจเลื่อนมือถือไปทางเธอ ให้เธอฟังได้ชัดเจนมากขึ้น
“พี่สาม ก่อนหน้านั้นผมโกหกพี่ ทางที่พวกเขาเดินไม่ใช่ทางเดียวกันกับผมครับ ผู้ชายคนนั้นใช้มือถือผมส่งข้อความให้พี่ จากนี้ก็ให้ผมเดินไปทางทิศตะวันออกตลอด แล้วพวกเขาเดินไปอีกทาง ผมเดินไปก่อน ดังนั้นผมจึงไม่รู้ว่าพวกเขาเดินไปทางไหน “เสียงของฉิงถิงดังออกไปต่อเนื่อง
สายตาเวินลั่วฉิงมีความสงสัยเกิดขึ้น ในเมื่อฉิงถิงไม่รู้ว่าพวกเธอเดินไปทางไหน ถ้างั้นเย่ซือเฉินรู้ได้ไงว่าพวกเธอเดินไปทางไหน และเย่ซือเฉินตามทันพวกเธอได้ยังไงนะ